24 มีนาคม 2548 06:55 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
1.มาล้อมวงเถิดพี่น้องร้องเรียกขวัญ
ลมตะวันแก้วตาลูกยาเอ๋ย
จากเถื่อนเขาลำเนาไพรไม่คุ้นเคย
มาเนาเชยแนบชิดสนิททรวง
2. กินข้าวผีให้เจ้าฮาก สำรากพลัน
หมากผีมันเล่ห์แรงแสลงหลวง
คายคำหมากอันพวกสางมันสร้างลวง
เพื่อหลอกดวงใจจ้อยไปต่อยตี
3. เมื่อเจ้าไปใครเขาก็เหงาหงอย
ลุงป้าคอยแก้วตาอย่าเบือนหนี
สู่อ้อมอกอย่าตกใจกับไมตรี
ความใยดีคือความหมายสายสัมพันธ์
4. เจ้ากับน้องต่อไปก็ใหญ่โต
ส่วนพ่อโซเสื่อมไปในธาตุขันธ์
ปานตะเว็นเป็นน้องลมตะวัน
จงรู้จักรักกันปันอาทร
5. ผูกข้อมือความหมายคือคลายเบา
จากความทุกข์ความเศร้าในคราวก่อน
กับผูกจิตสนิทสนมสุขสมพร
พ่อเรียกขวัญเป็นกลอนเป็นตอนไป
6. ลมตะวันอย่าขวัญเสียละเหี่ยโหย
อย่าโอดโอยว่าใยหนอพ่อผลักไส
ไปเรือนปู่อยู่ต่างบางอยู่ทางไกล
พ่อจนใจกับมีกรรมมันจำเป็น
7. เมื่อเข็ญข้นปนร้าวมันเบาลง
พ่อก็ตรงมารับเจ้าไวเท่าเห็น
ปู่กับย่ารักเรามากเห็นยากเย็น
ดูแลเจ้าตั้งแต่เป็นเด็กอมมือ
8. ลมตะวันขวัญตาอย่าเคืองพ่อ
ปานตะเว็นนั้นก็อย่าดึงดื้อ
มีอะไรให้ปรึกษาและหารือ
พี่ชายคือหัวแหวนแทนบิดา
9. วันวานคือวันช้ำเราลำบาก
เมื่อตกยากบางคนเห็นเราเป็นหมา
เพราะข้าวสารกรอกหม้อต้องขอมา
แอบกินข้าวกับน้ำตาในซอกครัว
10. วันนั้นหม่นหมองเกือบร้องไห้
มาวันนี้ ดีใจได้ยิ้มหัว
ลมตะวันหันมาอย่าหวาดกลัว
ยามคืนรั้วเรือนเราคราวมีกิน
11. ญาติพี่น้องล้อมวงอยู่ตรงหน้า
อาอาวป้าลุงใหญ่ไม่เคยหมิ่น
ให้พริกเขือเกลือปลาร้าเป็นอาจิณ
มีใจรินความการุณอุ่นกมล
12. เสียงร้องรับเรียกขวัญวันบายศรี
เธอจงมีความฝันอันออกผล
คือกล้าแกร่งเป็นแสงชัยให้หมู่ชน
เราทุกคนล้วนนิยมชื่นชมเธอ
ฯลฯ