14 ตุลาคม 2547 07:11 น.

เรื่องสั้นยาว รอยวัน ตอนที่ 5 ครึ่งตอน

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

(โพสต์ครึ่งตอนก่อนนะครับ)


	อาหารมื้อปลื้มผ่านไปแล้ว สีหน้าของพ่อกับแม่ของไข่เขียดเหมือนลูกชายได้รับความสำเร็จทางการเรียน   อืม..ก็คงอีกไม่นานนักหรอกครับเพราะไข่เขียดลงทะเบียนเรียนและสอบเก็บหน่วยกิตไปเกือบครบแล้ว เมื่อผลการเรียนวิชาสุดท้ายออกไข่เขียดจึงจะบอกความข้อนี้แก่ใครสักคน      ถึงเวลานั้น   แม้ไข่ไม่ได้เป็นนิสิตก็คงไม่ได้คิดอะไรเท่าไหร่แล้ว-แฮ่
	
	อาจารย์และน้องนักศึกษาให้คำแนะนำแก่ผมเรื่องบรรจุภัณฑ์ทั้งบอกสถานที่ศึกษาดูงานเพิ่มเติมหลายแห่ง  ผมกำหนดในใจไว้แล้วครับว่าจะไปไหนบ้าง   เวลาเช่นนั้นผมอยากมีเพื่อนสักคนเคียงคู่ไปด้วยกัน  แบบเป็นคู่คิดหรือคู่สร้างก็ได้ถ้าเป็นได้ถึงขั้นนั้น   คงได้แต่คาดหวังแบบลมๆแล้งๆ  แหละไข่เขียดเอ๋ย

	ไม้ผลในสวนของไข่เขียดที่จะนำมาแปรรูปเป็นไวน์   น้ำผลไม้พื้นบ้านพร้อมดื่ม  น้ำผลไม้เข้มข้น  ผลไม้กวน ผลไม้แช่อิ่ม มีหลายอย่าง   ที่คนนิยมแล้วก็มี  มะม่วงไข่คำ   หมากเม่า  หม่อน  ลิ้นจี่  หมากเบ็น  

	ไม้พวกนี้ปลูกง่ายดูแลง่าย  ไม่ต้องใช้สารเคมีฆ่าแมลง  ผมเองเคยคิดอยากปลูกองุ่นเหมือนกันแต่ไปดูงานหลายที่แล้วเห็นใช้ยาเคมีสารพัดชนิดก็หงอ  คนสวนที่ดูแลองุ่นหลายคนเจ็บป่วยด้วยโรคภัยแบบตายครึ่งซีก  จึงไม่เอาดีกว่า  ไม่แต่องุ่นหรอกครับ พืชผักของกินอย่างอื่นคนปลูกก็ตายคนกินคนขายก็โซกันทั้งนั้นเพราะใช้ยาพิษฆ่าแมลงเยอะเหลือเกิน  -อ้าวแล้วผมไม่ใช้เหรอ   มีสมุนไพรแยะไปครับที่ลดการทำลายของศัตรูพืชได้  แมลงที่เป็นศัตรูกันเองกินกันเองก็ช่วยได้  ความรู้พวกนี้หน่วยงานต่างๆ รวมทั้งมหาวิทยาลัยใกล้บ้านอบรมให้ความรู้อยู่เป็นประจำ   แต่มักไม่ค่อยมีคนสนใจเอาไปทำหรอก  มันแพ้ความมักไวมั้งครับ

	อ้ายหนูไข่เขียด  พ่อเห็นเองสดชื่นแจ่มใสนะตอนที่น้องนักศึกษาเขามาแวะเยี่ยม

	พ่อสังเกตตอนไหน    

	ก็ตอนเองคุยกับเขาแหละ  คนที่พูดเก่งๆนะชื่อวรรณใช่ไหม  เขาชมเองนะว่าฉลาด

	อย่างผมหรือครับพ่อฉลาด

	บ๊ะ   อ้ายไข่   รู้จักพอใจในตัวเองเสียบ้าง เดี๋ยวก็เหงาหัวใจตาย

	อืม คนเรานี่ต้องรู้จักชื่นชมตัวเองบ้าง   ถ้ามัวแต่คิดว่าตัวเองด้อยมันก็จะยิ่งดึงตัวเองลงจนต่ำต้อย  หมดกำลังแรงใจ ผมไม่ขัดพ่อแล้ว

	รอยวรรณ เขาไม่ส่งข่าวมาอีกเลยใช่ไหม

	  ครับ   ว่าจะมาก็ไม่มา

	อย่าไปคาดหวังเขาเลย   บางทีภาระหน้าที่ในชีวิตก็บีบรัดคนจนไม่มีเวลาสำหรับตัวเอง   ถ้าเองเป็นเขาก็คงเหมือนกัน

	พ่อพูดคุยกับผมแล้วก็ผละไปทำงานของตัวเองคือแต่งกิ่ง ทาบกิ่งต้นไม้เพื่อเลี้ยงไว้ขาย  ส่วนผมก็ทำไวน์หม่อนของผมต่อ    จะสิบห้าถังแล้วนะครับ    Dawik Mulbery  (D.M) Wine ผมเขียนไว้ที่ถังทุกใบแล้วครับ  ไวน์หม่อนรสวิเศษจากหุบเขาภูพาน เป็นไงครับ พอจะติดหูติดปากไหมครับ  dawik   ก็ ไข่เขียดไงครับ  -ภาษาของผมเอง

	ไวน์ของผมคงไม่ถึงแสน   แต่จะเป็นไวน์ที่คนกล่าวขวัญถึงไปทุกอนุทวีป-มันแปลว่าอะไรล่ะไข่เขียด   รสของไวน์ราคาแสนผมนึกไม่ออก   แต่ถ้าเป็น Dawik Mulbery Wine ต้องวิเศษแบบเจือรสหวานของยิ้มที่เต็มไมตรี  -นั่นแหละ ๆ ที่จะเป็นสิ่งที่คนกล่าวขวัญกันถึงไปไกลๆ

	ผมน็อคยีสต์เมื่อรสของไวน์ได้ตามนึก   นี่ถ้ามีคนที่จริงใจต่อกันมาชิมและติคงได้รสที่ผมหวังไว้ล่ะ  ผมขอพ่อเก็บถังไวน์หม่อนไว้ที่โรงนาที่ปลูกขึ้นมิดชิดในส่วนลึกของสวน  คงมีไม่กี่คนครับที่รู้ว่าผมกำลังบ่มไวน์หม่อนที่รสวิเศษแสนวิเศษ-บางอย่างที่พิเศษเราคงสงวนไว้สำหรับใครบางคนที่วิเศษมั้งครับ
	

ผมหยุดงานไวน์ชุดแรกไว้ที่ 20 ถัง  เพื่อไปสอบเก็บหน่วยกิจสุดท้ายและฝึกงาน   ไปไกลนะครับถึงภาคเหนือตอนล่างโน่นแน่ะ				
13 ตุลาคม 2547 04:47 น.

