29 พฤศจิกายน 2547 16:03 น.

:::คำสนทนาของมิตร:::

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์



1.   สวัสดีครับคุณครู  จำผมได้ไหม  
      ผมสมดี  บุญโอบ  ผมเคยเรียนชั้น ป. 5  กับครู
2.   สมดีเหรอ  เธอนั่งใกล้ลังกระดาษ หลังห้องใช่ไหม
3.   ใช่แล้วครับ  ครูจำแม่นมาก
4.   บางอย่างครูก็ลืมไปแล้ว  มีบางอย่างที่ยังจำ
5.   ครูแข็งแรงนะครับ
6.   เธอดูแข็งแกร่งขึ้นนะ  คล้ำกว่าเก่า  มีลูกเมียหรือยัง
7.   ยังครับ  ผมกะจะไม่เอาเมีย
8.   ทำไมล่ะ
9.    ผมจน
10.  อ้าวคนจนตั้งมากมายก็มีลูกเมียนี่
11.  ครับ  ผมก็เห็น  หลายคนก็มีความสุขดี   แต่ผมหวาดกลัวการครองรักครับ
       แล้วครูมีลูกกี่คนล่ะครับ
12.  ครูยังไม่มีเมียเหมือนกัน
13.  ทำไมเล่าครับ
14.  ความรักเป็นพันธะที่เจ็บปวดเกินไป
15.  อืม ..
16.  อืม........				
28 พฤศจิกายน 2547 21:53 น.

::อุ่น::

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์



1.  ห่มผวยด้วยคนดอกคำหมาน
     คืนหนาวคงร้าวรานเกินการฝัน
     กองฟืนจะอุ่นได้เท่าใดกัน
     ยามลมต้องต้องหนาวสั่นสะเทือนทรวง

2.  ไม่แย่งผวยจะช่วยห่มกันลมโกรก
     อ้อมกอดจะคลายโศกไปถึงสรวง
     ก็เคยแต่เดียวดายใต้ลุ่มลวง
     อุ่นเอยเผยใจห่วงบ้างดวงมาลย์

3. -				
28 พฤศจิกายน 2547 21:52 น.

::หนาวไหม แม่ดอกคำหมาน::

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์


1.  หนาวไหมจ๊ะ   หนาวไหม
     ห่มผวยบางอยู่ใยให้ยังหนาว
     กองไฟอุ่นคุ้นใจใต้เดือนดาว
     มาเถิดผิงไอผ่าวคลายหนาวใจ

2.  ฟืนเป็นกองเรียงกันอยู่ก่ายกอง
     เก็บแต่คราวฝนล่องกองเรียงไว้
     เลื่อยท่อนซุงตั้งเป็นวงรอบกองไฟ
     มามากินข้าวใหม่หอมปลามัน

3.  เผาปลาช่อน ตะเพียนโต ชะโดรอ
     ใยนอนต่อต่อเวลาหรือล่าฝัน
     ฝันจะซ้ำว่าเหน็บหนาวในราววัน
     มาเถิดผิงไฟกันวันหนาวเย็น

4.  จะเป่าปี่ซังข้าวแกล้มบทกลอน
     จะเอื้อนกล่อมด้วยพรซ้อนบทเด่น
     จะผูกขวัญเอื้ออุราคราเดือนเพ็ญ
     จะอยู่เป็นเพื่อนใจไปตราบนาน


5.   อืม..เธอนิ่ง  ก็ยังนอนยังไม่มา
      ผิงไฟท่า ยิ่งตัวข้าง่วงงุ่นง่าน
      ให้รอต่อ   ขืนรอไปไม่ได้การ
      จำจักบอกดอกคำหมานขอหวานทรวง

6.   -

-------------------------------------------

      ขอเก็บเข้าหมวดหมู่ไว้กับกลอนของก่อพงษ์
      อีกทีนะครับ   เพราะโพสต์คราวก่อน หลุดไปแล้ว				
28 พฤศจิกายน 2547 11:29 น.

:::หอมกลิ่นข้าว:::

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์




1.สามวันก่อนลมพัดแรงไปทิศตะวันลับ
วานนี้อากาศหนาวก่อนค่ำ
เที่ยงคืนอากาศเยือกเย็น
เช้ามืดนั้นเย็นจัดจนบางคนต้องละผ้าผวยผืนบางมาก่อไฟผิง

2.ปีนี้ฝนไปไว   และไม่ลา
ไม่ได้เห็นพายุฟ้าคะนอง หักปลายหน่อไม้ที่ขึ้นปลายสูง
เมื่อน้ำน้อย   ข้าวของคนในนาดอนแทบไม่ได้เก็บเกี่ยว  
เสียงจากวิทยุทรานซีสเตอร์ว่า ราคาข้าวปีนี้แพง 
และรัฐประกาศรับจำนำข้าวที่โรงสีเพื่อประกันว่าราคาข้าวจะไม่ตกต่ำ

