28 เมษายน 2547 21:02 น.

ขอความรักให้พ่อบ้าง

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์


ลูกรัก

พ่อรักเจ้าตั้งแต่เจ้ายังไม่เกิด

พ่อพูดกับใครต่อใครว่าลูกคือหัวใจของพ่อ

เมื่อเจ้าเกิดมา ความรู้สึกที่พ่อมีต่อเจ้ายิ่งเพิ่มพูนขึ้นทุกเวลานาที

ยิ้มให้พ่อบ้างลูกเอ๋ย

ชีวิตของพ่อไม่ได้ต้องการสิ่งอื่น ๆ เลย


นอกจากความรักจากเจ้าบ้างเท่านั้น				
28 เมษายน 2547 10:48 น.

ขอตลกบ้างเหอะน่า-เต่าพงษ์

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์



ปานตะเว็น :  พ่อเป็นนักเขียนใช่ไหม
เต่าพงษ์ :  รู้ได้อย่างไรอ้ายหนู
ปานตะเว็น : รู้ซี   ทำไมจะไม่รู
                     พ่อตื่นเช้าตรู่   ทุกวัน

เต่าพงษ์ :   ตื่นเช้าก็ไม่เห็นเป็นอันใด
ปานตะเว็น : อย่าแกล้งทำเฉไฉ  พ่อฉัน
เต่าพงษ์ :  แล้วลูกว่าไง   ลมตะวัน
ลมตะวัน  :  ปานตะเว็นว่านั้น   ท่าจะจริง

                   พ่ออยู่หน้าจอมอนิเต่อร์
                   พูดคนเดียวออเออ  ออกชายหญิง
                    ยังกับหนังเรื่องลอร์ด ออฟ เดอะริง
                    คงเป็นนักเขียนจริงจารละคร
                    
เต่าพงษ์ :   พ่อเพียงแต่ขีดและเขียนถ้อย
                   เป็นกานท์กลอนอ่อนด้อยกว่าเก่าก่อน
                   นักเขียนนักเขินเพลินคำพร
                    ให้เป็นเถอะจะได้นอนหลับตาตาย

ปานตะเว็น :  โอ้โน  โนโน   ใช่โมเม
                      เป็นนักเขียนน่ะเก๋และเท่ห์หลาย
                      ผมเป็นลูกของพ่อก็ซำบาย
                       ขอตังค์ค่านิยายได้หลายตังค์

เต่าพงษ์ :  คนเขียนคือพ่อคือก่อพงษ์
                  พ่อก็งงตรงจ่ายให้ใครเบื้องหลัง
                   มายืนอ่าน มีรายได้สบายจัง
                   ใครได้ฟังก็ตัวงอหัวร่อแรง				
28 เมษายน 2547 00:45 น.

เธอว่า......ลาก่อน

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์



ดอกว่านแย้มบานทั่วย่านป่า
จักจั่นจับคาทั่วคบไม้
หมอกคงพร่างพราวห่มราวไพร
กลางมีนาฝนชะใจหนาวไม่พอ

เขียวยอดอ่อนผักหวานป่าบ้านเรา
ลองเด็ดเข้ายิ่งแตกกิ่งยิ่งผลิช่อ
แต่เพื่อนจากเด็ดจริงใจไม่รีรอ
น้ำตาคลอเสียดายค่าความอาทร

แน่ล่ะคนต้องกล้าและต้องก้าว
ไม่มีใครไม่ปวดร้าวกันมาก่อน
พบเพื่อรู้ว่าวันหน้าต้องลาจร
แม้ใจรอนร้าวลงคงตัดใจ

อาจจดจำรอยยิ้มยามเริงร่า
อาจรำลึกรอยน้ำตาที่เคยไหล
เท่าที่อยู่เท่าที่เห็นมันเป็นไป
รู้ว่าต้องทำใจและปล่อยวาง