เรื่องสั้นขนาดยาว รอยวัน ตอนที่ 4 จบตอน

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

 ผมรอรอยวรรณเหมือนข้าวรอเคียวมั้ง

เร็ว ๆ นี้    ที่รอยวรรณว่าจะมาเยือน   นั่นก็ไม่มีกำหนดเวลาเสียด้วย  ว่าเป็นกี่วันเดือนปี     อ้ายไข่เขียดเอ๋ย    เองเข้าใจความเจ็บๆปวดๆของหัวใจแจ่มแล้วใช่ไหม   ความรักความคิดถึงมันก็เป็นอย่างนั้นแหละ     รอไปทำงานไปดีกว่าจะได้ไม่ต้องตรมและตรอม   ฮั่นแน่ !   เก็บเอาคำพวกนี้มาจากบันทึกของพ่อใช่ไหมล่ะ

	มหาวิทยาลัยในจังหวัดใกล้บ้านจัดอบรมให้ความรู้แก่เกษตรกรเรื่องการแปรรูปผลผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่า  ผมไม่รีรอที่จะไปสมัคร  ผู้จัดเชิญวิทยากรชาวบ้านที่ชำนาญการด้านนั้นมาให้ความรู้และพาทำ    หลายอย่างตั้งแต่การทำปลาร้าชั้นคุณภาพที่ 1 เพื่อการส่งออก   การทำน้ำผลไม้พร้อมดื่มและน้ำผลไม้เข้มข้น การทำไวน์ผลไม้หลากชนิด   การทำปลาส้มสารพัดรูปแบบ  การทำโยเกิร์ต   โอ้โฮ  ผมนึกไม่ถึงว่าตัวเองจะโชคดีขนาดนี้   นักศึกษาที่มาเป็นลูกมือของอาจารย์ก็สุภาพน่ารักทั้งนั้น   ภาพของรอยวรรณที่ผมวาดไว้เหมือนทับซ้อนกับความจริงวันนี้เอง   แต่ก็ยังหรอกครับ
	พี่ไข่เขียด   ชื่อน่าขำปนน่ารักดีค่ะ
	ขอบคุณครับผม แต่คงน่าขำมากกว่า  น้องนักศึกษาที่ช่วยดูแลกลุ่มผู้เข้าอบรมพูดจาเป็นกันเองกับทุกคนจนผมเองก็คลายความตื่นเต้นประหม่าก่อนที่จะออกไปนำเสนอผลการปฏิบัติของกลุ่มเพื่อรับการประเมินว่าผ่านการอบรมหรือไม่    เมื่อการเสนอผลงานจบลงไข่เขียดได้รับการปรบมือกราวใหญ่  หัวใจของไข่เขียดก็เต้นตุบตุ้บ   น้องนักศึกษาที่เป็นผู้ดูแลกลุ่มของผมยิ้มหวานเป็นแรงเชียร์   ผมยิ้มตอบแต่ออกแหยๆมากกว่า   อืม..ช่างเหมือนยิ้มของรอยวรรณเสียจริงๆ    
	
	ผู้เข้าอบรมทุกคนได้ให้ที่อยู่ไว้แก่ทางมหาวิทยาลัยเพื่อให้ฝ่ายผู้จัดสามารถติดตามผลหรือให้ความช่วยเหลือได้ในโอกาสต่อไป
	หนูรู้สึกคุ้นกับพี่นะคะ   เหมือนเคยเห็นที่ไหนซักแห่ง
	ผมยิ้มในคำของเธอ และก็ได้แต่กล่าวลาหลังถ่ายรูปหมู่รับใบประกาศผ่านการอบรม    เธอว่า
	แล้วพวกเราจะไปเยี่ยมนะคะ

	
เมื่อกลับจากมหาวิทยาลัยผมก็ลงมือทำงานใหม่ทันที
มีหลายอย่างครับที่อยากทำ  แต่อันแรกที่ลงมือคือไวน์

	ผมอ่านเรื่องไวน์เคยเห็นว่าราคาเป็นแสนก็มี  นี่แหละที่มันกระตุ้นความอยากรู้รสชาติจากฝีมือตนเอง
	
	จารุวรรณ   น้องนักศึกษาคนนั้นแนะนำผมในที่อบรมว่ามีผลไม้พื้นบ้านหลายอย่างที่นำมาทำไวน์แล้วรสชาติยอดเยี่ยม  และผลไม้พวกนั้นผมเองก็ลงไว้ในสวนกับพ่อจนออกหมากออกผลแล้วด้วย
	ดีเลย   นายไข่เขียด  จะได้ทำโรงไวน์ย่อมก็คราวนี้

	พ่ออนุญาตให้ผมเก็บลูกหม่อนในแปลงได้ทั้งหมดเพื่อเอามาทดลองทำไวน์  ลูกหม่อนสดนี่ขายได้กิโลละ 20-40 บาทนะครับ ลูกโตที่สุดก็เท่านิ้วก้อย  จิ้มเกลือกิน รสดีวิตามินซีเยอะ   สวนหม่อนนี่แม่เป็นคนดูแล   แม่เลี้ยงไหมนะครับและงานผ้าไหมนี้ก็สืบสายมาตั้งแต่รุ่นย่าของย่าแล้ว   ถ้ามีลูกสาวแม่ก็คงถ่ายทอดให้เธอต่อยอดต่อไป   แต่ถ้าให้อ้ายไข่เขียดไปทอผ้าไหมก็คงดูกะไร และคงออกทางจะพิลึกด้วยแหละ  อ้ายหนุ่มกล้ามเป็นมัดๆฟัดฟืมกี่กระตุก   แหม   มันน่าขำดีจัง   ผมนึก

	เอง ไม่กลัวเบื่อเมาหรือไข่เขียด   คำของแม่ขณะยืนดูผมทำงาน
	เบื่อคงไม่ครับ  แต่เมานี่แน่นอน   
	เองอยากจะเมารึ
	โธ่   แม่ครับ  อ้ายไข่เขียดน่ะมันนิสัยดีจะตาย   ที่ทำนี่เพื่อการศึกษานะครับ    อาจารย์ในมหาวิทยาลัยจะออกมาติดตามผลงาน  จะได้มีอะไรอวดหน่อยว่าคนทุ่งคนนาอย่างผมก็เรียนรู้ได้
	ตามใจก็แล้วกัน   ว่าแต่แม่คงไม่โชคร้ายได้ลูกหยำเปหรอกนะ
	แม่พูดยิ้ม ๆ ครับ   ผมไม่เคยทำให้แม่ร้องไห้ แม่จึงปล่อยผมทำงานของผมไป

