31 พฤษภาคม 2547 23:01 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
ปานตะเว็น :
พ่อครับผมคิดถึงสาว
มันปวดราวเป็นเหน็บเจ็บปนหงอย
มันว้าวุ่นเหว่ว้าจนตาลอย
มันรอคอยเวลาอยากมาเจอ
ไม่เห็นหน้าเห็นเสื้อผ้าก็อุ่นอก
เห็นหน้ากันยิ่งงันงกตกพุ่มเพ้อ
นอนหลับตาทว่าใจไพล่ละเมอ
ฝันว่าเจออยากเชื่อมใจเชื่อมไมตรี
พ่อครับผมควรทำอย่างไร
ไม่อยากทิ้งหัวใจราวพ่ายหนี
อยากให้ความคิดถึงน้อยหนึ่งนี้
เกิดผลดีอันพึงใจในเวลา
เต่าพงษ์ :
ถึงพ่ออำลูกก็รู้อยู่แก่ใจ
เมื่อเราคิดถึงใครใจใฝ่หา
อยากพบเจอยลแววใจในแววตา
อยากพูดจาเอื้ออารีดีงาม
ดีแล้วที่หนูตรองมองความคิด
จะถูกผิดพ่อก็ไม่อยากให้ขาม
อาจปวดแปลบใจบ้างบางโมงยาม
ยังเปลี่ยนตามแต่ปัจจัยในห้วงกาล
ชั่วเวลาที่เราว่างมานั่งเหม่อ
ก็คงคิดถึงเธอหวามหวามหวาน
แต่เมื่อเราเอาใจไปกรำงาน
ความฟุ้งซ่านเลื่อนลอยก็พลอยเลือน
ช่วงเวลาที่หนูอยู่คนเดียว
อาจเปล่าเปลี่ยวดวงใจราวไร้เพื่อน
ลองใช้ธรรมกำหนดใจไม่แชเชือน
ทุกข์อาจเลือนเป็นสนุกแล้วสุขเย็น
เมื่อสงบก็จะพบความสบาย
ความผูกมัดอันวุ่นวายอาจได้เห็น
แต่ก็ดีหากแก้วใจหยิบใช้เป็น
อาจเปลี่ยนเข็ญเป็นขันสร้างสรรค์ไท
30 พฤษภาคม 2547 08:18 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
ตื่นแล้วหรือคนจรนอนหมอนหมิ่น
ในรุ่งนี้จะออกบินไปหนไหน
บ่ผูกพันเรือนรังกลัวขังใจ
หรือยังไม่ถึงเรือนในเดือนปี
เก็บผ้าผวยมุ้งหมอนก่อนแดดฉาย
ออกเดินทางก่อนงายคล้ายดุ่มหนี
จากเยื่อใยไอรักความภักดี
สู่ถิ่นที่เอกเปลี่ยวไม่เหลียวคืน
ค่ำไหนนอนนั่นวันแล้ววันเล่า
บ่เคยเอารังใดไว้ซ้ำตื่น
พบแล้วพรากราวอยากย้ำความบ่ยืน
ของกายซึ่งบ่ขืนสังสารวัฏ
นอนโคนไม้ไปโดดโดดข้ามโขดขอน
นกขมิ้นเหลืองอ่อนยังจรจัด
พักพิงป่าแล้วละป่าราวว่าวัตร
นี้เจนจบแจ่มชัดเป็นวัตรตน
รุ่งอรุณอีกแล้วนี่คนจร
ไม่อยู่ก่อนก็เชิญลาอย่าห่วงหน
เมื่อพบแหล่งแจ้งธรรมอย่าอำชน
โปรดบอกหนควรจรก่อนลาจริง
29 พฤษภาคม 2547 20:46 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
อ่านแล้วอิ่มเอมในหทัยเหลือ
บ่รู้เบื่อยิ่งมากยิ่งอยากอ่าน
กระหายรับปัญญามานับนาน
ได้เสพสาส์นทิพย์ซึ้งจึงยินดี
เกิดเป็นคนยังกายอยู่ในโลก
ขอดับโศกด้วยวิชชากับหน้าที่
ขอเลี้ยงชีพด้วยปัญญาบรรดามี
ขอยินดีในธรรมสำราญใจ
อย่าอับจนจนไม่ได้เขียนอ่าน
หรือดักดานคร้านตรองครองนิสัย
แม้นได้เกิดใต้ฟ้าสุราลัย
ขอเป็นไทซึ้งธรรมชำนาญเชาวน์
ให้ได้เสพถ้อยทิพยลักษณ์
อันกวีจำหลักสลักเสลา
ให้ได้จรดจารธรรมในลำเนา
ให้ได้เข้าถึงทิพย์ ถึงนิพพาน
อย่าให้หลงติดในอบายภูมิ-
เป็นบัวตูมจมมายามหาศาล
ให้โผล่พ้นน้ำเร่งขึ้นเบ่งบาน
อธิษฐานจิตตรงลงกับกลอน
หากเรียงถ้อยถักกานท์ผสานศิลป์
ให้สมจินต์มีมิตรหมายสโมสร
ร่วมทางไทสัมฤทธิ์ธรรมดังคำพร
บ่ร้าวรอนโศกแสนขาดแคลนธรรม
29 พฤษภาคม 2547 06:21 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
ไก่บ้านขันกระชั้น
ปลุกเราให้ตื่นกันแต่เช้า
ฟ้าแจ้งแจ่มหัวใจไม่เบา
วันใหมนี้เรายังอุ่นใจ
เปิดบ้านออกไปรับลมเย็น
มองเห็นหลายสิ่งแสนสดใส
รับความสวยงามสู่ห้วงวัย
เพื่อแปรเป็นแรงใจดำเนินวัน
เก็บเอาฟืนที่กองอยู่
มาก่อไฟย้อนดูภาพเก่านั้น
ก็ได้เห็นม่านควันโรยพลัน
นั่นแหละวันเวลาเดิมของเรา
เดินทางห่างอดีตมาไกล
ของทุ่นแรงเร่งให้เร็วแต่เฉา
รีบร้อนรนไล่ตามเงา
เหนื่อยหน่ายหนักเข้าก็ปล่อยคว้าง
ควันไฟจากเตาฟืนฟื้นฝัน
เธอกับฉันยังเคียงใจไม่ห่าง
รักเอยยังชื่นเย็นทุกเส้นทาง
ย้อนเวลาดูบ้าง แจ้งแจ่มทรวง
28 พฤษภาคม 2547 02:29 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
เขียนความฝันลงบนกระดาษ
วาดภาพบ้านน่าอยู่
บ้านมีความรักชุบชู
ผู้อยู่ดูแลแคร์กัน
มีความสงบเย็น
เป็นเหมือนบ้านฝัน
ไม่ด่าทอเหยียดเย้ยหยามหยันกัน
ไม่มองกันและกันด้วยหางตา
ชื่นชมเป็นปลื้มยกย่องกัน
เชื่อมั่นในรักอันมีค่า
ร่วมมือสร้างสรรค์ในวันเวลา
เป็นดุจคนคนเดียว
มีลูกที่ฉลาดกล้าน่านิยม
อยู่ในสังคมที่ไม่บ๊องบ้าน่าหวาดเสียว
คนเอื้อเฟื้อกันสนิทสนมกลมเกลียว
รวมใจเป็นดวงเดียวสร้างความสุขใจ
บ้านหลังน้อยที่วาดนั้น
จะมีห้องและชั้นหนังสือทั้งเก่าใหม่
นั่งอ่าน
นอนอ่าน
เอนหลังอ่านได้
เพื่อความอิ่มเอมใจทุกวัน