3 กุมภาพันธ์ 2550 02:27 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
::เรียงรุ้ง::
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
3 กุมภาพันธ์ 2550
0:47 น.
ชื่อของเธอคือ เรียงรุ้ง นะครับ ไม่ใช่เรียวรุ้ง ได้ยินชื่อครั้งแรกผมต้องถามซ้ำอีกครั้งว่าผมได้ยินไม่ผิด ใช่ไหมว่าคือเอารุ้งมาเรียงกัน ไม่ใช่รุ้งผอม ๆ หรือรุ้งที่โค้งผิดรูป เธอหัวเราะน่ารักสดใสแบบเด็ก ๆ และตอบว่าชื่อของเธอมีความหมายอย่างแรกนั้นจริง ๆ เธอว่าต่อว่า คนที่ตั้งชื่อให้คือเพื่อนนักเขียนของพ่อ และเธอก็ชอบชื่อนี้มากกว่าชื่ออื่น ๆ อืม..เธอมีชื่อตั้งหลายชื่อ
รุ้งขอลายเซ็นของคุณหน่อยดิคะ รู้ไหมรุ้งอ่านงานของคุณมานานเป็นปีในเว็ปไซต์ดอตคอม ไม่คิดว่าคุณจะพิมพ์เป็นเล่มเอง
สาวน้อยยื่นหนังสือรวมร้อยกรองปรากฏการณ์กวีให้ผมพร้อมกับปากกาแบบเติมหมึกรุ่นเก่า
เขียนว่า สำหรับเรียงรุ้ง เด็กน่ารักได้ไหมคะ เธอว่าและส่งตายตาอ้อนแบบเด็กน้อย
แหม..ผมคงทั้งเขินทั้งเขียนนะครับเนี่ย ไม่คิดว่าจะได้เจอเพื่อนในเวปไซต์ คุณรุ้งแวะมาที่ร้านหนังสือนี่บ่อยไหมครับ
ผมทั้งเขียนทั้งถามสองอย่างถ่วงและหน่วงกันคำที่เขียน และลายเซ็นเป็นอย่างที่เรียงรุ้งต้องการ ทุกประการสาวน้อยยิ้มแก้มปริและค้อมหัวขอบคุณเมื่อ รับหนังสือและปากกากลับคืนไป
ผมได้ทราบจากเจ้าของร้านหนังสือว่าเธอ เป็นคนบอกกับเรียงรุ้งเองว่าผมจะแวะเอาหนังสือมา ส่งเพิ่มให้กับทางร้าน ถ้าเรียงรุ้งอยู่รอก็จะได้พบกับนักเขียนที่ได้รับรางวัลรวมกวีนิพนธ์ของปีนี้แบบตัวจริงเสียงจริง
ผมกับสาวน้อยแยกจากกันที่ร้านหนังสือ แห่งนั้นด้วยความเอมใจกันทั้งคู่ ความสุขของคนเขียนหนังสือนอกจากช่วงที่เขียนที่ราว อิ่มทิพย์แล้วอีกช่วงหนึ่งคือช่วงได้พบกับมิตรที่ติดตามผลงานของกันและกัน สาวน้อยคนนี้ทำให้ผมปีติยิ่งกว่ารางวัลที่ผมได้รับ
ผมได้สมุดบันทึกร้อยกรองและคำถาม คำตอบในกระทู้ใต้ร้อยกรองที่ผมและคนอื่นๆเขียนโต้ ตอบกันในเวปไซต์ที่เรียงรุ้งพูดถึง เธอทำเป็นรูปเล่มสวยงามด้วยลายมือและการตกแต่งด้วย เทคนิคคอลลาจด์ ที่รองปกเธอเขียนด้วยปากกาหมึกซึมว่า มอบแด่นักเขียนที่เธอชื่นชอบจาก เรียงรุ้ง , สายฝน , หยาดฟ้า และอื่น ๆ
เรียงรุ้งก็คงเหมือนผม ที่แรก ๆ ริอ่านวรรณกรรม ผมก็มีนักเขียนในใจอยู่จำนวนหนึ่ง ถ้าเห็นผลงานของนักเขียนท่านนั้นบนแผงหรือชั้นหนัง สือในร้านเมื่อไหร่ผมไม่รีรอเลยที่จะหยิบอ่านและซื้อเก็บสะสมในที่สุด นักเขียนกับคนอ่านน่าจะมีธาตุอย่างใดอย่างหนึ่งเหมือน กัน ผมบอกไม่ถูก แต่พอจะพูดได้ว่า ไม่รู้หน้า หากรู้ใจ