	ผมทดลองทำไวน์หม่อนตามคำแนะของน้องนักศึกษาโดยครั้งแรกนำลูกหม่อนมา 3 กิโลกรัม ล้างสะอาดแล้วปั่นก่อนต้มด้วยหม้อใบใหญ่เติมน้ำลงไปราว 5 ลิตร  ใส่น้ำตาลทรายแดงอีก  2 กิโลกรัม คนให้น้ำตาลละลายปล่อยให้เดือดปุดๆแล้วจึงทิ้งให้เย็นก่อนรินใส่ขวดน้ำขนาดใหญ่แบบถังน้ำโพลาลิสต์ กับแบ่งไว้ทำสตาร์ทเตอร์อีก   1 แก้ว
	สตาร์ทเตอร์นี่คือยีสต์ในน้ำหวานที่ออกลูกออกหลานเยอะแยะเพื่อเติมลงในถังน้ำผลไม้ที่เตรียมไว้     ยีสต์จะกินน้ำหวานจากผลไม้แล้วสร้างแอลกอฮอล์ขึ้นมากลายเป็นไวน์   ซึ่งรสชาติของไวน์จะดีหรือไม่ดีก็อยู่ที่คุณภาพของยีสต์ ชนิดของผลไม้   กระบวนการทำและเคล็ดอื่นๆ   แหมผมถอดถ้อยคำของอาจารย์มาเกือบทุกคำนะนี่
	จารุวรรณและเพื่อนบอกว่ายินดีตรวจสอบคุณภาพของไวน์ให้ฟรีเพียงแต่มาติดต่ออาจารย์ที่ภาควิชาเท่านั้น    ผมจำคำนั้นและขอบคุณไว้ล่วงหน้าแล้ว
	เมื่อยีสต์เริ่มทำงานก็เริ่มได้กลิ่นแอลกอฮอล์ลอดสำลีปิดปากขวดน้ำนั้นออกมาก   ความมั่นใจของผมมีมากขึ้นเพราะเป็นไปตามทฤษฎีที่อาจารย์และน้องนักศึกษาบอกทุกประการ   เมื่อลูกหม่อนในสวนทยอยสุกจนดูพราว   ผมคงต่อถังที่สอง  ถังที่สามในไม่ช้า   หลังถังแรกได้รับการรับรองจากน้องจารุวรรณและอาจารย์ว่าใช้ได้หรือดีมาก
	
	ผมวาดภาพโรงงานไข่เขียดไวน์เนอรี่เอาไว้แล้วครับ  ทั้งๆที่ผลการทดลองแรกก็ยังไม่สรุป-แฮ่ๆ


	OOO

	ไม่ถึง3สัปดาห์ดีผมก็นำตัวอย่างไวน์ไปหาอาจารย์  น้องจารุวรรณเป็นผู้ใช้เครื่องมืออย่างง่ายตรวจหาปริมาณแอลกอฮอล์ให้ผม   ส่วนการตรวจอย่างละเอียดว่ามีอะไรเท่าไหร่นั้นต้องใช้เวลาอีก   อาจารย์ชมว่าไวน์ของผมมีรสชาติใช้ได้   เท่านั้นอ้ายไข่เขียดก็กลับบ้านอย่างอิ่มเอมใจ       คุณครับน้องจารุวรรณยิ้มเป็นแรงใจแถมให้ด้วยนะครับ    นี่ถ้าทำได้ผมอยากให้ไวน์ของผมมีรสของรอยยิ้มหวานแบบนั้นเจืออยู่ด้วย

	เมื่อมีความเชื่อมั่นผมก็ลงมือต่อ
	ซื้อถังน้ำพลาสติกมาอีกสิบลูก  เก็บลูกหม่อนจนเกลี้ยงสวน   นี่ผมจะทำโรงงานจริงๆ หรือนี่   คงใช่ล่ะ
	พ่อเห็นก็ยิ้มในความพยายามของนายไข่เขียด   ใช่แล้ว ! พ่อรู้กำลังของผมแล้วตั้งแต่ขุดบ่อด้วยกันจนได้สระขนาดใหญ่ที่บัดนี้มีปลาตัวโตๆโผ่ฮุบอยู่ตูมๆ   แรงงานและแรงใจนี่แหละคือต้นทุนชั้นยอดของชีวิต

	อีกไม่นานต่อมาจารุวรรณกับอาจารย์ก็ออกมาเยี่ยมผมโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า  โอย.. คุณครับหัวใจผมแทบจะวายเพราะตื่นเต้น
	เชิญขึ้นบนบ้านก่อนครับอาจารย์   เชิญน้องๆ ด้วย  พ่อต้อนรับผู้มาเยือนอย่างไม่เคอะเขิน แต่ผมกลับมึนตึ๊บ ไม่รู้จะทำอะไรดี  
	ขอบคุณค่ะ     แต่จารย์คะหนูกับเพื่อนขอเดินดูไปรอบๆก่อนได้ไหมคะ เราคงไม่รีบไปไหนต่อใช่ไหม  
	อืม...งั้นตามใจเหอะ ครูจะคุยกับเจ้าของบ้านอยู่นี่แหละ อย่าลืมเก็บรูปล่ะ   อาจารย์หันมาทางพ่อก่อนก้าวขึ้นบันได ให้เด็กๆเขาเก็บภาพหน่อยนะ ดูท่าทางจะตื่นเต้นเอาการล่ะ
	ไม่มีปัญหาครับอาจารย์ เชิญน้องๆเขาตามสบายได้เลย
	
	แม่ปูเสื่อและยกเหยือกน้ำเย็นมารอไว้แล้วบนบ้าน ผู้มาเยือนยิ้มให้แม่อย่างอารี
	
	ดูเหมือนคุ้นเคยมากเลยนะ  เคยเห็นเรื่องราวของคุณในนิตยสารการเกษตรใช่ไหม   อาจารย์ถามขณะลงนั่งที่เสื่อ
	หรือครับอาจารย์
	เคยมีเรื่องของคุณ..คุณโจ้ ใช่ไหมในนิตยสารการเกษตรและ หนังสือพิมพ์รายวันฉบับวันอาทิตย์เมื่อหลายเดือนก่อน
	ครับผม  เขามาสัมภาษณ์และเอาเรื่องไปลง
	เออ..จริง   ฉันจำได้แล้ว   มิน่าล่ะ    จารุวรรณถึงบอกว่าคุ้นๆ กับไข่เขียด  เหมือนเคยเห็นกันที่ไหน
	พ่อยิ้ม   ผมก็ยิ้ม
	ไข่เขียดเก่งนะ  พูดจาใช้ได้   ถ้าชาวนาพูดได้ขนาดไข่เขียดนี่ก็ถือว่าไม่เลว    รู้ไหมไวน์ของนายน่ะเยี่ยมเลยแหละ
	ขอบคุณครับอาจารย์   ผมทำเพิ่มอีกสิบถังครับ เป็นหม่อนทั้งหมด   อาจารย์พยักหน้ารับทราบและว่า
	ดีแล้ว   ครูเชื่อมั่นว่าเธอทำได้

	ผู้ใหญ่ยังนั่งคุยกันต่อเรื่องการศึกษาของประเทศไทย          นั่นเกินกำลังสติปัญญาของไข่เขียดไปเสียแล้ว    ผมจึงขอตัวลงมาข้างล่าง     ดูเหมือนน้องๆนักศึกษากำลังเพลินกับการให้อาหารปลา ผมตามไปสมทบดีกว่า     จารุวรรณคงเห็นผมเดินลงบันไดเธอกวักมือเรียกแล้วครับ