3.เราจะขายข้าวไหม   คนทำนาวัยกลางคนถามภรรยา
หมื่นละกี่ตังค์  ภรรยาของเขาตอบ( 1 หมื่น = 12 ก.ก.)
หลายตังค์  ลูกว่าแทน

4.ข้าวจี่โรยเกลือและทาไข่  สุกเหลืองและหอมแล้ว
พ่อ แม่ ลูก กินข้าวนั้นกับปลาช่อนเผาเกลือและน้ำพริกปลาร้า
สามีภรรยาตกลงกันได้ว่าจะไม่เอาข้าวไปขาย
เพราะราคาข้าวถูกเหมือนแจกในห้วงสำนึกของคนก้มหน้าสู้ดิน

5.เก็บไว้กินดีกว่า  นั่นเป็นข้อสรุป
เอาข้าวนั้น เลี้ยงไก่  
ก็ได้กินไก่กินไข่   โดยไม่ต้องกลัวหวัดนก  หวัดคน   หวัดหมู
เอาข้าวนั้น เลี้ยงหมู 
ก็ได้กินหมู  กินมัน  แบ่งขายแบ่งปันญาติมิตร
เอาข้าวนั้น เลี้ยงปลา
ก็ได้กินปลา  ขายปลา  น้ำในบ่อปลาก็เป็นน้ำรดผักอย่างดี
เอาข้าวนั้น เลี้ยงวัว
ก็ได้เงินคำกำแก้ว   ขี้วัวก็เอาใส่นา  ต้นข้าวสูง รวงใหญ่ เมล็ดข้าวดกและหนัก

ตกลงคนปลูกข้าวก็ไม่ขายข้าว

6.ข้าวหมื่นละพัน   คุณได้ยินชัดและไม่ผิด ( ก.ก.ละ 833 บาท)  คนทำนาวัยกลางคนคำนวณจากไก่ ปลา หมู วัว และผัก ที่ให้ผลและสืบเนื่องจากข้าวอันไม่ขาย

7.แต่ คนทำนากี่คนเล่าที่ไม่ตกอยู่ในแรงบีบของความเร่งรีบ และแรงเค้นของดอกเบี้ยของเงินอนาคต
ที่เอามาใช้ในอดีต
คนทำนากี่คนกันที่ไม่ตกอยู่ในแรงบีบคั้นของโลกที่พร้อมถมทะเลด้วยข้าวปลาอาหารของคนจน

เพื่อดันราคา

				
27 พฤศจิกายน 2547 01:37 น.

:::เดือนเต็มดวง:::

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์


1.   คืนนี้เดือนเต็มดวง  กล่อมฟ้าว่าง ให้แจ่ม เย็นตา
      ทุ่งนาที่เก็บเกี่ยวแล้วเหลือตอซังสดยืนรับแสงจันทร์
      ข้าวกี่รวง  กี่เมล็ดแล้ว ที่เกิดกับนาผืนนี้
      นานมา  และอีกนานต่อไป
      ไม่มีวันหมด  ไม่มีวันสิ้นสุด
       ตราบที่หัวใจของคนกินข้าว ไม่ชิงชังกำพืดของตน

2.   ข้าวในยุ้ง เลี้ยงปากท้องของคนไม่เกียจคร้าน
      เป็นอาหารของ  ไก่  เป็ด  และปลา
      ฟางอีก  ทั้งในลอม และเพิงที่เก็บฟาง  เป็นอาหารวัว แม่ลูกอ่อน 
      และวัวหนุ่มขุนเนื้อ
      เศษฟางมุมสระต่อวงชีวิตของพืชน้ำให้เป็นอาหารอุดมของฝูงปลา

3.    ข้าวเปลือกที่สีเป็นข้าวสาร หุงนึ่ง  บดหมัก
       เป็นธัญรสหลายหลาก  เป็นเงินเป็นทอง ขายค้า สะสม เก็บออม กับจับจ่าย
       เป็นของใช้อื่นที่จำเป็น

4.    แสงของเดือนเพ็ญสว่างจ้า แจ่มหัวใจ
       ผมไม่เคยท้อต่อวิถีชีวิตที่เกิดมากับนา
       คนอื่นมีกิน   ผมก็มีกิน
       คนอื่นมีความสุข  ผมก็มีความสุข

5.    วันพรุ่งนี้เมล็ดพืชผักอีกหลายอย่างคงได้ต้องดินอุ่นชื้น
       เพื่องอกขึ้นมาหล่อเลี้ยงหัวใจอันสมหวัง  และมีสุขตามประสา


6.    เดินทางต่อไปเถิดดวงเดือน
       ขอบคุณเจ้าที่ส่องใจให้ข้า				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์