ผมตะเวนส่งหนังสือให้กับร้านที่ผมไปติด ต่อเสนอขายไว้หนแรก ยอดสั่งหนังสือเพิ่มขึ้นมากเมื่อหนังสือได้รับรางวัล ก่อนหน้านั้นหนังสือของผมไม่มีใครสนใจ ต้นฉบับเดียวกันนี้ไปค้างอยู่ในสำนักพิมพ์ดัง ๆ นานเป็นปีสองปีโดยไม่มีการส่งข่าวตอบกลับ ผมตัดสินใจพิมพ์และขายเอง รวมทั้งแจกไปตามห้องสมุดของโรงเรียนต่าง ๆ พร้อมกับขอความ อนุเคราะห์ประชาสัมพันธ์ กับทั้งถวายพระถวายวัดเพื่อให้ท่านบริจาคต่อไปก็มี ผมไม่ได้คิดจะมาทำหน้าที่คนพิมพ์หนังสือและสายส่งมา ก่อนนะครับ แม้ว่าจะเคยทำงานโรงพิมพ์มาบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ผมเพียงอยากเป็นนักเขียน แต่เมื่อพึ่งคนอื่นไม่ได้ผมก็ต้องพึ่งตัวเอง
เรียงรุ้งถามถึงผมเรื่องนี้ในหนหลัง ๆ ที่เราได้เจอกัน จะว่าเจอกันแบบบังเอิญก็คงทั้งผิดและถูกเพราะเราทั้งคู่ ต่างไปที่ร้านหนังสือ สาวน้อยขอบันทึกเสียงแบบสัมภาษณ์ผมด้วยเครื่องเอ็มพีทรีจิ๋วของเธอ และไม่นานต่อมาเธอก็ส่งนิตยสารวัยรุ่นที่ลงตีพิมพ์เรื่อง ราวที่เราคุยกันมาให้อ่าน ผมอมยิ้มในความเขลาของตนเองที่คิดว่าเธอเป็นเพียงสาวน้อยวัยรุ่นตามสมัยทั่วไป ที่ไหนได้เธอเป็น บ.ก.สำนักพิมพ์หนังสือวัยรุ่นที่ผมก็เคยหยิบอ่านแต่ไม่ได้สนใจมาก่อนหน้านี้นั่นเอง
ชื่อวิวรรธน์ ชำนาญวิชช์ เป็นชื่อที่น่าใช้ที่สุดแล้วนะคะสำหรับงานเรื่องสั้น ส่วนกวีนิพนธ์รุ้งอยากให้คุณใช้ชื่อเดิม แล้ว..ที่เราเคยคุยกันไว้คุณตกลงไหมคะ
ผมยังตัดสินใจไม่ได้ครับว่าจะทำตามข้อ เสนอของเรียงรุ้งหรือไม่ เพราะผมชักจะนึกสนุกเสียแล้วกับการทำธุรกิจหนังสือ ที่ทำเงินอย่างคาดไม่ถึง สำหรับผม ทุกสิ่งทุกอย่างมันพุ่งเข้ามาง่ายดายทั้งโอกาสและ เงินทองจากการเริ่มต้นและลงแรงอันหนักหนาคราวนั้น
รุ้งคาดหวังที่จะได้อ่านงานดี ๆของคุณอีกตลอดไป
นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่ทำให้ผมตัดสินใจขายสำนักพิมพ์และต้นฉบับทั้งหมดให้สาวน้อยไป
หรือว่าฟ้ากำหนดไว้แล้วให้ผมเป็นนักเขียนไม่ใช่นักธุรกิจหนังสือ
เราหัวเราะกันคิกคักในคำที่โต้ตอบกันในวันที่ผมเซ็นสัญญาขายสำนักพิมพ์และรับเช็คจากเธอ ผมไม่ได้ดูตัวเลขในเช็คแต่ผมดูตัวตนของผมในแววตา จริง ใจของสาวน้อยคนนั้น
ขอบคุณมากครับเรียงรุ้ง ที่เขี่ยละอองฝุ่นออกไปจากม่านใจของใครบางคน