----------

หนูนึกออกแล้วค่ะพี่ไข่เขียด
	นึกอะไรออกหรือครับ   ไม่ใช่แต่คำถามและคำตอบเท่านั้นครับที่เจือยิ้ม     แววตาของเพื่อนของจารุวรรณก็แจ่มบอกจะแจมยิ้มด้วย        สดใสครับ  ท้องทุ่งของผมวันนี้   ปลาตัวโตๆโผ่มาทำท่ายิ้มๆด้วยแหละ    ปีทั้งปีก็ไม่มีอะไรที่สดใสแบบนี้ใช่ไหม  
	หนูเคยเห็นรูปพี่กับคุณพ่อในหนังสือ
	เกษตรธรรมชาติ
	ใช่เลยค่ะ  นึกไม่ถึงว่าจะได้เจอตัวจริงเสียงจริง
	 ขอสัมผัสมือคนที่น่าปลื้มหน่อยสิคะ เพื่อนของจารุวรรณอีกคนว่าและยื่นมือมา  เพื่อนๆเธอก็ยื่นตาม ไข่เขียดยื่นมือออกไปครับพร้อมๆกับ
	แหมผมเขินแย่เลยครับ ผมแค่นายไข่เขียด ชาวนาตัวดำๆธรรมดาคนหนึ่งเอง
	อย่าถล่มตัวไปค่ะพี่เขียด สิ่งที่เราเห็นอยู่ตรงหน้าและได้รับรู้แล้วมันไม่ใช่แบบที่พี่พูดนี่คะ
	คนพูดค้อนน้อย ๆ  ละม้ายใครบางคนที่ผมรอคอยการมาเยี่ยมของเขา
	หลายคนคงไม่อยากเชื่อนะคะว่าพี่กับคุณพ่อขุดดินเองและแบกขนจนเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ขนาดนี้ได้
	ช่าย   เรายังนึกว่าขุดด้วยรถแบ็คโฮล์เลย  กี่ไร่หรือคะ
	เกือบไร่ครับ
	ลึกมากไหม คนยิ้มหวานถาม
	ตรงที่ลึกสุดไข่เขียดชี้ไปทางใต้สุด ก็เกือบสองเมตรครึ่ง  ตรงนี้ตื้นหน่อย เมตรถึงเมตรห้าสิบ   น้องๆว่ายน้ำเป็นกันไหมล่ะครับ
	ไม่เป็นค่ะจารุวรรณตอบ กลัวความลึกด้วย
	แล้วไป นึกว่ากลัวน้ำ เพื่อนเขาแซวกันเอง   คนโดนแซวหันไปบิดเอวเพื่อนแล้วต่างแย้มยิ้ม
	ในหนังสือที่วรรณเคยอ่านเห็นพี่ว่าเลี้ยงปลาแบบรวมมิตร
	เป็นพวกปลากินพืชหลายชนิดตามแต่จะหาได้พวก ปลานิล   ตะเพียน  ปลาแรด    ปลาจีน  ยี่สกก็มี   นั่นไงที่โผล่ขึ้นมาและฮุบอาหารเนิบๆนิ่มๆนั่นก็ปลาแรด 
	อืม   กินอาหารสุภาพจัง
	ที่ฮุบพรวดตูมๆนั่นก็พวกตะเพียนยี่สกเขาล่ะ
	ดูเพลินดีนะคะ 
	
	อาจารย์ของจารุวรรณเดินคุยกับพ่อ มาทางพวกเรา  ผู้ใหญ่ท่าทางคุยกันถูกคอครับ

	เป็นไงจ๊ะเด็กๆ  มาเจอทุ่งนาในฝันแล้วใช่ไหม
	ใช่เลยค่ะอาจารย์แม่  น่าดูน่าอยู่มากค่ะ
	นี่แหละของจริงล่ะ    เจ้าของนี่ก็รุ่นพี่ของพวกเธอนะ ยังไม่มีใครรู้ใช่ไหม
	หรือคะ  สวัสดีค่ะพี่คณะ ทุกคนหันไปไหว้พ่อ
	ขอบคุณมากครับที่ให้เกียรติผมกับลูก ขอบคุณอาจารย์ด้วยครับ
	ทุกคนปลื้มใจในกันและกันนะครับ   และมื้อเที่ยงวันพวกเราคงได้ลิ้มรสอาหารอร่อยจากฝีมือของแม่กัน   


              อ๋อเมนูหรือครับ  ส้มตำ   ปลาเผา  ต้มส้มปลาหลดอ้วนใบมะขามอ่อน

              กินกะไวน์หม่อนด้วยแหละครับ				
12 กันยายน 2547 11:53 น.

เรื่องสั้นขนาดยาว รอยวัน ตอน 3

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

รอยวัน  ตอนที่ 3 

	
	
                             วันว่าง ๆ ที่ผมเข้าไปในเมืองวันหนึ่ง    ผมได้พบกับครูที่สอนผมตอนอยู่ ป.4       ครูจำผมได้   ถามผมว่าเรียนจบอะไรมา    ผมหัวเราะตัวเองให้ครูได้ยิน  และบอกออกไปอย่างขื่น ๆ และขัน ๆ  .ถูกครับมันไม่ถึงกับขื่นขม

ผมเรียนจบเกษตรจากพ่อโจ้มาครับ

ครูเหมือนงงอยู่แป๊บเดียวก็หัวเราะก๊าก   

นี่เธอจะอำครูหรือ  โจ้น่ะชื่อพ่อของเธอนี่นา    ตอนนายเกกับเธอชกต่อยกัน   เขายังมาถามครูเลยว่าดีไหมถ้าจะให้ลูกย้ายไปเรียนที่อื่น


                 แล้วครูว่าไงครับตอนนั้น

	ครูก็ว่าครูเสียดายกำลังหลักอย่างไข่เขียดไปน่ะสิ    ตอนนั้นไข่เขียดรู้ไหม  ชีวิตครูอยู่ในช่วงวิกฤติ   ตอนนี้สบายขึ้นแล้ว   ครูยืมแรงเธอเขียนกระดานอยู่เป็นเดือน  เธอจะเอาค่าจ้างย้อนหลังไหมล่ะ  ครูพูดแกมยิ้มอารมณ์ดีมาก

	ไม่ดอกครับ   ครูใช้งานผม ผมก็ปลื้มสุดๆแล้ว

	ขอบใจๆ   เออเธอได้ข่าวรอยวรรณไหม   ครูรู้นะว่าเธอแอบชอบรอยวรรณ    คนพูดยักคิ้ว   คนฟังขมวดคิ้ว

	ครูรู้แต่เมื่อไหร่

	ก็ตั้งแต่ตอนอยู่ ป.1  ก่อนที่จะย้ายขึ้นไปสอน ป.4   แล้วจริงไหมล่ะ

	เอ่อ..   ผมเขิน   เคิ้น   เขิน   ครูอะไรสังเกตเก่งจริง  ๆ  ผมว่าครูในใจ

	ครูได้เจอรอยวรรณในกรุงเทพ     เธอทำงานด้านพัฒนาชนบทกับองค์กรเอกชนของอเมริกันอยู่แถวภาคเหนือตอนล่าง    ครูมีที่อยู่ของรอยวรรณด้วยนะ     

