31 มีนาคม 2550 08:19 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
::ยามสายัณห์::
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
ผมตื่นไม่ทันรุ่งวันอันอ่อนโยนและมีชีวิตชีวา เพราะราตรีนั้นได้กรำงานอยู่จนดึกดื่น งานของผมแม้ไม่หนักถึงขนาดเหงื่อตกก็เล่นเอาขึ้งเครียดได้เหมือนกันเพราะความบีบคั้นของเวลาที่คนอื่นขีดเส้นกำหนดให้ ในเมื่อไม่มีทางเลือกมากนักผมจึงเลือกเอาการลดเวลาพักยามค่ำคืนซึ่งพอจะเป็นไปได้
ยามสายัณห์ที่ผมตื่นขึ้นมา ท้องฟ้าออกเหลืองส้มเหมือนฉากในนิยายวิทยาศาสตร์ที่คู่พระคู่นางกำลังจะจากพราก แลเป็นเงาดำและห่างออกไป ราตรีนั้นว่าเงียบงัน สายัณห์กลับเงียบและหงอยกว่า ไม่เพียงแต่นกเท่านั้นที่คืนรัง คนยังคืนเรือน แหมมันเป็นฉากที่เศร้าสร้อยหาอะไรมาเทียบก็ไม่ปาน ผมไม่น่าจะอ่อนไหวแบบกวีแบบนี้ แต่มันก็เป็นไปแล้ว เพราะงานของผมคือตรวจต้นฉบับของนักกรองถ้อยคำก่อนที่จะส่งต่อไปยังบรรณาธิการใหญ่
เข้าคอร์ของยามสายัณห์เลยดีกว่า..
หลายคนอาจไม่เชื่อว่าโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ชื่อว่า PETanag เป็นแอพพลิเคชั่นที่ผมเป็นผู้ออกแบบโครงสร้างเพื่อใช้ตรวจถ้อยคำในงานวรรณกรรมทั้งเรื่องสั้น กวีนิพนธ์ นิยาย และความเรียงไร้หมวดหมู่ เวลาส่วนหนึ่งที่ผมใช้ไปในยามค่ำคืน นอกจากตรวจต้นฉบับคือตรวจสอบความลงตัวของแอพพลิเคชั่นนี้ ว่าเข้ากันได้แน่หรือไม่กับระบบปฏิบัติการทั้งหมดที่อยู่ในสเปซเน็ตที่แมคโคซอฟท์ผูกขาดอยู่ เมื่อ PETanag เป็นที่พอใจของผมในระดับ 2 ผมก็สั่งให้มันทำงานแทนในการตรวจคำและความคิดของผู้ประพันธ์ ทำไมจึงต้องให้ PETanagตรวจสอบที่มาของคำเหล่านั้น ก็เพื่อให้งานบรรณาธิกรผู้ช่วยของผมเป็นที่ยอมรับของหัวหน้างานขององค์กรยักษ์ที่ทำตลาดสิ่งพิมพ์ทั่วโลกอย่าง NMTและเครือ
PETanagของผมทำงานได้ดี ทำให้ผมมีเวลามากขึ้นในการอ่านพระไตรปิฏก งานในหน้าที่แม้ไม่เครียดก็คล้ายอย่างนั้น ผมจึงต้องหาทางผ่อนคลายด้วยวิธีที่ว่า แว้บหนึ่งที่พักผ่อนหัวใจผมมีความคิดจะสร้างแอพลิเคชั่นใหม่ คราวนี้จะเป็นโปรแกรมแทรกธรรมเข้าไปในงานโฆษณาชนิดที่ผู้จ้างและเอเย็นซี่ไม่รู้ตัวว่างานของตนเจือด้วยสิ่งทรงคุณค่านั้น โปรแกรมนี้ทำงานคล้ายไวรัสแต่ไม่ชั่วร้าย เพียงฝังตัวกระตุกสำนึกด้านคุณธรรมของผู้ชมโฆษณาเท่านั้น อย่างไม่รู้ตัวด้วย ผมเชื่อมั่นว่าก่อนยามสายัณห์วันใดวันหนึ่งผมจะคิดแอพพลิเคชั่นนี้ออก แน่นอนที่สุด ผมจะอัพโหลดขึ้นสเปซเน็ตให้ใช้ฟรีอยู่แล้ว โดยไม่ตั้งใจ
