28 กุมภาพันธ์ 2548 06:10 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
(ต่อครับ)
ลตว. : กลับไหมครับ ซาวนาทีแล้วนี่ครับ
กพ. : งั้นก็กลับ ไหนใครได้อะไรบ้าง
ปตว. : เวลาน้อยอย่างนี้บ่มีทาง
นอกจากแวะซื้อมะปรางแผงข้างร้าน
ลตว. : เปลี่ยนมะปรางเป็นสตรอเบอรี่ดีไหม
ปตว.: มันราคาเท่าไหรแบบไม่หวาน
ก.พ. : 20 บาท ยี่สิบแง่งแพงเอาการ
แต่เอาเถอะนาน ๆ จึงซื้อกิน
ปตว. : เราซื้อต้นสตรอเบอรี่ดีไหมพ่อ
ลตว. : ปลูกแล้วก็คงได้ชมและดมกลิ่น
บ้านเราแล้งร้อนแทบว่าน้ำตาริน
ส่วนสตรอเบอรี่ชินความหนาวเย็น
ก.พ. : ในเมืองหนาวรู้ไหมเขาก็ดัดแปลง
ปลูกฟักแฟงเมืองร้อนเราราวทำเล่น
นี่ถ้าเราดัดแปลงอย่างเขาเป็น
คงได้เห็นสตรอเบอรี่ในที่แล้ง
ลตว. : ล.ฯ เคยอ่านในนิทานเรือนกระจก
ฝรั่งปลูกต้นก้นครก ต้นต้องแล่ง
ทำน้ำหวานทำไวน์บ้างขายอย่างแพง
พืชเมืองแห้งเมืองฮ้อนถิ่นดอนเฮา
ปตว. : แม่ค้าครับซื้อสตรอเบอรี่ยี่สิบบาท
แม่ค้า : เหลืออยู่นี่ 1 ถาดจะขายเหมา
สามสิบบาท ยี่สิบลูกเอาไม่เอา
ตัดสินใจไวเข้าคนเขารอ
ก.พ. : เอาครับ ผลไม้พวกนี้ปลูกที่ไหน
แม่ค้า : บนดอยแถบเชียงใหม่ไงคุณพ่อ
นี่ยังสดมีเท่าไหร่ก็ไม่พอ
คนมาออซื้อกันทุกวันเลย
ปตว. : เอ้า..แล้วใยขายเทแบบเลหลัง
แม่ค้า : อืม..มีเหตุผลเสียจังพ่อคุณเอ๋ย
แบ่งกันกินแหละพ่อคุณคนคุ้นเคย
จะปลูกกินใช่ไหมเอ่ยคนเคยคุ้น
ก.พ. : ขอบคุณครับ เอ้ารับไว้ แล้วไปกัน
ป้าน่ะมีอารมณ์ขันอันอบอุ่น
ไว้ปลูกได้จะฝากขายพึ่งใบบุญ
ไปล่ะครับขอบคุณที่ไม่เคือง
ปตว. : พ่อจะปลูกยังไงในถิ่นแล้ง
ลตว.: สตรอเบอรี่มิใช่แตงฟักแฟงเฟื่อง
ก.พ. : ก็ปลูกในตู้เย็นไม่เห็นเปลือง
ให้แสงมันก็สิ้นเรื่องแล้วจะลอง
ลตว. , ปตว. : เออ.....อืม.....หืม ?!!
