9 สิงหาคม 2548 19:39 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
1. เมื่อวานผมกับลูกช่วยกันกรอกดินลงถุงเพาะ
เรากะจะปลูกมะละกอไว้กินสุกช่วงเมษา
ผมจึงขนปุ๋ยคอกไปผสมกับทราย กองไว้ใต้ร่มไม้ เพื่อให้ลูกเริ่มงานที่ว่านั้น
2. ลูกกรอกดินได้หลายถุงเรียงกันไว้ในกะละมัง
ผมลงมือกรอกทีหลัง ไม่นานก็ทำได้เกือบเท่ากัน
3. เราไม่ได้สังเกตว่าแม่ไก่ที่คุ้ยเขี่ยอยู่แถวนั้นพาลูกๆออกไปที่ไหนแล้ว
และผมก็ไม่ได้สังเกตว่ามีลูกไก่ตัวน้อยตัวหนึ่งยังเขี่ยคุ้ยหาเศษเมล็ดข้าว
อยู่ตรงนั้นด้วยตัวหนึ่ง
4. ผมถามลูกว่า หนูอยากได้ค่าแรงกันไหม
ลูกว่า.. ก็พ่อให้ค่าขนมเราอยู่ทุกวันแล้ว ทำไมต้องจ่ายค่าจ้างอีก
ผมยิ้ม และว่า เข้าใจพูดดี พ่ออยากให้ค่าจ้าง เพื่อให้ลูกเห็นคุณค่าของงาน
ถ้าลูกไม่รับ งั้นพ่อขอเลี้ยงไอติม
ลูกยิ้มและตั้งใจทำงานขึ้นอีก
5. ขณะที่ผมกำลังจะหยิบถุงดำอันสุดท้ายเรียงในกะละมัง
ผมก็ได้ยินเสียงสัตว์ตัวเล็กหวีดร้องเล็กแหลม หาบางสิ่งบางอย่างที่จะปกป้อง
คุ้มภัย
ลูกเจี๊ยบนั่นเอง...
มันถลาเข้ามาซุกซอกกะละมังที่เราทำงานกันอยู่
ไวเท่ากัน ผมก็ได้เห็นเหยี่ยวเล็กนัยตาคมกริบโฉบมาจับที่รั้วไม้ไผ่ห่างจาก
มือผมไปไม่เกินวาครึ่ง
สัตว์นักล่า ไม่ยอมขยับไปไหน มันจ้องมาที่ผมและดูท่าที
ลูกชายของผมว่า..ดูซิ นกตัวนี้มันกล้าน่าดู
คนกับสัตว์นักล่าจ้องกันอยู่นานนับนาที
ชั่วอึดใจอันอึดอัดนั้นลูกเจี้ยบก็ขยับจากซอกกะละมังเข้ามาซุกข้างขาของผม
ไวเท่าคิด แม้ไม่ได้มีสัญชาตญาณของแม่
ผมก็รู้ว่าลูกเจี๊ยบไม่ปลอดภัยจากสัตว์นักล่า(หน้าด้าน-คำของลูก)ตัวนั้น
ผมหยิบก้อนหินก้อนเล็กเขวี้ยงออกไป
นักล่าไวกว่า
มันพลิกปีกบินขึ้นไปจับหลังคา
คราวนี้ผมหยิบหินก้อนใหญ่ขว้างตาม
เนื้อตัวอุ่นๆของลูกเจี๊ยบเหมือนสั่นริก
ไม่ทันที่ผมจะจับไก่ตัวน้อยขึ้นมาปลอบ
เจ้าเจี๊ยบน้อยก็ผละจากที่กำบังชั่วคราวโผเข้าหาที่กำบังถาวร
ที่ห่างออกไปอีกวา
แม่ไก่นั่นเอง คงกลับมาตามหาลูกตัวดื้อ
ด้วยรับรู้ถึงภัยร้ายที่จะเกิดและเสี่ยง อยู่ทุกเวลานาที
6. วินาทีนั้น..
