12 พฤษภาคม 2547 06:20 น.

เริ่มใหม่

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์


 หลอกใครอาจหลอกได้หรอกใจเอ๋ย
แต่หลอกตนนั้นหาเคยได้ที่ไหน
แม้รูปแบบแยบคายจนตายใจ
อำพรางเพียงผู้อื่นได้ก็เท่านั้น

แท้ที่จริงหัวใจเธอรวดร้าว
เจ็บและจุกเสียดราวแหลกสะบั้น
มันเต้นตูมตูมตื่นบวกตื้นตัน
ราวโดนใครบีบคั้นมันคามือ

ต่อเมื่อใจเธอปรับรับความจริง
ต่อเมื่อใจเธอนิ่งและสัตย์ซื่อ
ต่อเมื่อวางซักอึดไม่ยึดยื้อ
จึงอาจถอนใจฮือสบายใจ

พลาดพลั้งก็ตั้งต้นบนเหตุดี
ผลตามมาจึงมีทางดีใหม่
บางสิ่งพลาดจากคาดเห็นมันเป็นไป
ก็ช่างมันปะไรให้มันเป็น

เพียงมั่นคงในเหตุดีที่สร้างทำ
เพียงเชื่อมั่นในผลฉ่ำที่จักเห็น
ปลายมือจักอุ่นใจไม่ลำเค็ญ
ต้นมือทุกข์ขุกเข็ญ

ไม่เป็นไร				
11 พฤษภาคม 2547 21:14 น.

แฮ็ฟ แอะ กู้ด ทริ้ป

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์


ชีวิตคือการเดินทาง
ก็มีบ้างลืมทบทวนถึงเป้าหมาย
บางหนคนเขาซักออกมากมาย
คุณทำเพื่อจะได้อะไรกัน

ชีวิตคือการเดินทาง
เดินไปเพื่อให้ได้อย่างที่ฝัน
แต่ได้บ้างไม่ได้บ้างก็ช่างมัน
จะให้มัวแต่ท้อนั้นมันเกินไป

ชีวิตยังคงตรงไปตามทาง
แผนที่เราก็วางคร่าวคร่าวไว้
เดินต่อก้าวก่อกำลังใจ
ถึงจุดหมายเมื่อไรยิ่งรื่นรมย์				
11 พฤษภาคม 2547 17:15 น.

กระจับต่งส่งข่าว

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์


กระจับต่งส่งข่าว

ลงโต่งลงโต๊ะลงโต่ง
แม่คิ้วโก่งดีดพิณเสียงใส
พิณขนุนเสียงนุ่มหากแน่น
ฟังอยากแล่นไปเคียงกว่าใกล้

พิณใครหนอดีดล้อลอยลม
เรียมชื่นชมพิณจ่ายลายใหม่
ในราตรีที่จันทร์แจ่มนวล
คนเหงาครวญปนความหวามไหว

คิดถึงรักที่เคยเคียงกัน
บ่หมายวันจำพรากจากไกล
แต่ก็ต้องจำห่างจำเหิน
เรียมขัดเขินแม้เดินทางไหน

เป็นคนจรเร่ร่อนขายแรง
ถูกบ่แพงค่าแรงงานไพร่
สะสมเบี้ยแม้เพลียก็ทน
เกิดมาจนต้องเจียมจิตใจ

กระจับต่งส่งขาวเธอที
เรียมใยดีบ่มีเฉไฉ
อยากคืนเรือนฟังพิณเหมือนเก่า
หมายวันเราเอาใจแนบใน

ยินเสียงพิณถวิลเหว่ว้า
นึกเห็นหน้าน้ำตามันไหล
เรียมเอ๋ยเรียมจงเจียมจงเพียร
รอวันเวียนเนาสนานบ้านไพร

กระจับต่งส่งข่าวถ้วนถี่
แม้ยังบ่มั่งมี ก็ใยดีบ้างเป็นไร







-----------------------------
กระจับต่ง= พิณ , ซุง ,  โตดต่ง  ก็เรียก (ภาษาถิ่นอีสาน)

ต้งลุงตุง  เป็น เสียง พิณที่ออกทุ้มหน่อย 
โตะล่งต่ง   เสียงพิณที่ออกโปร่งมากขึ้น
โตดโต่ง   นี่ยิ่งโปร่งกังวาล

เสียงทุ้มหรือเสียงแหลมขึ้นอยู่กับลักษณะทึบ - บาง ของเนื้อและชนิดของไม้
และวัสดุที่ใช้ดีดสายพิณครับ				
11 พฤษภาคม 2547 14:04 น.