( มีต่อครับ )
26 กุมภาพันธ์ 2548 01:24 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
เริ่ม 25 กุมภาพันธ์ 2548
ลตว. : พ่อครับวันนี้จะแวะไหม
ก.พ. : จะบ่แวะได้ไงเล่าไอ้หนู
หลังเลิกงานอย่างไรต้องไปดู
ร้านหนังสือนั้นอยู่ตรงมุมเมือง
ปตว. : เราแวะร้านนั้นบ่อยจนค่อยชิน
ลตว. : ได้หนมกินแหละคุณน้องเรื่องของเรื่อง
ก.พ. : เอาเหอะน่าเพื่อปัญญาได้ประเทือง
มันบ่เปลืองตังค์เราสักเท่าไร
ลตว. : พ่อชอบอ่านชอบเขียนราวนักเขียน
ก.พ. : เออ..มันอาจจะเหมียนกับตัวไหม
ลิ้มยอดหม่อนติดความอ่อนอันเอมใจ
ก่อนจะสร้างเส้นใยไว้เนียนยาว
ปตว. : เรื่องของพ่อแปะในเน็ตคงเต็มเน็ต
ก.พ. : เออก็มากเหมือนไข่เป็ดใต้ยุ้งข้าว
ลตว. : งานของพ่อที่ว่าดีได้กี่ดาว
ก.พ. : เออ..ก็มากจนพราวราวรังแค
ปตว. : ฮ่า ๆ.. มากับพ่อ ป.ฯได้ยิ้ม
ลตว. : ล.ฯได้อิ่มกับสมอยากได้ฝากแม่
ก.พ. : เราอิ่มอุ่นคุ้นใจใครดูแล
ปตว. , ลตว : ตอบชัดแท้แม่กับพ่อต่อชีวัน
ก.พ. : พ่อจะดูหนังสือบทกวี
ปตว. : ป.ฯจะเลือกการ์ตูนดีที่ชวนขัน
ลตว. : ล.ฯจะเลือกสมุดภาพสีน้ำมัน
แล้วฝึกวาดด้วยกันวันปิดเรียน
ก.พ. : ใช้เวลาอย่าให้เกินซาวนาที
กลับไปนี้ยังมีงานทวนอ่านเขียน
รดน้ำผัก เลี้ยงหมูหมา ปลาตะเพียน
กับถ่ายเปลี่ยนฟางน้ำวัวตัวเท่าช้าง
( มีต่อครับ)
24 กุมภาพันธ์ 2548 04:46 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
1. สยาม ณ กาลสมัย
เขตไหนหรือไม่หมองศรี
ประชาก้มหน้างุดงุด
เร่งรุดกรำงานเต็มที่
ดิ้นรนปากกัดตีนถีบ
เพราะค่าครองชีพบีบถี่
หาเงินบ่พอปากท้อง
กับราคาของภาษี
ทบหนี้ที่บ่ได้กู้
บานเบ่งอู้ฟู่วู้ปี้
รัฐบีบเอาจากคนจน
ในฐานะพลเมืองดี
เงินทองนี่มันเฟ้อเฝือ
ค่าเงินที่เหลืออีหลี
ลดลงเกิน 50 เท่า
ของเงินก้อนเก่าที่มี
5 บาทได้ควาย 1 ตัว
ตอนนี้ไส้อั่วเกรดบี
ก็ตกอัน 50 บาท
เรามาไกลขนาดนี้
เงินทองท้นเข้ามือถือ
รวยคือนายกรัฐมนตรี
ผู้ใดใครกุมอำนาจ
อีกหน่อยผูกขาดส้วมขี้
ประชาธิปไตยเต็มใบ
คือไปเลือกตั้ง .....ทั้งปี
เตร้ง เตรง เตร่ง เตร๊ง
เตรง เตร่ง เตร้ง เตรง เตร่ง
ฮัดช้า..................
23 กุมภาพันธ์ 2548 12:45 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
1. เกรี้ยวกราดสบถขม
ขากคำถมทลายขวัญ
ขอบแมนเคยเริงจันทร์
กลับขุ่นแขวนตะกอนไข
สุดย่านเคยเยือกเย็น
บ่ขื่นเข็ญโดยเป็นไท
ถ้อยถมจมขุกใหม่
ใครแบ่งสีปักเขตแขวน
แถมถ้อยเทียวเกรี้ยวกราด
ราวผูกขาดอมรแมน
เหยียดไทไปค่อนแคว้น
สบถถมขย่มขยำ
เหลิงศักดิ์กำแหงสาย
ขากถ้อยผายอเนกกรรม
หลงยศกับเหลิงส่ำ
พาคำคาย บ่ใคร่ครวญ
2. -
19 กุมภาพันธ์ 2548 08:07 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
1. เริงเรืองฤาจึ่งรั้น................เรอเหลิง
อันเอ่ยเอยสุมเพลิง............ถิ่นด้าว
ไฟลามต่อวงเวิง...............โหมใหญ่
ไทยใหม่ฤทัยร้าว..............หน่วงท้น ขุกถม
2. รันทมใครเอ่ยถ้อย............ถาบ ถาง
ขีดเถื่อนแถกเขตทาง.........ต่ำใต้
ลันเลงหล่มเลนพลาง.........โยนบาป
คำสาปราวแผกไท้..............ต่างเชื้อ พงศ์ฉวี
3. สาดสีแปรเปลี่ยนชั้น..........ชนเข็ญ
แดงดั่งกับกากเดน............อ่อนด้อย
เหลืองเหลือหล่มดินเลน.....ลดหลั่น
เขียวอ่อนออออดสร้อย........ยื่นน้ำ นมขาย
4. ไกลกลายไปห่างแล้ว..........ฤาขวัญ
จึงแบ่งขอบเขตกัน..............บ่เอื้อ
ไตรรงค์ร่ำรำพัน.................สีเปลี่ยน แล้วฤา
ธงแจ่มเคยอะเคื้อ..............แต่นี้ เป็นไฉน