คุณเคยอ่านงานเขียนของก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ไหมครับ นักเขียนคนนี้ผมให้ PETanagวิเคราะห์คำแล้วสองสามรอบผมว่าเขาเป็นนักคิดคำนะ คือมีคำใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ยกตัวอย่างก็ได้ ครับ เช่น คำว่า จาวจาง มีนักเขียนหลายคนแนะให้เขาใช้ ราวจาง ซึ่งไม่ค่อยสื่อความหมายอย่างจาวจาง จาวนี่ PETanag บอกผมว่าเป็นคำทางอีสานเหนือของไทย ส่วนจางก็เป็นคำกลางและไทยสากล เมื่อรวมกันกลายเป็นคำใหม่มีความหมายว่า เจ๊ากัน ซาลงไป ไร้คนเหลียวแล อะไรแบบนั้น ผมเชื่อว่าคำของนักเขียนคนนี้จะเป็นคำที่ทำให้ราชบัณฑิตยสถานปวดหัว เพราะต้องเติมคำลงในพจนานุกรมถี่ขึ้นเนื่องจากมีนักอ่านที่นิยมถ้อยคำของเขามากขึ้น และผมเชื่อว่าสำนักพจนานุกรมมติชนก็คงหยิบเอาคำเหล่านั้นไปลงในพจนานุกรมฉบับนอกราชบัณฑิตด้วย
แหมแอพลิเคชั่นX ของผมมันกำลังรายงานนะครับว่ามีคนกำลังมีความสงสัยเรื่องใดเรื่อหนึ่งต่อไปนี้เกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวบรรณาธิกรผู้ช่วยอย่างผม ผมมีคนรักหรือเปล่าหรือครับ เอาเวลาไหนไปเม็คลัฟท์กันหรือครับ ไม่ต้องหน้าแดงครับ ผมตัดความรักออกไปจากหัวใจตั้งแต่ 26 ปีที่แล้วไง ดังนั้นความรักและความต้องการถูกเนื้อต้องตัวที่ผมเรียกว่าเม็คลัฟท์ ผมก็ตัดมันทิ้งไปด้วย ทั้งหมดนั้นผมโทษอุบัติเหตุนะครับ อุบัติเหตุทางหัวใจ แหมนี่ผมก็ยืมคำของคุณก่อพงษ์มา ต้องขอขอบคุณในการอ้างอิงนี้อีกครั้งครับ การตัดสินใจอย่างฉับพลันหนนั้นทำให้ผมหันหลังให้กับความรักชนิดที่ไม่หันหน้ากลับไปหา ผมทำได้ครับ เพราะมีสิ่งชดเชยที่แรงพอ ก็พระไตรปิฏกที่ผมเคยเอ่ยถึงไงครับ ผมอ่านจนทะลุ ผมเคยพูดไปแล้วว่าหัวใจของผมผ่อนคลายจากความรักได้อย่างวิเศษ อืม..ดูท่าคุณจะเข้าใจเรื่องของผมแล้วล่ะ งั้นผมขอหยุดเล่าเรื่องนี้ และว่าต่อในเรื่องยามสายัณห์
ยามสายัณห์โดยนัยมันหมายถึงช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตคนถูกไหมครับ PETanag บอกว่า yes ผมนึกไปว่าในช่วงสุดท้ายของชีวิตถ้าผมกลับไปพบผู้หญิงคนนั้นอีก ผมจะมีความรู้สึกอย่างไร บาดแผลของภูผาหัวใจของผมจะกระทบกระเทือนหรือไม่ถ้าเธอคนนั้นกลับมายิ้มให้ด้วยใบหน้าที่เราก็เหี่ยวย่นพอ ๆ กัน กับกระซิบว่า ฉันก็รักคุณ คำที่ผมปรารถนาจะได้ยินจากเธอในห้วงวินาทีหนึ่งของ 26 ปีที่แล้ว แต่มันไม่เกิดขึ้น ผมนึกแล้วก็หัวเราะครับเมื่อหันมาเห็นหน้าปกพระไตรปิฏก ดูเหมือนหน้าปกนั้นตอบคำถามของผมแล้ว
