12 กันยายน 2547 14:09 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
นี่... ภราดา และมหามิตร
คตินิยมของอเมริกันชน คือเสรีภาพอันไร้ขอบเขตอย่างนั้นๆ รึ
จึงแสดงออก โดยกระทำเยี่ยงนั้นเป็นอย่างน้อย
เสรีภาพของท่านคือเหยียบเข้าไปในหัวใจของหมู่ชนอื่นได้ทั่ว ด้วยรึ
มิน่าเล่า
เราจึงได้เห็นหมู่ชนอันจ้อย ในขอบเขตอันแทบไร้สิทธิ์เสรี
ยอมพลีเลือดในกายเซ่นบูชา
ศาสดาอันตนเคารพ
ด้วยอัตวินิบาตกรรม
อันเกิดอย่าง 11 กันยายน 2544 นั้นเป็นต้น
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด
ชนผู้มีเงินตราและเสรีภาพไร้ขอบเขตเป็นพระเจ้า
---------------------------------------------------------------
12 กันยายน 2547 10:26 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
ปัญหามันรุมสุมจนสะอึก
นั่งคิดนอนนึกรู้สึกกระอัก
มโนตีบตื้อใบ้บื้อมึนตึง
เหมือนสิ้นที่พึ่งเหมือนหนึ่งขาดรัก
ปวดกระบอกตาเกินยาแก้ปวด
เส้นเลือดร้าวรวดขมวดโปนหนัก
ว่าโอโอ้หนอจะท้อหรือทน
เมื่อวันนี้สุดสับสน
ควรไหมผ่อนกมลสักพัก
............................
หายใจช้าลง หายใจช้าๆ
หายใจยาวขึ้น ยาวขึ้นทั้งเข้าและออก
นิ่ง อย่างสงบ
อืม...?!
เราบ้าอยู่คนเดียวนี่นา ?!
คนอื่นเขาไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร ?!
แล้วจำเป็นอะไรที่เราจะต้องทุกข์ตรมอยู่ !!
......................................
จึงผ่อนจึงคลายเหน็ดหน่ายค่อยถอย
ปัญหาสี่ห้าร้อย
มันยังเล็กน้อยที่รัก
ครับ
ลงมือแก้มันทีละอัน
เอาอันที่แก้ได้และสำคัญนั่นแหละก่อน
อย่างผ่อนคลาย
ใช่..
ลงมือทำโดยไม่ต้องทุกข์หัวใจก็ได้นี่นา
11 กันยายน 2547 00:02 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
ฝากดูแลใจไว้ให้ดี
อย่าให้มีวันเป็นอันตราย
หัวใจ ดวงน้อยน้อย
ปล่อยใจ ก็ใจหาย
ฝากเธอดูแลใจ
รอบข้างมีใครอีกมากมาย
ในวันที่ใจเราร้าวรอน
แอบถอนหายใจไม่สบาย
หัวใจ ดวงน้อยน้อย
ปล่อยใจ แล้วใจหาย
ฝากเธอดูแลใจ
คนเฝ้าห่วงใยมีมากมาย
โลกมีคืนวันคลายร้าวราน
ไม่นานโศกคงค่อยจางคลาย
หัวใจ ดวงน้อยน้อย
อย่าปล่อยใจให้แพ้พ่าย
เพียงเธอดูแลใจ
ผ่านวันเดียวดาย ก็ยิ้มได้
8 กันยายน 2547 00:34 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
นากำลังจะหมุนไป กำลังจะหมุนไป ให้คนรวย
(ของลอกลีลา ทำนอง และ สำเนียงเพลงโฆษณาธนาคารฯหน่อยนะครับ หวังว่าคงไม่คิดเงิน)
อย่าแปลกใจ ในคำ -ถามอันแปลก
ขึ้นบทแรก แบบนี้ เคยมีไหม
