26 เมษายน 2548 06:38 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
แดดอ่อนอ่อนในตอนเช้า.....ให้เงายาวทอดทาบนา
น้ำขังเจิ่งสะท้อนฟ้า...............ดาลอุราอ่อนไหว
เพราะฝนตกเมื่อคืนนี้............ปลามากมีจึงดีใจ
ได้ว่ายแหวกในน้ำใส.............ได้ออกไข่ได้ลูกปลา
แสงแดดอุ่นนี้คุ้นนัก...............เหมือนความรักของคุณ
ตักนิ่มอ่อนเคยนอนหนุน.........ผมรักคุณนักหนา
ยามเมื่ออยู่เคียงใจ..................ผมไม่เคยคิดลา
ผมรักคุณเท่าท้องฟ้า...............ถามปลาดูก็ได้
ผม..รักแต่คุณ..........................คุณคุ้นหัวใจ
อ้อมกอดก็อุ้นอุ่น.....................ยิ้มของคุณยิ่งคุ้นใหญ่
ดาลใจดลหัวใจ.........................ให้ผมยิ้มให้โลก
25 เมษายน 2548 20:06 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
1. กินข้าวเที่ยงหรือยัง
มาทานด้วยกันครับ
วันนี้ผมทำกับข้าวเอง
ผมทำกับข้าวเก่งครับ
2. ภรรยาไม่อยู่ ลูกลูกก็ไปบ้านปู่
ผมอยู่คนเดียวครับ
เมนูเที่ยงที่จะบรรเลง
ผมออกแบบเองนะครับ
3. ผัดใบกะหล่ำเลือกใบไม่ห่อ
กับหมูสามชั้นก็พอครับ
ผัดแบบผัดผักบุ้งไฟแดง
ใส่เครื่องปรุงพริกแกงด้วยครับ
4. อย่าลืมแต่งหน้าด้วยพริกไทย
ซื้อหรือป่นเองก็ได้ครับ
ส่วนข้าวควรเป็นข้าวเหนียว
แต่ข้าวเจ้าก็ดีทีเดียวครับ
5. กินไหมครับผมทำเผื่อ
ผักของผมมีเหลือเฟือครับ
กะหล่ำปลูกแต่ก่อนหนาว
เพิ่งห่อเป็นก้อนกลมขาวตอนแล้งครับ
6. หรือว่าไม่อดเลยไม่อยาก
ไม่ยากก็เลยไม่ลำบากใช่ไหมครับ
ผมเคยได้ยินว่า ยิ่งอดก็ยิ่งอยาก
นี่ไม่ใช่แขวะหรือถางถากนะครับ
7. เอาล่ะผมจะกินมื้อเที่ยงซะที
ส่วนคุณเชิญอ่านบทกวีต่อเถิดครับ
ฯ
24 เมษายน 2548 01:40 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
1. อาทิตย์หลับไปนานแล้ว
ส่วนจันทร์แก้วยังผ่องใส
เชิญจันทร์อันอำไพ
กล่อมคืนเหงาเถิดจันทร์หงาย
2. หริ่งหรีดเรไรร่ำ
ในคืนค่ำอันเดียวดาย
ตื่นตามาเหนื่อยหน่าย
หวังหนึ่งวายในห้วงวัน
3. ปลอบข้าหน่อยเถิดเพื่อน
อย่าแชเชือนเหมือนแหนงขวัญ
หนึ่งมิตรสนิทกัน
มาห่างหายให้โหยหา
4. จันทร์แจ่มอย่าแรมร้าง
เถิดส่องทางอย่าห่างตา
ส่องใสสู่ใจข้า
ที่ทึมเทาและถดถอย
5. แม้นมีที่สมหวัง
สัมฤทธิ์ดังตั้งตาคอย
ถัดนี้ข้ามีถ้อย
กรองพจน์ร้อยไพเราะแสน
มอบจันทร์กระจ่างฟ้า
กล่อมเวิ้งหล้าวิมานแมน
เถิดจันทร์ปลอบขวัญแคว้น
กล่อมฝันข้าอย่าแหนงชัง
23 เมษายน 2548 07:07 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
จริงไหม.. ถนนทุกสายเชื่อมถึงกัน
และตาน้ำ ก่อธารอันเย็นและใส
เหมือนกับ มิตรภาพอันอาบใจ
โยงสายใย เชื่อมไมตรีให้ปรีดา
สายฝนย่อมหยาดสู่กลุ่มภูเขา
เพราะป่าไม้ให้ร่มเงาชื้นเย็นกว่า
และฝนย่อมหยาดทะเลทุกเวลา
เพราะผืนน้ำสุดสายตากว้างกว่าดิน
มิตรภาพเชื่อมใจเชื่อมไมตรี
กำซาบซึ้งตรึงฤดีไม่มีสิ้น
ไกลเหมือนใกล้ไมตรีกล่อมชีวิน
เหมือนฝนรินหยาดหล้าพาชื่นทรวง
21 เมษายน 2548 09:37 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
1. ทุกเช้าและเย็นนกกระจอกฝูงใหญ่มากจะส่งเสียงจ็อกแจ็กจอแจ
อยู่บนต้นมะฮ็อกกานีที่ยืนต้นเก่าและแก่อยู่หน้าหอพักนักศึกษาชายที่สี่
ตอนสายเสียงนั้นก็เงียบทำให้เหมือนกับแถวนั้นเย็นเยียบเต็มที่
นักศึกษาพากันเข้าเรียนแล้วซีหอพักจึงเหมือนกับไม่มีผู้คน
2. แน่แล้วที่ฝูงนกนั้นปลุกนักศึกษาให้ตื่นแต่เช้า
เพื่อจะได้เข้าห้องเรียนทันโดยทุกวันบ่ต้องหงอฉงน
นักศึกษาเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นลูกหลานของคนจนจน
ที่พ่อแม่ของเขาดิ้นรนส่งเสียหวังให้ลูกมีคุณภาพชีวิตอันควร
3. วันหนึ่งในฤดูเริ่มจะทำนา ฝนโหมซัดมาแบบพายุคลั่ง
ลูกเห็บเย็นเยียบกระหน่ำถั่งประดาประดังลมวนหมุนปั่นป่วน
ฝนตกไม่ลืมหูลืมตานกน้อยเปียกตกลงมาไม่เป็นกระบวน
หนาวสั่นงันงก แทบทุกตัวนกล้วนเหมือนปีกหักเสียหลักจะบิน
4. นักศึกษาที่ยากจนคนหนึ่งถือกระสอบป่านคล่องแคล่วปานนักล่า
เขารุดกวาดเก็บเอานกที่ตกเกลื่อนอยู่ต่อตามาเกือบทั้งสิ้น
หลายชีวิตเกิดมาเป็นชีวิตดิ้นรนอยู่ก่อนจะกลับคืนเป็นก้อนดิน
ประสบกับชะตากรรมได้เห็นได้ยินชวนสะท้อนใจอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
5. ฝนหยุดตก เสียงนกหน้าหอ เงียบ รอบหอพักเย็นเยียบจนไม่อยากจะเชื่อ
เสียงพูดคุยของบางคนเหมือนสั่นเครือแต่ตอนท้ายก็เหลือเพียงแค่นขัน
รุ่งเช้าและย่ำเย็นถัดมา ไม่ได้ยินเสียงนกที่ขับลำนำเวลาที่ว่านั้น
นกหน้าหอหายไป แต่ก็ไม่ได้ยินว่าใครถามหามัน
6. -