3 มีนาคม 2551 07:06 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
ในยุคของเราสินค้าที่ดังแบบชาเขียวมีอยู่หลายอย่าง หนึ่งในนั้นก็คือสินค้าประเภทไว้ท์เท็นนิ่ง ผมถามน้องชายของผมที่เพิ่งมีแฟนว่ามีอะไรบ้าง แกก็ตอบว่ามีหมดแหละพี่ทั้งสบู่ ครีม โลชั่น ลูกกลิ้ง ลิปสติก โฟม เจล ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงคงมีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติไม่มากก็น้อยในยุคที่หิมะกำลังจะตกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
"สินค้าพวกนี้ขายดีไหม" ผมถาม
"คนขายรวยเละเลยพี่ ใครๆก็อยากขาว แม้แต่อ้ายหนุ่มก็ยังเอามาทาตัว เพื่อจะได้ขาว" ผมหัวเราะ ที่หัวเราะไม่ใช่เพราะเรื่องอื่น ผมหัวเราะเพราะผมเห็นเนื้อตัวของน้องชายของผม ที่ดำเมี่ยมเหมือนผมไม่มีผิด ถ้าทาครีมตัวขาวเข้าก็คงเห็นขาวแบบ "อ้อก-ลอก" ( คำวิเศษณ์นี้มีเฉพาะในพจนานุกรมไทยตะวันออกเฉียงเหนือฉบับ ก.พ. 255x) คือขาวด่าง ๆ ไม่เข้าน้ำไม่เข้าเนื้อ
"แล้วเอ็งชอบขาวหรือดำ"
"แหม ถ้าเป็นผู้สาวก็ขาวไว้ก่อน แต่ถ้าเป็นถ่านก็ต้องดำล่ะว้า" อ้ายหนุ่มหน้าดำพี่น้องคู่หนึ่งได้ฮากันในค่ำที่ดวงจันทร์แหว่งไปเสี้ยวน้อย ๆ
น้องชายของผมกำลังจีบสาวอยู่คนหนึ่ง ท่าทางคงเอาจริงเอาจังถึงขั้นเป็นบ้านเป็นเรือนคือขอแต่งงาน หน้าตาของว่าที่น้องสะไภ้เรียกว่าไปวัดไปวาได้สบาย ไม่ถึงกับดำแต่ก็ไม่ถึงกับขาว อยู่หมู่บ้านเดียวกับเราแต่ห่างออกไปทางท้ายหมู่บ้าน เธอเพิ่งกลับจากทำงานที่กรุงเทพฯ ผมไม่ห่วงน้องชายของผมนักในเรื่องความรัก ถึงแกจะไม่ใช่นักรักแกก็มีเชื้อของนักรบ ที่หัวใจแกร่งพอที่จะอดทนต่อความเจ็บปวดนานาได้
"ถ้าสมมติว่า แฟนแกเคยมีคนอื่นมาก่อนแกจะรับได้ไหม"
ผมถามแบบเกือบจริงจัง
"มันก็ต้องดูก่อนล่ะพี่ ว่าหลังจากที่มีผมแล้วเขาจะมีใครอีกไหม ถ้าจะมีอีก
ผมก็รับไม่ได้ อ้ายที่ผ่านไป ผมไม่ติดใจอะไรหรอกพี่ เพราะผมก็ใช่ว่าจะดีเด่อะไรนักหนา"
"และถ้าเกิดเขามีคนอื่นด้วยจริง ๆ แกจะเอายังไง"
"แหมทำไมมันถึงบีบคั้นแบบนั้นนักล่ะพี่"
"พี่สมมติ ในหนังในละครและแม้แต่ข่าวมันก็มีแบบนั้น ผู้คนหัวใจเปราะบางกันมาก"
"ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ผมว่าอยู่ด้วยกันไม่ได้หรอก ใครจะอยากเป็นควายให้คนสวมเขา"
หลังจากที่ได้คุยกันผมก็โล่งใจไปมาก เขารู้จักอะไรมากกว่าที่ผมคิดอีก ถ้ามีครอบครัวเขาคงสร้างครอบครัวได้ดี แต่คนเขาว่าบางทีเรื่องแบบนี้มันก็เป็นเวรเป็นกรรมที่ต้องชำระ
ช่วงหลัง หลังจากที่ได้พูดคุยกันน้องชายของผมไปขลุกอยู่ในไร่นาของว่าที่น้องสะไภ้บ่อยขึ้น ช่วยงานโน่นนี่จนเป็นราวคนในครอบครัวนั้น ผมอวยพรในใจให้คนตัวดำที่เกิดคลานตามผมมาประสบความสำเร็จ แต่เรื่องก็มาถึงจุดบีบคั้นอีกจุดหนึ่งจนได้เมื่อน้องของผมรู้ว่าเธอมีท้องจากกรุงเทพฯมาก่อนแล้ว