เหมือนรู้ใจ  ครูหยิบสมุดพกออกมาแล้วพลิกคลี่หาสิ่งที่ผมอยากได้ก่อนยื่นมาให้
	
ถ้าติดต่อกันแล้ว  ผลเป็นอย่างไรอย่าลืมส่งข่าวถึงครูบ้างนะ   
	
คุณได้ยินเสียอะไรตุ๊บๆ  ไหมครับ

	นั่นแหละเสียงหัวใจของผมล่ะ    มันคงอยากออกมายิ้มร่าและเริงใจ

	ครูแนะไว้ก่อนไปด้วยว่าให้ผมเรียนมหาวิทยาลัยเปิด  เลือกเอาสาขาที่ชอบ   เรียนอยู่ที่บ้านแล้วไปสอบตามที่เข้ากำหนดอีกหน่อยก็ได้ปริญญาบัตรเหมือนคนอื่น ๆ  มันไม่ยากเย็นอะไร     ส่วนคำเชิญไปเยี่ยมบ้านของผม  ครูว่าให้ครูว่างๆ กว่านี้ก่อนแล้วครูจะมาใหม่

	ผมไม่รีรอเลยที่จะเขียนจดหมายถึงรอยวรรณในค่ำนั้นที่แม้พระจันทร์ก็ยังเป็นใจ

	

OOOO


	จดหมายจากชาวนถึงรอยวรรณ


:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::



                    สวัสดีครับรอยวรรณ
ผมได้ที่อยู่ของรอยจากครูสีดา     รอยวรรณอยู่ในความทรงจำของผม         
ไม่เคยลบเลือนไปเลย     ส่งข่าวถึงไข่เขียดบ้างซีครับ    ถ้ายังไม่ลืมกัน



::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::


	ได้ผลครับ   อีกไม่นานต่อมาผมก็ได้รับจดหมายจากรอย  เธอว่าจะหาโอกาสแวะมาเยี่ยมผมเร็วๆนี้

	    

                       เปลยวนใต้ต้นม่วงที่ผมนอนอยู่ไม่ขยับนานเท่าไหร่ไม่รู้ เมื่อผมคิดอะไรไปเพลิน  ๆ



	ไข่เขียดเอ้ยไปรษณีย์มาส่งจดหมาย  เองออกไปรับหน่อย  

   เสียงของแม่ทำให้ผมตื่น สู่โลกจริงๆที่อะไรๆก็ยังเห็นเพียงเลือนๆ ลาง ๆ     

                      " ไปซื้อกะปิ น้ำปลาในหมู่บ้านให้แม่หน่อยไข่เขียด" แม่บอกพลางรับจดหมายและสิ่งตีพิมพ์ที่ผมรับมาจากไปรษณีย์อีกที
                     
                      ที่ตลาดสาธิตกลางหมู่บ้านผมก็ได้เจอคู่ปรับเก่าอีก   นี่มันกี่ปีเข้าไปแล้ว                   
                       มันทักผมก่อน

	เป็นไงอ้ายไข่เขียด    ไม่ต้องทำเป็นหลบหน้าหรอก   มึงตัวโตขึ้นแล้วคิดว่ากูจะกลัวหรือ  อ้ายคนมีปมด้อย    

	ไอ้เกจากบ้านไปนานหลายปี   เพิ่งกลับมาจากภาคตะวันออก  มันตกงานและติดเหล้า   หน้าตาดำคล้ำออกโทรม   จมูกผิดรูปไป  รอยบากที่หน้าคงเพิ่งมีตอนหลัง    ฟันซี่บนหักไปหนึ่งซี่  ขี้ริ้วขี้เหร่ขึ้นเยอะทีเดียว

	มึงจะไม่ให้เกียรติกินเหล้ากับกูเลยหรือฮึ    อ้ายคนเรียนเก่ง   มึงน่าจะได้เป็นดอรอไปแล้ว  ใยมาต๊อกต๋อยย่ำต๊อกพอๆกันกับกู

                       เจ้าของร้านส่ายหน้าและส่งสัญญาณว่าอย่าไปต่อปากต่อคำ

	เป็นไงลูกพี่   คุยกับใครอยู่หรือ  

                        นั่นไง   สมุนของไอ้เกนั่นแหละ      พวกนั้นคงเมาน้อยกว่าไอ้เก    ผมคาดว่าไอ้คนพูดคงขึ้นมาเป็นลูกพี่ตัวจริงของไอ้เกด้วยล่ะ   แต่มันยังเรียกไอ้เกว่าลูกพี่ตามศักดิ์เดิมๆตอน ป .4

	อ๋อ   มึงไอ้ไข่เขียดใช่ไหม    บ๊ะหล่อกว่าเก่านี่  หน้าตัวเมียเหมือนเก่าไหมวะ  มันพูดโดยไม่ได้มองผม  

	มึงพูดดี ๆ  อ้ายเสริม   กูไม่ใช่เด็ก ป.4  มึงคิดว่ากูกลัวอยู่หรือ"  ผมไม่ได้เกรงพวกมันนัก   ก็แน่ล่ะ  หนึ่งผมก็เป็นมวย  สองตัวโตกว่าพวกนั้นอีก
อ้ายพวกนั้นเงียบเสียงลง  แต่คงไม่พอใจลึก ๆ

	เสียงไอ้เกกับพวกพูดให้ได้ยินตามหลังมาว่า ไอ้ไข่เขียดมันเรียนเก่งแต่สอบที่ไหนก็ไม่ติด   มันเป็นคนมีปมด้อย

	ผมหัวเราะในใจ  ระคนเคืองในถ้อยคำของคู่แค้น  
                   
                      "กูสอบเรียนต่อไม่ได้   กูก็จบปริญญาตรีได้"

                      ผมคิดแล้วยักไหล่หัวเราะกับลมกับแล้งอีกก่อนกลับบ้านกลางทุ่ง
อย่างเกือบเซ็ง 

( มีต่อครับ)				
10 กันยายน 2547 23:50 น.

เรื่องสั้นขนาดยาว รอยวัน ตอนที่ 2

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

ตอนที่ 2   รอยวัน

	
	 รอยวรรณเรียนในโรงเรียนประจำอำเภอนั้นได้ไม่นานก็ต้องย้ายตามผู้ปกครองไปต่างจังหวัดอีก   

เออ..ความคิดถึงนี่มันก็ทำให้รู้สึกเจ็บๆปวดๆนะ  ผมนึกไปถึงวันที่รอยจะไป เธอให้สมุดเล่มเล็กๆไว้แก่ผม

	สมุดนี่ให้ไข่เขียดเขียนอะไรก็ได้   วันหน้าถ้าได้เจอกันอีก  จะได้แลกอ่านกับรอย
	
	ตอนอยู่ ป.1  ผมเคยไปบ้านรอย   บ้านของเธอมีไผ่สีสุกอยู่รอบบ่อปลา บ้าน          ไม้สองชั้นใต้ถุนสูงหลังนั้นมีชานกว้างโล่งแลเห็นดาวได้ในค่ำคืน  คุณแม่ของรอยเป็นแม่บ้านส่วนคุณพ่อเป็นข้าราชการในจังหวัด    รอบๆบ้านของรอยมีไม้ผลหลากชนิดให้กินได้ทั้งปี    ถ้าผมมีบ้านเป็นของตัวเองผมก็คงแต่งบ้านแต่งสวนแบบนั้น
	