ควรคาดหวังมากมายเท่าใดมิตร
ชีวิตคนทั้งชีวิตมีหลายอย่าง
ที่แม้เลือกก็อาจได้เพียงสายกลาง
บางทีแพ้กลับเป็นทางฉลาดชาญ

ยินเธอว่า ลาก่อนชั่วนิรันดร์
ยังนึกหวั่นถึงวันอื่นเธอคืนบ้าน
วันพรุ่งนี้อาจไม่ดีกว่าวันวาน
แต่มะรืนอาจเกินการจะคาดไป

ไปเถิด อย่างนกลัดขอบฟ้า
หากหนาวเหน็บเหนื่อยล้ากลับมาได้
อดีตเราถึงร้าวรุมกว่าสุมไฟ
รุ่งวันสรรค์สิ่งใหม่ไม่ซ้ำรอย

&				
27 เมษายน 2547 22:30 น.

เธอร่ำไห้ ในคืนหนาว

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์



ใบไม้ใบน้อยลอยน้ำ

ปลิวมาจากลำต้นไหน

ลมพรูขู่กิ่งทิ้งใบ

หรือไรจึงลอยเลื่อนมา

คลื่นลมพรมไล่ไม่หยุด

แรงดุจจะผลักหินผา

เธอจึงลิ่วไปไกลตา

เกินกว่าจะตามถามทัน

ฉันนึกแต่ยังนิ่งอยู่

อยากรู้เธอถึงฝั่งฝัน

หรือลมจมใจแจ่มจันทร์

กับคืนและวันอ้างว้าง

ฉันนิ่งแล้วยิ่งทำใจ

ฟังข่าวเธอในทุกทาง

ใบไม้ใบกรอบบอบบาง

เคว้งคว้างท่ามกลางคลื่นคน

อวยชัยให้เธอถึงฝั่ง

พ้นคลื่นอันคลั่งตั้งต้น

อีกครั้งดังคนเหนือคน

มองจนเธอไป แสนไกล

..............................				
27 เมษายน 2547 04:48 น.

(((((((((ตอยแล่นแตร)))))))))

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์


แตรแล่นตอยลอยลมมายินเรื่อย
ดูเฉื่อยเนือยกลับกระชับรับน้ำไหล
เย็นไอน้ำยามเย็นยิ่งเย็นใจ
แตรแล่นตอยลอยไปในราตรี

	น้ำที่หลั่งถั่งถอกกระฉอกฝั่ง
เป็นเสียงคล้ายความหลังครั้งเธอหนี
ไปจากเรือนความรักความภักดี
เหมือนไม่มีใยใจอาลัยกัน

	ยิ่งคลอกับลายไหลร่ำไรหา
แตรแล่นตอยคอยท่าวอนอย่าขัน
ลมเอยหอบหัวใจไปไหนกัน
วานหอบวันเวลามาเนาเรือน

	โยกเถิดโยกโตรกผาถ้าโยกได้
คลอนเรือนใต้สั่นเรือนต่ำทำเชือดเฉือน
ผู้ใดเหงาเอาให้ตายใต้เงาเดือน
แตรแล่นตอยคอยเหมือนไม่หวนมา

	เสียงซอไผ่ไล่รับขยับซ้อน
แอดออดกอต่อตอนร้าวรอนกว่า
ไผ่สีกอล้อลมพรมพร่างพา
เหน็บอุราเหนี่ยวทรวงถึงห้วงเยาว์

	แตรแล่นตอยลอยลมแล้วพรมซับ
เสียงทางพร้าวคว้างขวับสับคืนเหงา
เป็นริ้วรอยในราวทางเห็นบางเบา
เช่นเดียวกับรอยเขลาในเงาวัย

	บีบคั้นเถิดตอยแล่นแตรอย่าแค่เย้ย
ที่เคยเอ่ยรักพี่เคยมีไหม
ถ้าไม่รักกันแล้วก็แล้วไป
อย่าควงใครมาเย้ยคอยตอยแล่นแตร				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์