"เอาไงดีล่ะพี่ ผมเกิดรักเธอเข้าแล้ว"
000
อ้ายหนุ่มหน้ามนคนหน้าดำน้องชายของผมเล่าให้ผมฟังจนหมดไส้หมดพุงเรื่องความรักของเขากับผู้หญิงคนหนึ่งทีกำลังจะเป็นแม่คน
"ผมสงสารเขา ความจริงก็คือรักนั่นแหละ ใครจะว่ากินน้ำใต้ศอกก็ว่าไป"
"การตัดสินใจเป็นของเอ็งไอ้น้องเอ๋ย ความสุขความทุกข์มันอยู่ที่หัวใจของคนนั่นแหละ ถ้าน้องคิดว่านี่จะเป็นการไถ่บาปที่เคยทำกับหญิงอื่นมาก่อนพี่ก็ไม่ขัด แต่ถ้ามันคือความคิดชั่วแล่น อารมณ์ชั่ววูบ หรือแม้แต่ความลุ่มหลงยามลืมตาพี่ว่าน้องคิดให้ดี"
"คิดตรงไหนอีกหรือครับ ในเมื่อผมทำใจรับสภาพนี้ไปแล้ว"
ผมชิงตอบ
"หนึ่งเธอมีจิตใจหวนหากันหรือเปล่า อ้ายคนที่บอกให้เธอเอาเด็กออกคนนั้น สองลูกคลอดออกมาแล้วเอ็งจะอุ้มชูดูแลได้จริงไหมถ้าพ่อจริง ๆ ของมันมาเกี่ยวข้องไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง สามเธอมีใจอย่างไรกับเองแน่ สี่.."
"พอ..พอแล้วพี่ ผมนึกออกแล้วว่าทางออกสำหรับผมคืออะไร"
เขาผละจากผมไปแบบฝ่ายที่คาใจคือผม นี่ทำให้ผมนึก ว่าถ้าผมเป็นเขาเวลานี้ผมจะตัดสินใจอย่างไร นิสัยส่วนหนึ่งของน้องที่ผมรู้ก็คือตัดสินใจเร็ว ตอนที่ไปเป็นทหารพรานด้วยกัน ผมรอดตายเสียแขนซ้ายไปเพียงข้างเดียวก็เพราะเขา คนเคยผ่านสนามรบมาด้วยกัน บางสิ่งบางอย่างไม่ต้องเอ่ยปากก็รู้กัน
ผมรู้ว่าน้องชายกลับไปที่บ้านของหญิงสาวอีก และเชื่อว่าเขาคงไม่ไปรบเร้าเอาคำตอบใด เขาคงไปเพราะความรักนั่นแหละ
ว่าที่น้องสะใภ้ ที่จริงผมก็รู้จักนิสัยใจคอของเธอไม่น้อย เธอเรียนเก่งพอใช้ มีความจริงใจจนออกซื่อ พ่อแม่ของเธอเป็นชาวบ้านธรรมดาทำนาทำไร่ ฐานะไม่จนไม่รวย เธอเป็นลูกคนสุดท้องในบรรดาลูกสาวทั้งหมดสี่คนที่ออกเรือนแล้วแต่อยู่บ้านติดกันกับพ่อแม่ เธอไปทำงานกรุงเทพฯเพื่อเก็บเงินเก็บทองสร้างฐานะ แต่ก็มาพลาดท่าอ้ายหนุ่มกรุงชีกอ มันหล่อมันอวดรวย จนน้องนางปักใจเชื่อว่าจะพาชีวิตรุ่งเรืองพ้นไปจากความลำบาก ครั้นพลาดท่าตั้งท้องขึ้นมามันก็จะให้เอาเด็กออกท่าเดียวจนเธอต้องซมซานคืนเรือน
000
ผมเคยอ่านในหนังสือแปลเรื่องหนึ่ง ตัวเอกเป็นนักเล่นกายกรรมร่างกายกำยำเขาอยากมีลูกแต่ก็ไม่อาจเป็นไปได้เพราะเป็นหมัน เขาไม่บอกเรื่องนี้กับภรรยา นานวันเข้าภรรยาก็อดทนไม่ไหวในการที่เขาไม่มีลูกให้ภาคภูมิใจเหมือนคนอื่นจึงให้อ้ายหนุ่มคนหนึ่งนอนด้วยแบบไม่ได้รัก จุดประสงค์ของหล่อนคืออยากได้ลูกให้เขา คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เป็นเพื่อนของนักกายกรรมเอง เมื่อหญิงสาวคลอดอ้ายหนุ่มคนนั้นก็พยายามจะแสดงความเป็นพ่อ ทางออกบีบแคบเข้ามากเข้าคนที่เปิดช่องต่อปัญหานี้ก็คือเพื่อนของนักกายกรรม อ้ายหนุ่มถูกกำจัดออกไปจากวงโคจรนี้ แต่ภรรยาของเขาก็ไม่รู้อยู่ดีว่านักกายกรรมเป็นหมันที่ได้พบหมอเป็นการยืนยันแล้ว เรื่องนี้น่าชื่นชมก็ตรงที่นักกายกรรมรักเด็กคนนั้นเหมือนลูกของตัวเอง อืม..เรื่องนี้ยังไงก็คือนิยาย แต่เรื่องของน้องชายผมล่ะมันจะออกมาอย่างไรนะ