	ผมไม่ได้ข่าวคราวของรอยอีกเลยจนกระทั่งจะจบ ม.6

	
	ไข่เขียด   เมื่อวานมีเพื่อนชื่อรอยมาหาลูกที่บ้าน  เขาฝากจดหมายไว้ให้ด้วย   จำเขาได้ไหม  แม่บอกข่าวนั้นเมื่อผมต้อนวัวจากนากลับมาเข้าคอกที่บ้าน

	จำได้ครับแม่   คนนี้เรียนเก่งเป็นที่หนึ่งของห้องเลย  เขามาตอนกี่โมงหรือครับ

	บ่ายโมง ..  เธอมากับพี่ชายอ๊อด

	อ๋อ  อ๊อดผมจำได้ตอนเขาอยู่ป.2   เคยต่อยกันกับผม    น่าเสียดายที่ไม่ได้เจอกัน   เขาเหมือนเดิมไหมครับแม่

	 เป็นสาวขึ้น   ยังคมขำเหมือนเดิม

	ผมยิ้มๆ ในถ้อยคำของแม่    เมื่อเอาวัวเข้าคอกแล้วก็ผละไปหามุมของตัวเองเพื่อจะอ่านจดหมาย

	รอยวรรณบอกไว้สั้นๆว่าเธอสอบเอ็นส์ทรานซ์ได้คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์  สาขาพัฒนาชุมชน   และเธออยากทราบข่าวดีของไข่เขียดด้วย

	ผมก็มีแต่ข่าวร้ายแหละครับ   เพราะสอบไม่ติดที่ไหนสักแห่ง   พ่อกับแม่ปลอบใจไม่ให้คิดสั้น   เรื่องอะไรผมจะไปคิดสั้น   เพราะทำใจได้แล้ว   ผมผิดหวังมาทีละเล็กทีละน้อย เมื่อผิดหวังเรื่องสอบเรียนต่ออีกสักหนก็จะเป็นไรไป  แต่เพื่อนของผมบางคนก็ทำใจไม่ได้นะครับ  เข้าไปอยู่โรงพยาบาลบ้าตั้งหลายคน

	
	หลังจากจบ ม.6  แล้วพลาดเรียนต่อผมก็ลงไร่ลงนากับพ่อ  ทำงานอย่างเอาเป็นเอาตาย    

	พ่อกับผมช่วยกันขุดบ่อเลี้ยงปลากลางทุ่งนา  หาบดินด้วยบุ้งกี๋สลับกับหามเปลกระสอบ ขนดิน  จากวันเป็นอาทิตย์เป็นเดือนเป็นสามเดือนในที่สุดก็ได้บ่อขนาดใหญ่ และลึก    เมื่อน้ำมาในหน้าฝนพ่อก็หาปลากินพืชมาปล่อยเลี้ยง   คันคูอันกว้างรอบบ่อปลามีแถวแนวของไม้ผลอันหวาน-เปรี้ยวน่าอร่อยลิ้นอีกไม่นานคงพออวดใครต่อใครได้ว่าเราก็เป็นคนมีอยู่มีกิน

	ฝันของผมกับพ่อเดินทางมาถึงจุดหมายใน ปีที่ 4 หลังจากผมจบ ม.6    เพื่อนคนแรกที่ผมคิดถึงและอยากพบมากที่สุดคือรอยวรรณ     

---------------------------------
	
นอกจากจดหมายสั้น ๆ ฉบับนั้นกับสมุดบันทึกเล่มเล็กที่ผมเขียนจนล้นหน้ากระดาษก็ไม่มีข่าวคราวใดอื่นจากรอยวรรณคนนั้น

 ไอ้ไข่เขียดลูกพ่อ     เอง ไม่คิดจะมีเมียรึ   พ่อถามน้ำเสียงอย่างคนสบายใจและไม่จริงจังกับคำถามนัก    ปลาฮุบเหยื่อที่พ่อโยนลงไปทีละชิ้นสองชิ้น เพื่อให้ดูเพลินๆ

 จนๆอย่างเราใครจะสนเล่าพ่อ  ผมโยนเหยื่อลงไปบ้าง   ปลาพรวดฮุบตูมเลย  ผมยักคิ้วให้มัน

มันก็คงมีบ้างแหละน่า   ตอนนี้เองมีเงินในธนาคารเท่าไหร่แล้ว  พ่อหันมาทางผมแต่ตอนพ่นควันยาฉุนพ่อหันไปทางอื่น

เกือบแปดหมื่นแล้วพ่อ

งั้นก็ยังไม่พอแต่งเมีย  ให้เองมีเงินในบัญชีซักสองสามแสนแล้วพ่อจะไปขอผู้หญิงให้  

ไปขอใครเล่าครับ   ผู้หญิงในหมู่บ้านไม่มีใครมองอ้ายไข่เขียดตัวดำนี่ซักคน   คราวนี้ผมกำอาหารปลาโยนโครมลงไป  ปลาฮุบฟลุบฟลับจนน้ำกระเพื่อมเป็นวงคลื่นซ้อนกันซับซ้อน

เออ  ให้มันได้ยังงั้น   ไม่เอาเมีย  เองก็จะบวชล่ะซิ

บวชให้ศาสนาเสื่อมน่ะพ่อเอาไหมล่ะ

ฮ่า   ๆ   พ่อไม่อยากไปทัวร์นรกโว้ย   โน่นๆ แม่เองเรียกแล้ว   คงเตรียมมื้อเที่ยงเสร็จแล้วมั้ง    ผมลุกและเดินตามพ่อจากโคนต้นหมากม่วงสามฤดูริมคันคูบ่ปลาไปยังกระท่อมกลางนา ซึ่งไม่ไกลนัก     ไอ้ช่อนต้มส้มใบมะขามอ่อนกับน้ำพริกพริกขี้หนูสดใส่น้ำปลาร้าเพียงแค่นึกก็ยั่วน้ำลายสอเสียแล้ว 


--------------------
	 เพื่อนที่ชื่อรอยไม่ส่งข่าวมาบ้างเลยหรือหือ แม่ถามก่อนซดน้ำแกง

	 หายไปเลยแม่เอ๋ย  เว้นวรรคจังหวะเคี้ยวข้าวได้แค่นั้น พ่อก็ต่อ

	สงสัยมีแฟนไปแล้วมั้ง    ข่าวคราวเงียบหายไปนานขนาดนั้น   รักแท้แพ้ใกล้ชิด  อ้ายเขียดมันก็รู้

	ไม่ให้ความหวังไข่เขียดบ้างเลยหรือครับพ่อ

	ผมก็ว่าไปอย่างนั้นล่ะเพื่อให้อาหารมื้อเที่ยงอิ่มเอมเต็มรสอย่างที่สุด    แม้ผมจะรักหรือชอบใครปานใดผมก็เผื่อใจไว้ไม่ให้เจ็บเกินจำเป็น

	
	งานในนาปีหลัง ๆ มานี้สบายขึ้นมาก   ปูปลาก็มีพ่อค้ามารับซื้อเอง  ไม่ต้องขนไปขายที่ตลาด   ถ้าพวกนั้นกดราคานัก  พ่อก็ไม่ขาย   ต้องง้ออะไรล่ะ   อาหารเลี้ยงปลาเราก็ไม่ได้ซื้อ  หนี้สินเราก็ไม่มีสักบาท   ข้าวเราก็มีกิน  ปุ๋ยเคมีเราก็ไม่ใช้  ไม่มีอะไรต้องซื้อนอกจากน้ำมันเติมรถยนต์กับของใช้จำเป็น    ที่ผมว่ามานี่แหละที่ทำให้ผมคิดว่าพ่อของผมไม่เหมือนชาวนาทั่วไปทั้งหลายที่พากันเป็นลูกหนี่รัฐบาลแบบโงหัวไม่ขึ้น