ยามสายัณห์ในชีวิตของแต่ละคนก็อาจจะคล้าย ๆ มั้งครับ คือ นั่งหน้าเหี่ยวรำลึกความหลังอันเปลี่ยวเหงาเศร้าสร้อย หรือบางคนอาจมากกว่านั้นคือทรมานหัวใจที่มีเวลาใช้เงินที่โกงมาน้อยเกินไป ส่วนยามสายัณห์ในชีวิตผมผมมีห่วงอยู่หน่อยเดียวคือจะคิดแอพพลิเคชั่นนั้นออกไหม แต่ช่างเถิดครับถ้ามันจะไม่สำเร็จ เพราะแม้แต่เจ้าของทฤษฎีสัมพัทธภาพผู้ยิ่งใหญ่ก็คิดทฤษฎีสุดท้ายที่จะอธิบายทุกสิ่งทุกอย่างไม่ออก ได้เหมือนกัน ผมก็จะปล่อยวาง คือปล่อยให้ใครก็ตามในช่วงอายุขัยใหม่เข้ามาคิดเรื่องนี้ต่อถ้าเขาปรารถนาอยากจะคิด หรือเห็นว่าคุณธรรมเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ในการแยกสัตว์ออกจากมนุษย์
นั่งใจลอยอะไรอยู่เล่า วิวรรธน์ ผมมีงานชิ้นใหม่ให้คุณทำ เอานี่ไปรีไรต์หน่อยซิ เป็นงานของโกสต์ไร้เตอร์ที่ทำไปทำมาก็หลงว่าเป็นของใคร เด้ทไลน์ที่ต้องส่งผมคือเวลาใกล้สายัณห์พรุ่งนี้นะ โอ่เค๊
ผมสะดุ้งจากภวังค์ราวใครกระตุกเส้นขนในรูหมูก(แสลงที่กำลังจะฮิต) นั่นไงความฝันต่อเวลาสายัณห์ของตนเองคงจะไปไม่ถึงจริง ๆ เพราะผมต้องดูแลบางอย่างก่อนเวลาสายัณห์ของคนอื่น
งั้นขอตัวไปคุยกับ PETanag ก่อนนะครับ แล้วเจอกันใหม่ครับผม
30 มีนาคม 2550 10:51 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
::ยกแผง::
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
เผยแพร่ครั้งแรกในpraphansarn.com
16 มี.ค.2550
สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน ผมมีรวมกวีนิพนธ์อยู่ 500 เล่มต้องการบริจาคให้ห้องสมุด มีท่านใดประสงค์จะรับไปมอบให้ห้องสมุดโรงเรียนเก่า หรือที่อ่านหนังสือประจำหมู่บ้านของท่านบ้างไหม ถ้าต้องการแจ้งที่อยู่ตามเบอร์อีเมล์ข้างล่างนี้ ..นั่นเป็นความคิดของผมที่ยังไม่ได้ลงมือเขียนในเว็บบอร์ดครับ
ผมเปลี่ยนใจในวินาทีสุดท้ายของกำหนดการรับกวีนิพนธ์ประกวดประจำ ปีนี้ เมื่อได้พูดคุยกับผู้อ่านในร้านหนังสือที่ผมแวะเข้าไปเป็นประจำ
คุณชอบอ่านบทกวีหรือคะ เธอเป็นฝ่ายเริ่มเมื่อเห็นผมเลือกหยิบหนังสือรวมบทกวีทุกเล่มที ่อยู่บนแผงมาหอบไว้
ชอบมากครับและอ่านมานาน ผมมองตาคนถามแล้วชำเลืองดูหนังสือในอ้อมกอดของตัวเอง
