21 พฤษภาคม 2547 23:40 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
ประชาชนจงเสียและสละ เพื่อชนชั้นนำและผู้มีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า เถิด
ประชาชนที่รักทั้งหลาย
ท่านเกิดมาเพื่อแผ่นดิน เท่านั้น !
ท่านไม่ได้ต้องการอะไรมากเลย สำหรับต่อหรือยืดลมหายใจ
อาหารราคาถูกเพียงเล็กน้อย
น้ำด้อยคุณภาพจำนวนหนึ่ง
การศึกษาที่จัดแบบขอไปที
การประกันคุณภาพชีวิตแบบโหลๆ ที่จัดโดยรัฐ
ฯลฯ
เพียงเท่านั้น
ก็ดูเหมือนมากเหลือเกินสำหรับประชาชนผู้เป็นเจ้าของแผ่นดิน
ท่านทั้งหลายอย่าเรียกร้องอะไรจากรัฐเลย
รัฐไม่ได้มีหูไว้ฟังเสียงร้องทุกข์ของประชาชน
รัฐไม่ได้มีตาไว้เฝ้ามองผู้ทุกข์ยาก
รัฐไม่ได้มีหัวใจและสมองไว้เพื่อออกแบบสังคมอุดมคติ
รัฐมีหู ตา หัวใจ และสมอง
เพื่อที่จะเสาะหาว่าประชาชนมีอะไรสำหรับรัฐบ้างหรือไม่เท่านั้น
เมื่อใดที่รัฐเห็นแล้วว่าประชาชนมีสิ่งที่รัฐต้องการ
รัฐก็จะออกอุบายขอเอา หลอกเอา แย่งเอา ข่มขืนเอา จากประชาชนโดยหน้าด้านๆ
พร้อมกับสำรากวลียอดนิยม
ว่าประชาชนจงเสียสละประโยชน์ส่วนน้อยของตนเถิด
เพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ของรัฐ
รัฐคือใครเล่า
หือ
รัฐคือใคร ?!
นาย ก.
20 พฤษภาคม 2547 23:39 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
ประชาชนทั้งหลาย
ท่านอย่าทำมาหารับประทาน โดยวิธีอื่นใดเลย
เอาทรัพย์ที่ท่านอุตส่าห์อดออมสะสมมาชั่วชีวิต
มาแทงหวยฟุตบอลเถิด
หวยอื่น ของคนอื่น ล้วนเป็นการพนัน และมอมเมา
แต่หวยนี้......ไม่ใช่
มาซีครับ
มาร่วมสานฝัน
ให้คนไทยได้ก้าวไป เล่น ฟุตบอลในระดับโลก ง่ายขึ้น
ฯลฯ
แต่ ผมขอวิงวอนหน่อยเดียวเท่านั้น
อย่าเพิ่งว่าอย่างนั้นซีครับ
ว่า
ผมหมดน้ำยา สิ้นสติปัญญาที่จะพัฒนาประเทศโดยการพัฒนาคน
ให้มีคุณภาพ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนและสังคม
อย่าเพิ่งว่าอย่างนั้นครับ
ว่า
ผมเสียสติ ตื้นเขิน มักง่าย เห็นแก่ตัว
ฯลฯ
วิธีการเช่นที่ผมทำ มีคนคิดและอยากทำมานาน
แต่ไม่มีใครทำได้
อาจเพราะอาย
อาจเพราะมีอำนาจไม่มากพอ
จึงไม่อาจทำเป็นล่ำเป็นสัน เช่นที่ผมกำลังทำ
ประชาชนครับ
ปัญหาสังคมที่จะเกิดตามมา
เอาไว้ให้เป็นหน้าที่ของนายกคนต่อไปดีไหมครับ
เพราะนายก.คนก่อน ๆ
ก็ไม่ได้รับผิดชอบสังคมมาไกลอะไรนักหนา
ก็มีแต่นายก.คนต่อมาแหละที่ตามแก้ปัญหาอันหมักหมมสืบต่อกันมา
ปัญหาที่ผมกองสุมไว้ หรือก่อกองขึ้นมาใหม่
เอาไว้ให้เป็นหน้าที่ของนายก.คนต่อไปดีไหมครับ
มาแก้
อย่าถามหายางอาย หรือยางความรับผิดชอบของผมต่อสังคมของผู้ยังไม่เกิดเลย
จากผม
นายก.ผู้สิ้นสติ
20 พฤษภาคม 2547 05:51 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
เจ้ามีสัญชาตญาณเป็นเบื้องต้น
ต้องการอยู่รอด
ต้องการสืบเนื่องลมหายใจ
ต้องการการดำรงอยู่ แม้จะรู้ว่าเป็นเพียงช่วงสั้น ๆช่วงหนึ่ง
ความรู้สึกเช่นนั้น
ฟูมฟักมาตั้งแต่อ่อนเยาว์
เติบโตขึ้นในจิตใจ
จนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต
ที่มากจนรู้สึกว่า ถ้าขาด ก็เหมือนชีวิตนั้นพร่อง ด้วยอะไรสักอย่าง
แสวงหา
โหยหา
วันแล้ววันเล่า
เพื่อเอามาเติมลงให้เต็ม แก่จิตใจ
สิ่งนั้นเรียกว่าความรัก หรืออะไรคล้ายอย่างนั้นใช่ไหม
ความจริง
เราอยู่รอดได้
เราสืบเนื่องลมหายใจได้
เราดำรงตนอยู่ได้ ยาวหรือสั้นก็ตาม
ด้วยตัวของเราเองได้
แม้ต้องพึ่งผู้อื่นอยู่มากก็ตาม
การพึ่งตนเองได้มาก
การเอื้อผู้อื่นได้มาก
อย่างนี้ใช่หรือไม่
ที่ทำให้การเรียกร้อง ไขว่คว้าหาความรัก
ทุเลาความรุ่มร้อนอันรุนแรง ให้ผ่อนคลายลงเป็นความสุข สงบเย็น
19 พฤษภาคม 2547 05:03 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
ไม่อยากมีความรัก
ไม่อยากจะผูกพัน
ไม่อยากร่วมความฝัน
เพราะนั่นทำให้เหงา
ไม่อยากมีเยื่อใย
ไม่อยากเป็นเรา
เพราะไกลแล้วใจเศร้า
เหงาท้อทรมาน
ไม่อยากมีความรัก
ไม่อยากจะแหววหวาน
เพราะไกลใจแตกซ่าน
ระทมอยู่ลึกเหลือ
แต่ใจก็ไหวหวั่น
หวังจันทร์ให้จุ่นเจือ
หวังดาวให้โอบเอื้อ
เหลืออาทิตย์ชูใจ
ชีวิตใยเป็นแบบนี้
ความรักก็มี แต่หาพอไม่
ได้มาแล้วยังอยากได้ต่อไป
ทุกข์ถมตรมใจไม่จาง
19 พฤษภาคม 2547 03:04 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
ไม่อยากมีความรัก
ไม่อยากจะผูกพัน
ไม่อยากร่วมความฝัน
เพราะนั่นทำให้เหงา
ไม่อยากมีเยื่อใย
ไม่อยากเป็นสองเรา
เพราะไกลแล้วใจเศร้า
เหงาท้อทรมาน
ไม่อยากเป็นคู่รัก
ไม่อยากจะแหววหวาน
เพราะไกลใจแตกซ่าน
ระทมอยูลึกเหลือ
แต่ใจก็ไหวหวั่น
หวังจันทร์ให้จุ่นเจือ
หวังดาวให้โอบเอื้อ
เหลืออาทิตย์ชูใจ