-----------------------------

	แม่ รักกับพ่อได้ยังไง   ผมถามขึ้นมาแบบแทบไม่มีปี่มีขลุ่ย ในเย็นวันหนึ่ง  พ่อเอนหลังพิงหมอนสามเหลี่ยม  ดูเหมือนเคลิ้มหลับแต่ไม่ใช่

	 พ่อมาออกค่ายอาสาพัฒนาชนบทที่นี่  เลยเจอกันกับแม่แกซึ่งเป็นสาวที่สวยที่สุดของหมู่บ้าน   พอเรียนจบพ่อก็กลับมาจีบอีกที

	 เลยมีผม  อ้ายไข่เขียดเป็นโซ่ทองคล้องใจ

	ฮ่า  ๆ  สำนวนของเองใช้ได้  ต่อไปภายหน้าจะได้เป็นชาวนานักเขียน  พ่อมีลูกล่อความสนใจของผมอีกจนได้    นั่นเองที่ทำให้ผมกลับไปค้นหาบันทึกของพ่อบนหิ้งและในตู้หนังสือ   ผมอยากรู้จริง ๆ ว่าชีวิตนักศึกษาเป็นอย่างไร   และรอยวรรณใช้ชีวิตนักศึกษาของเธออย่างไร   และชาวนาชาวสวนอย่างผมมีอะไรที่จะคู่ควรกันไหม


	บันทึกของพ่ออ่านมันดี  เหมือนนิยายเลย  เดี๋ยววันหลังผมจะเล่าเรื่องของพ่อให้ฟัง

	
	อ่านบันทึกนั้นไปผมก็วาดภาพของรอยวรรณไป   เธอว่าเธอเรียนด้านพัฒนาชุมชน   อย่างน้อยค่ายอาสาพัฒนาชนบทแบบที่พ่อเล่าไว้ เธอก็คงได้สัมผัสและรับรู้    และนั่นคงพอทำให้เธอเห็นในหัวใจของคนทำนาทำสวนแบบนายไข่เขียดได้บ้างแหละน่า   
                  ผมคิดเพ้อไปก่อนหลับไหลเหมือนทุกค่ำคืน


(มีต่อครับ)				
5 กันยายน 2547 22:59 น.

เรื่องสั้นขนาดยาว : รอยวัน

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

llllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllll lllllllll
                      รอยวัน
llllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllllll llllllllll
               ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

 
 	 รอยวรรณ  เป็นชื่อของผู้หญิงที่ผมชื่นชมมาตั้งแต่เรียนชั้น ป.1  เธอเรียนเก่งมาก   อ่านเขียนคล่องและพูดจาฉาดฉานที่สุดในห้อง    ตาที่โตและคมสะกดทุกคนให้อยู่ในอำนาจได้ไม่ยาก   เพื่อนในห้องไม่มีใครกล้าทำทียียวนกวนเธอสักคน  แม้เจ้าหมอที่เกเรที่สุดในห้อง  ก็ยังยกเธอไว้หนึ่งคน

	 บักไข่เขียด    มึงจะให้กูลอกไหม  ถ้ามึงไม่ให้กูลอก  ตอนเย็นมึงเจ็บตัว   นั่นเป็นคำที่ไอ้เกมันขู่ผมอยู่ทุกบ่อย   ผมเคยเจ็บตัวเพราะโดนพรรคพวกของมันรุมอยู่สองสามหนจึงไม่อยากมี เรื่องกับไอ้เกอีก  เมื่อทำงานเสร็จผมก็ยอมให้มันลอก และในใจก็คิดว่าไอ้หม-เอ๊ย  มึงกินแรงกูเสียจริงๆ ถ้ากูโตเท่ามึงกูไม่ปล่อยให้มึงรังแกอย่างนี้หรอก

	 ทุกครั้งที่ผมโดนรังแก  คนที่แสดงความเห็นอกเห็นใจมีรอยเพียงคนเดียว  เพื่อนคนอื่นๆ มองดูตาปริบๆ เหมือนดูการแสดงสนุกๆ    หนหนึ่งไอ้เกมันเอาทรายแห้งๆถูหน้าผม  มันว่าแป้งยี่ห้อของมันเป็นแป้งชั้นยอด    มันแกล้งผมเพราะมันอับอายเสียหน้าที่ครูชมผมกับรอยว่าอ่านหนังส ือเก่ง  แต่มันอ่านไม่ออก   ไอ้เกมันเก่งทางใช้กำลังข่มเหงคนทั้งโรงเรียน  มันอยากได้ดินสอของใครมันขู่เอาได้ทั้งนั้น  ไม่มีใครกล้าฟ้องครู  นอกจากอ้ายไข่เขียด  ฉายาที่มันตั้งให้คนผอมขี้โรคเช่นผม  หนนั้นรอยเป็นคนแอบเอาผ้ามาเช็ดหน้าให้ผม  โดยที่พวกนั้นไม่รู้    ผมมากกว่าชื่นชมรอยเสียแล้วตั้งแต่วันนั้น
เฮอะ..ความรักของเด็กป.1   แหละเอ๋ย..


                                               OOOO


 	            รอยวรรณเรียนถึงชั้น ป.2 ก็ย้ายไปเรียนที่อื่น ทิ้งให้อันดับ 2 อย่างผมให้ขึ้นมาเป็นที่ 1 แทน     
              ห้องเรียนของผมยุ่งเหยิงขึ้น ด้วยผมเป็นหัวหน้าที่ไม่มีใครฟัง   ตอนครูอยู่ไอ้เกมันก็เงียบล่ะแต่พอครูไปธุระมันก็โวยวาย  

              ในโรงเรียน  สมุด ดินสอ ยางลบ ไม้บรรทัด หายบ่อยมาก  แม้แต่สมุดดินสอสำหรับแจกที่ครูเก็บในลิ้นชักยังโดนคนงัดเอา     ผมรู้และผมเห็นว่า   ไอ้เกนั่นแหละเป็นคนออกอุบายให้สมุนของมันปีนห้องพักครูไปงัดเอ าในวันหยุด

	            เมื่อครูสืบว่าใครขโมยครูก็มารู้จากผมที่กล้ายืนยันว่าเห็นใครข โมยและมันเอาของพวกนั้นซ่อนไว้ที่ไหน    ครูให้ไอ้เกกับพวกพาไปเอาของกลางได้คืนมาจนเกือบหมดและเชิญผู้ป กครองของพวกนั้นมาทำทัณฑ์บนด้วย

  	         การคบกันเป็นเพื่อนระหว่างผมกับไอ้เกก็เป็นอันสิ้นสุดลงแต่นั้น   เพราะมันกับพวกดักต่อยผมทุกวันหลังเลิกเรียน   ผมแพ้บ้างชนะบ้างเพราะพวกนั้นเปลี่ยนหน้ากันมาดวลกำปั้นกับผม  ไอ้เกมันไม่ยอมเปลืองตัวมาแลกหมัดกับผมหรอก  มันฉลาดที่จะใช้อำนาจเสียงของมันขู่ให้คนอื่นเจ็บตัวแทนมันได้