000
ไม่ทันที่ผมจะไปตาม น้องชายของผมก็ยิ้มหน้าระรื่นกลับมา
"ผมสบายใจแล้วพี่ คำถามของพี่ผมได้คำตอบเสร็จสรรพ"
ผมร้องโอ้โฮในใจ ทำไมมันไวขนาดนี้ เจ้าน้องชายพูดอย่างกับเวลาสำหรับการพูดเหลือแค่น้อยนิด มันทั้งติดอ่างและรัวสลับกัน
"เธอตอบรับรักผม รักผมคนเดียวเท่านั้น เธอรักลูก ไม่มีทางที่จะทำลายชีวิตที่จะเกิดมาใหม่ ส่วนอ้ายคนนั้น เธอบอกว่าอย่าไปพูดถึงมัน เธอตัดมันออกไปจากชีวิตแล้ว ขอเพียงแต่ผมรับปากที่จะรักลูกของเธอด้วย เธอจะไม่มีวันทำให้ผมเสียใจ"
เมื่อน้องหยุดพูดผมจึงได้หยุดถอนหายใจยาว
"แล้วเอ็งจะเอายังไงต่อ"
"ก็ไม่ต้องเอายังไงยาก เพียงแค่ผมขอเวลาดูแลเธอให้มากขึ้นเท่านั้น ผมขอเป็นพ่อคนก่อนพี่แล้วกัน ฮ่าๆ "
"เออ..ตามสบายเถิดโยม แต่เอ็งโชคดีได้เป็นง่ายแบบไม่ลงทุนเลยนะ"
"ผมมันคนมีบุญพี่"
ว่าแล้วน้องชายตัวดำก็ดิ่งเข้าบ้านเก็บข้าวเก็บของเพื่อจะไปอยู่บ้านพ่อตา ผมมองตามแล้วก็หัวเราะ และนึกว่าทำไมอะไรมันเป็นไปได้ง่าย ๆ แบบนั้น แต่ผมก็ไม่อยากคิดอะไรมากไปกว่านั้น บางทีวันเวลาก็คงตอบคำถามของวันเวลาเอง ผมไม่มีหน้าที่ที่จะไปหน้านิ่วคิ้วขมวดหาคำตอบใดๆแทน
ไม่กี่นาที น้องชายที่รักของผมก็มาลา อ้ายหนุ่มหน้าดำเดินออกจากบ้านไปพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้าใบเดียว
000
พ่อตาให้ลูกเขยกับเมียไปอยู่กระท่อมกลางนา ชีวิตของทั้งคู่ไม่ถึงกับยากลำบากนัก เพราะที่นั่นมีบ่อปลา สวนผัก มียุ้งข้าว และข้าวของเครื่องใช้จำเป็นแล้ว อ้ายหนุ่มผู้จะเป็นพ่อคนใหม่ ตักน้ำ เก็บผักหักฟืน เตรียมข้าวของไว้สำหรับวันคลอด ใบหน้านั้นอิ่มเอิบอย่างพระปฏิมา ผมเห็นแล้วก็เบาใจ ตอนเราใช้ชีวิตอยู่ในป่าคราเป็นทหารรับจ้างเขาดูแลเกือบทุกคนในกองร้อยให้กินอยู่สบายๆ เมื่อเป็นพ่อเรือนหน้าที่พ่อบ้านของเขาจึงไม่ขาดตกบกพร่อง ผมมองเห็นสีหน้าของพ่อตาของเขามีความพออกพอใจไม่น้อย
คนท้องรักษาตัวเองอย่างดีตลลอดหลายเดือนแต่เรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกับความหวังของเขาจนได้ น้องสะใภ้ของผมพลาดท่าสะดุดตอไม้หกล้มหัวทิ่มต้องนำส่งโรงพยาบาลอย่างทุลักทุเล เด็กน้อยในท้องจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ใช่ครับเธอแท้งลูก
อ้ายหนุ่มถึงกับหงอย แต่คนที่ซึมเศร้ายิ่งกว่าใครคือแม่ของแม่ผู้สูญเสียลูก ทุกคนที่เกี่ยวข้องพลอยโศกสลดไปด้วยกันทั้งนั้น ความหม่นหมองนี้แผ่คลุมไปทั่วกระท่อมกลางนา นกกาพากันเงียบเสียงไม่เจื้อยแจ้วอย่างวันแรกที่ครอบครัวใหม่มาอยู่