อีกแล้วเหรอ----หนาว

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์



 คราเหมันต์หันมาอุราร้อน
อนาทรอ่อนไหวหัวใจเอ๋ย
นครนี้เปลี่ยนไปไม่เหมือนเคย
ทุกสิ่งดูงอกเงยแต่ไม่งาม

ไม่ห่วงตัวแต่กลัวลูกจะรับเคราะห์ 
ยิ่งคิดไปเหมือนใจเสาะเพราะยิ่งขาม
สังคมเปลี่ยนเหมือนบาปกรรมมันทำตาม- 
อำเภอใจของมันยามมันย่ามใจ

ข้ออ้างมันแสนง่ายได้ทุกกฎ
มันแหกค่ายได้หมดเกินสมัย
คือทำแล้วไม่หนักก้านกบาลใคร
ฟังแล้วเหนื่อยธาตุขัยได้เพียงนั้น

พิเคราะห์ดูจริงหรือเล่นเห็นแก่ตัว
จนแก่นใจมืดมัวและม่วงหมัน
คนรายรอบชอบคำเธอจำนรรจ์
ความชอบธรรมจึงพลิกผันเพียงผายมือ

จึงเห็นมากหลากรายในหลายแหล่ง
ความรุนแรงเหลือร้ายในหลายสื่อ
ความเอื้อเฟื้อผุกร่อนถูกต้อนตือ
ความมักได้ลุกฮือขึ้นกร้าวกราว

หิริโอตตัปปะผละหนี
ภูติผีและเทพเผินก็เหิรหาว
ดาริกากล่นเกลื่อนก็เปื้อนคาว
สังคมลอกแบบราวไม่รู้ร้าย

คราเหมันต์หันมาอุราร้อน
อนาทรอ่อนไหวหัวใจหาย
นครนี้เปลี่ยนไวใจจะวาย
ครูกับศิษย์หญิงชายเป็นข่าวคาว .				
11 พฤษภาคม 2547 13:16 น.

ชาวนาสำรวล

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์


ชาวนาสำรวล

(ข้าขอกรวดน้ำอุทิศแรงงานและผลผลิตของข้าแด่ปวงท่านทั้ง 3 โลก)

------------------------------------------------------------
ตระหงานเมฆ ทบกลุ่ม คลุมม่านฟ้า
ราวกับว่า ช่างวาด วาดไว้ขู่
ลมหมุน ปั่นขอบหาว เห็นพราวพรู
ไม้น้อย ระเนนลู่ ก่อนไล้เกลียว

ฝนซัด ลงซ่าซ่าน ขึงม่านฝน
แห่งหน วาวตระการ บังม่านเขียว
พรรโษบล หล่นหลั่ง โครมคลั่งเทียว
โดยรอบเหลียว วาวพราว ราวต่างแดน

หลั่งมา เถิดผองข้า จะปลูกข้าว
ให้หอมไกล ไปถึงดาว เอาฬารแสน
ขาดน้ำ น้ำตาหยาด ยามขาดแคลน
น้ำหลาก บ่ยากแค้น ดอกแดนคน

ปลูกข้าว ชุบหัวใจ ในสุ่มโลก
เลี้ยงกาย คนทุกข์โศก ในโตรกหม่น
ยมหล้า มานุษย์ แมน แดนสากล
ล้วนคงตน จากข้าว อันเนานา

กอปรทาน ดาลผนวช คอยกรวดน้ำ
คือฝนฉ่ำ โรยฉันท์ เริงพรรษา
ไตรโลก คลายโศกเขลา เบาปัญญา
มีธารฟ้า พรมดิน จึงยินดี

มีฝนจึงเอื้อฝันอันเรืองโรจน์
ชูเชาวน์โชติชุบชีวินทุกถิ่นที่
ธัญญาก่องรวงเข้มคนเปรมปรีดิ์

สามโลกมีข้าวกินอย่าหมิ่นชน !!				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์