ถ้าคุณชอบกวีนิพนธ์ ฉันเดากว่าคุณเป็นหรืออยากเป็นกวี เธอว่าและส่งยิ้มให้ ผมดูออกว่าดวงตาคู่นั้นปราศจากแววเย้ยหยัน
อาจจะเป็นได้ครับ ที่ผมอยากเป็นมากคือนักเขียนเธอยื่นนิ้วมาไล่นับหนังสือในมือที่ผมเลือกไว้
โอ้โฮ ปีนี้มีกวีนิพนธ์พิมพ์ออกมามากขนาดนี้หรือคะ เดี๋ยวฉันช่วยถือค่ะ
เท่าที่ผมเห็นและหยิบมานี่ก็สิบเล่ม ขอบคุณมากครับที่ช่วย คุณได้หนังสืออะไรหรือยังครับ ผมแบ่งหนังสือให้เธอช่วยหอบครึ่งหนึ่ง
ไม่เป็นไรค่ะ เอ่อ ยังตัดสินใจไม่ถูกค่ะว่าจะเลือกอ่านเล่มไหนมีหนังสือแยะไปหมด คุณคงได้รับส่วนลดหลายตังค์นะคะเนี่ย คุณจะจ่ายตังค์แล้วใช่ไหม
ครับผม ทุกเล่มได้ลดสิบเปอร์เซ็นต์ครับเพราะมีบัตรสมาชิกของร้าน ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยหอบ ผมเจอคุณบ่อยที่ร้านหนังสือนี้จนคุ้นเคยเหมือนเพื่อนบางคนของผม
ไม่เป็นไรค่ะ ฉันมีความรู้สึกดี ๆ เวลาเห็นใครยืนอ่านหนังสือในร้านหรือชอบหนังสือหนังหา อ้าวหนังสือเล่มนี้เป็นของคุณหรือเปล่าคะ รูปที่ปกหลังเหมือนคุณมาก เธอพลิกดูหนังสือเล่มสุดท้ายที่ผมซื้อ ก่อนที่จะยื่นให้คนขาย ณ เคาท์เตอร์
รอห่อปกนิดนึงนะครับ เสียงคนขาย
อย่าเอ็ดไปครับ หนังสือนี้เป็นของผมเอง วางแผงมาสี่เดือนแล้วยังอยู่เหมือนเดิม
หญิงสาวทำหน้าแหย ๆ คงพอ ๆ กับผม
หนังสือรวมบทกวีขายไม่ออกดอกค่ะ สู้หนังสือดาราไม่ได้ แต่ก็แปลกนะที่มีคนพิมพ์ออกมาขายแต่ขายไม่ได้เรื่อย ๆ
แล้วคุณว่าแปลกไหมครับ ถ้าจะมีคนพิมพ์ออกมาเรื่อย ๆ แต่ไม่ขาย
บริจาคหรือคะ
บิงโก้ ครับ ผมคิดจะทำอย่างนั้น
หนังสือได้แล้วครับ ทั้งหมด 980 บาทลด 10 % เหลือ 882 บาทครับ รับมา 1,000 ทอน 118 ขอบคุณมากครับ โอกาสหน้าเชิญใหม่ครับ เสียงคนขาย
น่าสนใจ คุณมีเบอร์โทรไหมคะ เผื่อคุณทำอย่างนั้นจริง ๆ ฉันจะขอรับบริจาคไปให้ห้องสมุดที่โรงเรียนของฉันบ้าง อย่าล้มเลิกความตั้งใจนะ
ฮ่า ๆ ขอบคุณมากครับที่ช่วยหอบหนังสือและช่วยจุดประกาย เบอร์ของผม 081 8720935 ครับ ส่วนมากผมปิดเครื่องทั้งวัน ลืมถามชื่อคุณ ผมก่อพงษ์ครับ
ฮ่า คุณพูดตลกจัง ฉันเนื่องนุชนะคะ เบอร์โทร์ 089 8632595 หวังว่าคงได้พบกันอีก โชคดีค่ะ
หลังจากแยกกับเพื่อนใหม่ เนื่องนุช ผมตัดสินใจที่จะนำหนังสือที่สายส่งตีคืนมอบต่อไปยังห้องสมุดทั่ วประเทศ ที่ละเล่มสองเล่ม
แน่นอนที่สุด ด้วยวิธีนี้น่าจะทำให้มีคนอ่านหนังสือของผมปีละหลายแสนคน คิดแล้วปลื้มชะมัด