000
ความโศกสลดของครอบครัวนี้มาถึงขีดสุดอีกครั้งในไม่กี่เดือนต่อมาเมื่อลูกสาวคนสุดท้องผู้แท้งลูกป่วยโซลงอย่างหนัก
"อ้ายพอง น้องคงบุญวาสนาไม่ถึงอ้าย ขอบคุณหลายๆ ที่ดูแลน้องกับลูกในท้องอย่างดี วันข้างหน้าขอให้พี่ได้พบผู้หญิงดีๆ และมีลูกที่ว่านอนสอนง่าย มีครอบครัวมีความสุข"
นั่นเป็นถ้อยคำของหญิงสาวผู้ที่คงรู้ตัวว่ากำลังจะจากไป เกิดมาผมก็ไม่เคยเห็นน้ำตาของนักรบ แต่วันนั้นน้ำตาของอ้ายพองไหลรดแก้ม ผมเบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อลดความโศกซึมที่ปริ่มๆจะรินออกมาที่ขอบตา
เมื่อคนรักจากไป อ้ายพองก็ไม่มีใจจะทำอย่างอื่น เมื่อช่วยงานศพในบ้านนั้นจนเสร็จ มันก็เอ่ยปากกับผมเพื่อขอบวช ผมก็ว่าตามใจเถิดน้องเอ๋ยหากน้องคิดที่จะสงบใจซักพัก แต่ถ้าจะบวชแบบเลื่อนลอยพี่ก็อยากให้คิดให้ดี ไม่อยากให้ศาสนาพลอยเสื่อมเพราะสกุลเรา น้องชายของผมบอกอย่างหนักแน่นว่าผมไม่ได้หวังบวชพักใจ แต่ผมต้องการค้นหายาทาใจให้มันขาวแจ้งไม่เจ็บไม่ทุกข์ ผมไม่อยากเชื่อเลยในถ้อยคำและน้ำเสียงที่ได้ยิน นี่มันเป็นคำของพระนี่นา ผมได้ฟังพระเทศน์ในสถานีวิทยุมาบ้างเรื่องความทุกข์และการดับทุกข์ของพระพุทธเจ้า ผมไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากน้อง นั่นล่ะมั้งที่ทำให้คำว่าสาธุหลุดออกจากปากผมไปเกือบจะไล่เลี่ยกัน
ผมจัดงานบวชให้น้องชายอย่างเรียบง่ายในวัดใกล้บ้าน พระใหม่ตั้งใจปฏิบัติจงกรมกรรมฐานอย่างเข้มงวด เจ้าอาวาสซึ่งรู้จักพวกเราดีก็ให้โอกาสเต็มที่ในวัตรต่างๆที่พระใหม่ควรทำ ผมก็ได้โล่งใจไปอีกหนหนึ่งในหนทางของน้องชาย
แต่แล้วเรื่องก็มาถึงจุดหักเหอีกครั้ง เมื่อมีหญิงนางหนึ่งอุ้มลูกมาร้องกับเจ้าอาวาสว่าพระผู้นี้(น้องชายของผม)คือพ่อของเด็กที่อุ้มมา เขาไม่มีความรับผิดชอบ ไม่สมควรต่อการเป็นพระให้ศาสนาเสื่อม เธอโวยวายมากกว่านั้น พระน้องชายของผมไม่โต้ตอบด้วยถ้อยคำใดๆ ดูเหมือนยอมรับต่อวิบากกรรมนี้แต่โดยดี
เมื่อสอบถามความจริงยืนยันกันได้ว่าเรื่องราวเป็นตามที่ผู้กระเตงลูกร้องผมก็ช่วยรับผิดชอบเพื่อให้เธอกับลูกได้กลับบ้านกลับช่อง ส่วนน้องของผมผมถามว่าจะเอาอย่างไร
คำตอบของนักรบชัดยิ่งกว่าชัด
"ผมขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียวพี่ ขอบคุณพี่มากที่อบรมสั่งสอนผมอย่างดี แต่ผมมันไม่ดีเอง ขอรับกรรมทั้งหมดที่เคยก่อ"
ผมมองตามน้องชายที่กำลังจะจากไปสู่บ้านอีกหลัง เขาจะมีความสุขหรือไม่มีความสุขนับจากนี้ไปคงเป็นสิ่งที่เขาเลือกเองล้วน ๆ
เพราะผมก็ไม่รู้ว่าที่ไหนที่มียาทาหัวใจให้หายดำด่างได้ ก็ได้แต่อวยพรว่า..
โชคดีเถิดอ้ายหน้าดำน้องรัก