14 กันยายน 2549 13:31 น.
ก้าวที่...กล้า
จารจรดภาษหนึ่งนั้น...................แนบเนา
ทิพย์หยาดโอภาสเพรา...............พ่างแก้ว
โลมลูบผ่อนบรรเทา....................เทียบพี่
จำหลักฤดีผ่องแผ้ว.....................ผ่านพ้นรอคอย
ตะวันลอยล่วงฟ้า........................เฟื่องฟู
มวลพฤกษ์พลันผลิชู...................แช่มช้อย
ลดาวัลย์แทรกดำรู......................รมย์รื่น
ประทิ่นมาลัยสร้อย......................พรั่งพร้อมทาบใจ
สายใยโยงก่อเกื้อ........................เกี่ยวกัน
กระหวัดจินต์สัมพันธ์...................พบพ้อง
อำไพดุจเพ็ญจันทร์.....................ขับช่วง
กระจ่างรัศมีต้อง..........................แต่งแต้มราวสรวง
ดวงใจพราวพร่างแพร้ว................พรรณราย
โสมส่องแสงประกาย....................ก่องหล้า
ดวงดาวกะพริบพราย...................จำรัส
บรรจบนัยแกร่งกล้า.....................กู่ก้องพร้องกานต์
6 กันยายน 2549 15:55 น.
ก้าวที่...กล้า
เข้าใจตนเข้าใจโลกไม่โศกเศร้า
อย่าสร้างเงาสร้างดวงจิตติดหวั่นไหว
ปล่อยวางบ่วงสุข.ทุกข์ซ้อนยอกย้อนใจ
มีสิ่งใดติดตามเจ้าเข้าบั้นปลาย
เป็นมนุษย์ปุถุชนบนโลกนี้
พบแสงสีมายามากหลากความหมาย
ความเที่ยงแท้แห่งตัวตนมิพ้นตาย
คงเดียวดายประโยชน์ทับกลับผืนดิน
สำหรับเราในความตาย
ขอเลือก การฝัง มิใช่ การเผา
29 สิงหาคม 2549 14:41 น.
ก้าวที่...กล้า
เธอคือความแปลกหน้า
ที่สายลมพัดมาเหว่ว้าพ่าย
เมื่อร่องรอยใกล้ชิดเคยปิดตาย
ก็เปิดกรายแทรกเข้าเป็นเงาใจ
แสงพราวของดาวเดือน
สาดส่องเยือนวิจิตรให้พิศได้
เมื่อหมองหม่นเคยคุ้นเป็นอุ่นไอ
ความอำไพไล้โลมก็โถมมา
ฟากฟ้ายามตะวัน
ฟื้นหวาดหวั่นผันหลบเพื่อพบหล้า
เมื่อแสงทองส่องสาดประหลาดตา
ดับโรยราความมืดให้จืดจาง
ผืนดินในถิ่นที่
อาบแสงสีผ่องใสใกล้รุ่งสาง
ดอกไม้แย้มแต้มในกลีบใบบาง
พร้อมกระจ่างปรากฏให้จดจาร
เธอคือความถวิล
ปลดปล่อยจินต์อิสระปะทะม่าน-
ความขื่นขมรานร้าวที่ยาวนาน
ให้ความหวานผ่านแทรกเมื่อแรกพบ
25 สิงหาคม 2549 14:41 น.
ก้าวที่...กล้า
บางเบาเหมือนขนนก.............แต่วิตกดั่งขุนเขา
สายลมพลิ้วแผ่วเบา................กลับทำให้ไหวหวั่นเอน
บางเบาเหมือนนกน้อย............โบยบิน
เหินร่อนลอยโผผิน..................เทียบฟ้า
พลันกลายกลับซบดิน..............รับร่วง
หน่วงหนักจนอ่อนล้า................ทับซ้อน ดั่งขุนเขา
17 สิงหาคม 2549 14:25 น.
ก้าวที่...กล้า
ณ วันนี้ความคิดถึงคำนึงหา
ก็เกินกว่าเก็บซ่อนเร้นดังเช่นเก่า
เมื่อผูกพันนั้นแน่นเหนียวเกี่ยวใจเรา
เป็นเหมือนเงาที่ทาบทอดให้กอดรัก
ณ ยามนี้ความคิดถึงในหนึ่งใคร
โยงเยื่อใยก็อาทรดังศรปัก
จึงพร่ำเพ้อเผยอาวรณ์เพียงผ่อนพัก
หวังคลายหนักที่ทับถมเพาะบ่มไว้
นาทีนี้ความคิดถึงดังขึงล้อม
ด้วยพรักพร้อมผูกสมัครเกินผลักได้
ตาสบตาก็เฉลยเผยความใน
ละมุนไออบอุ่นนักยามทักทาย
ณ วันนี้ความคิดถึงซาบซึ้งค่า
ก็ตรึงตราสร้างนิยามแห่งความหมาย
เมื่อความจริงกับความฝันผูกกันคล้าย
ทะเลทราย..ร่ายเสน่ห์..โอเอซิส
ความคิดถึงเอ่อล้น....................ดวงใจ
ฝากส่งถึงคนไกล......................รับรู้
รักเพาะบ่มภายใน....................หนักแน่น
ซึมซับแห่งเธอผู้........................เจิดจ้า ดั่งตะวัน
เนื่องจากกลอนบทสุดท้ายที่โพสต์ไว้เดิม
....เหมือนหักดิบอารมณ์กลอน....จึงได้แก้ไข
ขออภัยทุกท่านที่แวะมาชมบทกลอน