บางคนน่ะ กินข้าว มาเท่าใด
ก็ยังไม่ รู้ข่าว ของชาวนา
เล่าให้ฟัง เพราะยัง คงมีแรง
ใช่กำแหง ด้นวัน สร้างปัญหา
คนทำกิน ดิ้นรน สืบคนมา
วันนี้ล้า แรงแล้ว แหละแก้วใจ
แต่ก่อนนี้ มีนา กับมีน้ำ
ก็มีกิน สุขล้ำ คุยคำใหญ่
แต่วันนี้ ที่ทำนา น่ะช้ำใน
ปากบ่ได้ ไอบ่ดัง เออช่างเป็น
นาแปลงใหญ่ กลายกลับ เป็นแปลงจ้อย
ที่ดินใหญ่ แบ่งย่อย ราวของเล่น
ตาแฮกไห้ อาลัยนา ขวัญกระเด็น
ความลำเค็ญ ขยายตัว อยู่ทั่วแดน
ก็ชาวนายุคใหม่ไม่ทำนา
ถนัดใช้เงินตราเป็นขาแขน
จ้างไถคราดปักดำจ้างทำแทน
เกี่ยวนวดขนขึ้นยุ้งแสนจะซำบาย
หากถามว่าราคาข้าวคุ้มอยู่หรือ
คำตอบคือกำไรสูญต้นทุนหาย
กระนั้นยังเร่งจนกระวนกระวาย
จมปลักพ่ายชีพนี้มีแต่ตรม
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น-วันมะรืน
จงเตรียมฟังคนสะอื้นอย่างขื่นขม
คนทำนารายย่อยค่อยค่อยล้ม
อาชีพอันนานนมก็เปลี่ยนมือ
หลังมะรืนอย่าตื่นและตระหนก
ถ้าตลกเรื่องเล่ามาก็อย่าถือ
คนทำนา-มหาเศรษฐี-มีฝีมือ
ปลูกข้าวถือบังเหียนคนบนแดนดิน
จะให้ถูกจะให้แพงมีแรงทำ
กำไรกอบกำไรกำทำได้สิ้น
ข้าวของโลกตกราคาก็อย่ากิน
เพดานบินเหนือชั้นดันดีมานด์
รัฐยังช่วยแบกภาระตลาดโลก
อุ้มคนนามิพาโศกมหาศาล
ทุ่มตลาดนอกเล่นเช่นอาจารย์
อเมริกาพาชาญยิ่งด้านนี้
ทำได้ทำได้เอาใจช่วย
เพราะคนรวยทำนาใหม่ใช่ไหมนี่
เมื่อโลกแล้งข้าวกลับมาราคาดี
คนจนจนจงกินอี้อีกแล้วกัน
ถึงกาลนั้นเราพากันร้องชัยโย
เศรษฐกิจของเราโตจนเกินหวั่น
คนขายข้าวรวยเท่ากับขายน้ำมัน
คนเคยทำนานั้นเหมือนจัณฑาล
เรื่องเล่านี้ยังคงเป็นเรื่องเล่า
แต่งโดยนายโง่เง่าสมองด้าน
-------------------------------------------------------
เมื่อเรารอแต่นัดรัฐบาล
มาจัดการปัญหาเกษตรกร-
แบบคิดแทน พูดแทน และทำแทน
ไม่เห็นแก่นของปัญหาสุมมาก่อน
นิทานนี้จะเป็นแท้และแน่นอน
ก.พ.สอนก็หาไม่ไทยนาเอย.
6 กันยายน 2547 01:36 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
เงียบนะคืนนี้
ได้ไหม ขอเล่นดนตรีเพียงค่อยค่อย
เหงาคว้างอย่างไรไม่หลงรอย
เพียงอยากปล่อยอารมณ์เริงหทัย
ดี ไมเนอร์แม้ออกเหงาเอาเกือบหงอ
ก็ยังพอมีเพลินเจือนะเชื่อไหม
ไล้นิ้วบนเส้นสายสบายใจ
ก่อนหลับไหลลงในยามข้ามเที่ยงคืน
ไม่ได้คิดตั้งใจให้รำคาญ
เถิดฝันหวานสุขซึ้งอย่าพึ่งตื่น
ทวนสำเนียงเส้นสายไมเนอร์ยืน
จบค่ำคืนนี้แล้วเราขอเข้านอน
.......
Key : Dm
คิดถึงฉันบ้างไหม
ใยไม่ส่งข่าวมา
รู้ไหมใครห่วงหา
ใจโรยล้าอยู่ลำพัง
ฮื้อ ฮือ.....
-------