	            ไอ้ไข่เขียด   ถ้ามึงไม่อยากเจ็บตัวอีก  มึงสงบปากคำดีกว่า  คราวนี้คนที่พูดคำนี้ไม่ใช่ไอ้เก   แต่เป็นนักเรียนชั้นป.6  ชั้นสูงสุดของโรงเรียนในหมู่บ้าน   ผมรู้ว่ามันคือหัวขโมยตัวจริง  มันเคยลักเอาเงินของครูไป 200 บาท  มันเคยลักไก่ของภารโรง และมันเคยลักอ้อยของบ้านที่อยู่ข้างโรงเรียนด้วย   ไอ้เกก็เป็นลูกสมุนของมันอีกที

	            ช่ายมึงเฉยไว้ดีกว่าถ้าไม่อยากเจ็บตัว  ไอ้เกก็ยังตามมาสำทับจนได้เมื่อมันเห็นว่าลูกพี่มันว่าอะไรผม

         ผมได้แต่อึ้ง แม้ไม่สะทก   ก็อดหวั่นไม่ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าครูใหญ่มาถามเอาความจริงจา กผมว่าใครเป็นหัวขโมยบ้างในโรงเรียนนี้ 

         ถ้าเวล านั้นมาถึง   บางทีผมอาจจะได้ไปจากเพื่อนขี้โกงและชอบรังแกเสียที

                             -------------------------------------------------------------
	
	ผมอยากตัวโตสูงใหญ่อย่างคนอื่น ๆ  แต่มันก็เหมือนความฝันอยากบินโดยไม่มีปีกนั่นแหละ          ผมพยายามโหนกิ่งไม้ทุกวัน หวังให้กระดูกยืดออกบ้าง    ทั้งยังหัดต่อยเตะถุงใส่แกลบที่ผูกโยงจากคาคบไม้เพื่อให้เป็นมวยบ้างยามต้องต่อยตีป้องกันตัว    บางหนผมยังลองเตะต้นกล้วยดูด้วยว่าฝีแข้งของผมคมแข็งปานใด   และผมก็รู้แล้วว่ามันเจ็บ    

                     ระหว่างคนธรรมดากับนักมวย       ถ้าแลกลำแข้งกัน    คือโยนแข้งใส่กัน     คนธรรมดาเจ็บกว่าแน่นอนเพราะไม่ได้ฝึกรับความเจ็บปวดให้ชิน      เนื้อ - กล้ามเนื้อ-กระดูก และเอ็นของนักมวยนั้นไม่ได้ยวบอ่อนแบบของคนธรรมดาหรอก    แต่แน่นเปรี๊ยะแข็งปั๋ง     ในสถานการณ์ที่ถูกโยนแข้งหรือเข่าเข้าใส่   หากมีการตั้งรับที่เหมาะสมบางทีก็แทบจะพูดได้ว่า เจ็บแค่จิ๊บจ๊อยแบบมดแดงกัดนั่นล่ะมั้ง         เมื่อรู้ความจริงนี้จากนักมวยที่อยู่บ้านข้างกันผมจึงมีกำลังใจที่จะประเคนแข้งใส่กระสอบแกลบ  และสวิงซ้ายขวาใส่เป้านิ่งที่สมมุติเอาว่าเป็นหน้าไอ้เก ได้ทุกวัน

 ไม่อยากเป็นนักมวยหรือไอ้น้อง  คนที่สอนผมเรื่องมวยถาม

 ผมกลัวโดนต่อยเตะครับ

 ใครจะมาเตะเราได้ง่ายๆ       ถ้าเราเป็นมวย

                                  ผมไม่ออกเสียงเถียงเขา      แต่ผมเถียงดังๆ ในใจว่า     --อ้าวแล้วที่พี่แพ้น็อคหลับกลางอากาศน่ะมันอะไรหล่ะ   ไม่ใช่เพราะลูกตีนโดนก้านคอหรอกหรือ  และพี่ก็ว่าพี่เป็นมวยนี่นา--

                                  นักมวยข้างบ้านย้ายไปอยู่ที่อื่นในไม่นานนัก   แต่ผมก็ไม่หยุดชกกระสอบ และโหนบาร์  โดยหวังว่าสักวันหนึ่งผมจะโตอย่างน้อยก็เท่าไอ้เก    มันจะได้ไม่กล้ารังแกผมอีก


                    -------------------------------------------------------------------

	
	ความขัดแย้งระหว่างผมกับไอ้เกมาแตกหักเอาตอนปลายปีของชั้น ป.4   	ซึ่งครูประจำชั้นไม่ค่อยอยู่โรงเรียน  ทำให้ผมต้องรับภาระเขียนกระดานแทนครูอยู่เสมอ   ในชั้นนั้นไอ้เกจะคอยโวยวายว่าผมเขียนกระดานเร็ว  เขียนมาก และพวกมันเหนื่อย   ผมก็เขียนตามที่ครูบอกให้เขียนนั่นแหละ   ถ้าพวกมันเหนื่อยผมก็ยิ่งต้องเมื่อยเพราะต้องเขียน 2 ครั้ง หนึ่งในกระดาน สองในกระดาษ   เมื่อทางอำเภอออกมาทดสอบความรู้  เพื่อนของผมสอบตกเป็นแถว ก็จะไม่ตกได้อย่างไรเพราะผมเขียนให้ลอกเท่านั้นผมอธิบายให้ฟังไม่เป็น  ผมไม่ใช่ครู-โธ่เอ๋ย

	ผมกับไอ้เกทะเลาะกันเรื่องจดกระดานอีก  มันแย่งหนังสือไปจากผมแล้วเขวี้ยงลงกลางห้องและว่ามีครูสีดาคนเดียวก็น่าเบื่อพอแล้วยังต้องมาทนกับอ้ายครูไข่เขียดอีก   เพื่อนหลายคนเฮ เข้าข้างไอ้เก  ผมเก็บหนังสือขึ้นมามันถีบผมล้มลงไป   มวยคู่เอกจึงได้ออกหมัดกันตรงนั้น  ผลการชก  หน้าของผมเป็นแผลยาวใต้ตาขามาจนถึงขากรรไกขวา  เพราะโดนเล็บหัวแม่มือจากหมัดเหวี่ยงของไอ้หมอนั่น   แล้วคู่ชกของผมเป็นไงมั่ง   อ้ายนั่นลงไปนอนกุมเป้าเลย  มันโดนหลังteenของผมเข้าที่กลางหว่างขานั่นเอง

	ผู้ปกครองของนักเรียนที่ตีกันโดนเรียกพบ  ส่วนเด็กที่ตีกันไม่ได้เข้าฟังด้วย   พ่อออกจากห้องครูใหญ่มาเงียบๆ   และไม่พูดอะไรกับผมด้วย  จนตอนเย็นหลังเลิกเรียนนั่นแหละผมจึงได้บอกความจริงกับพ่อ
	
(มีต่อครับ)				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์