ผมคิดถึงอ้อมกอดและความรักของแม่ขึ้นมาอย่างจับจิตจับใจ
7 สิงหาคม 2548 23:35 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
1. เอมเอยอวลอิ่มซึ้ง..........ทรวงขวัญ
ไออุ่นอ้อมกอดอัน..........โอบเอื้อ
เต็มตาตื่นรับวัน............เต็มอิ่ม แม่เอย
อ้อมอกอุ่นอะเคื้อ............แม่โน้มนำถนอม
2. แม่ยอมแม้เหงื่อย้อย......ยางไหล
เพียงแต่ยอดดวงใจ.......อย่าเศร้า
สายตัวแม่ขาดไป...........แม่บ่ ขามนา
ยั้งอยู่ยามทุกข์เร้า..........เหนื่อยท้นฤาถอย
3. กลอยใจใครห่วงแม้น.....แม่หนอ
คำเอ่ยเอยเออออ............บ่ใบ้
แม่ยินแม่สุขพอ..............ยืนหยัด อยู่เฮย
คำหนึ่งหวังวาดไว้...........แม่นี้เนาฝัน
4. ตะวันจันทร์แต่งฟ้า..........ต่อฝน
คำ แม่ เหมือนมีมนต์.......แม่นแล้
ลูกเอยแม่อดทน..............เติมแต่ง ฝันนอ
ฟังเอ่ย "รักแม่แท้"..........อิ่มซึ้งเทียมสรวง
ฯ
6 สิงหาคม 2548 17:25 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
1. ตาลเตียนจึงเอ่ยอ้อย.........เอาหวาน
เจียมแต่งนบอาจารย์.........แจ่มถ้อย
จริงเรียมบ่ชำนาญ............โคลงหนึ่ง ใดเฮย
เพียงแต่นิยมสร้อย-..........ต่อซึ้งโคลงใส
2. มีใจจะกล่าวเน้น..............นัยหนำ
จดจ่อต่อลำนำ..................หนึ่งนั้น
คือโคลงนิราศ คำ............ดาลจิต
ดลจริตเนื่องทั้น..............อิ่มท้นทิพย์ฉาย
3. บ่ตายสิต่อเชื้อ................ชาวศิลป์
จรดแผ่นธรณิน.............นี่โน้น
คำจันทร์ที่ยลยิน............มาแต่ นานนอ
เจิดจรัสพวยโพ้น...........แผ่นพื้นเพียรเห็น
4. ขอเป็นชาวชาติชั้น.........กวีศรี
เอมอิ่มรสวรรณคดี............ต่างข้าว
รับแสงแห่งธรรม มี.........อุดมคติ
ผลิผลึกปรัชญาน้าว......หน่วยน้อยมโนสมัย
5. เริงหทัยคราวร่วมซ้อง..........สโมสร
หวังหมู่ชนแห่งกลอน......กล่อมกล้า
แรงใจส่งเป็นพร...........ให้แก่ เรียมเฮย
นานเนิ่นเรียมบ่ล้า.........เร่งรู้โคลงเฉลา
ฯ
4 สิงหาคม 2548 23:56 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
1. สู่ชู้ สูชู ดู...................อดสู
เริงร่านแรงกว่ากู......สู่รู้
วันวัยว่ายวนบู-.........ชาบาป
ดูหมู่ชนกู่วู้................กวักว้ำ กามหวัง
2. หน่อยชังชิงถ่ายทิ้ง.....เกลื่อนเสีย
มากหมู่ราวผัวเมีย.....หมื่นหมั้น
โหยหาบ่อิดเพลีย.......เห็นหื่น หรรษ์แฮ
ปกปิดปดปานชั้น......โฉดซ้อนชอนฉล
3. สกลฉกาจค้า.............กามฉาว
หิริแหลกลงราว.........เศษแก้ว
โอตตัปปะดับอีกคราว.....เงินขู่ ธรรมนอ
ยินข่าวคาวอีกแล้ว.....นี่โน้น เนืองหนอ
4. ด่าทอกระแทกทั้น......กระทบไผ?
ถามเถิดยุคสมัย.........แห่งข้า
เราเกิดร่วมยุคไหน....ฤาหมู่ เกลอเฮย
ยุคเสพสุขบ่ล้า.............แถกทิ้งธรรมศีล
5. ยุคตีนสยบยั้ง.............ยวงผม
ทุนถ่อยทูนนิยม..........ทั่วย่าน
เหยียดไทเข่นนิคม......สิกขะ
แดกดะบ่อายด้าน........โอบอุ้ม อวยผี
6. อวยพลีกาลีพร้อม..........มอมหมาย
เกิดใหม่คือหญิงชาย.....แกร่งกล้า
กลกาม กโลบาย...........พาดับ แล้วนอ
ค่านิยมคลั่งบ้า..............ต่อเชื้อ ชนเขลา
ฯ
2 สิงหาคม 2548 23:57 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
๑ ตึกรามโตระฟ้า...............เรืองสมัย
ผุดโชติช่อดอกไฟ...........ผ่องด้วย
แสงสีส่องโชนไป............ราวเขต แมนเฮย
แต่จิตจมฉากม้วย..............เปลี่ยวคว้าง ครวญขวัญ
๒ คืนวันสลดร้าย..................มโนแสลง
บางสิ่งส่อสำแดง...............อ่อนด้อย
บางสิ่งกลับเริงแรง............ฉาวโฉ่
ชนหากเกลียดแต่น้อย.......กว่านั้น นบถือ
๓ ฤากาลแปรเปลี่ยนแล้ว..........เชิญฉล
โดยก่อแต่เกมกล...................แอบกล้ำ
หมกหมากกับเหลี่ยมมนต์.....มอมเหยื่อ
เพื่อหลอกโจนขย้ำ..................ฉีกเนื้อ แนมหนอง
๔ ครรลองแห่งยุคไร้...................ธรรมฉาย
ชนโฉดเกร่อรอบกาย...............กว่ากี้
ออกกฎกับโอบาย...................กลกล่อม เกลอแฮ
ใดใดต่างจากนี้........................ด่าวดิ้น ดายถม
๕ รันทมสดับถ้อย........................ถาบถาง
ชนถิ่นในเขตทาง.....................ต่างเบื้อง
ถูกขีดแบ่งเขตบาง...................ราวเถื่อน
แมนกลับเกริกฟุ้งเฟื่อง............ถิ่นท้น ระทมขยาย
ฯ