16 กรกฎาคม 2549 06:54 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
1. สวัสดีครับแม่ เราจะไปเรียนกันแล้ว
2. สวัสดีจ้า ไหนจะไม่หอมแก้มแม่หรือ
3. อืม..ลืมไป พวกเรารักแม่นะครับ
2. แล้วคนนั้นจะไม่หอมแก้มหรือ
1. พ่อหรือครับ
4. พ่อหอมแล้วไง เมื่อคืน
---------------------
4. หนูโกรธพ่อหรือเปล่า เมื่อคืนพ่อกอดแม่
1. ไม่โกรธหรอกครับ
4. ดีครับ อย่าโกรธพ่อนะ
ครอบครัวที่พ่อกับแม่เขาไม่รักกัน
ครอบครัวนั้นเหมือนตกนรกเลยล่ะ
3. ผมก็เคยได้ยินครับพ่อ
พ่อของเพื่อนเขาไปมีเมียใหม่
แม่ของเพื่อนต้องพาลูกไปอยู่กับยาย
ผมเห็นแววตาหงอยๆของเพื่อน
มันเศร้าๆนะครับ
4. อืม..
พ่อเอง ตอนเป็นเด็ก ก็เคยเห็นปู่ย่าทะเลาะกัน
คำถามสำหรับการเลือกข้าง มันเจ็บปวดน่าดู
พ่อจำไม่เคยลืม
ความขมขื่นของคนเป็นลูกก็คือการเห็นความหมางเมินกันของพ่อกับแม่
นั่นแหละที่พ่อว่า บ้านเหมือนนรก
3. ผมเข้าใจครับ
พ่อก็กอดผม และผมรู้ว่าพ่อรัก
1. ใช่ครับ เรารู้ว่าพ่อรัก
-----------------------------------
4. พ่อเป็นไงในสายตาลูก
1. ที่บ้านพ่อเหมือนเป็นนักเขียน
3. ที่ทำงานพ่อเหมือนเป็นครูใหญ่
4. หรือครับ แล้วชอบที่พ่อเป็นไหม
1,3. ชอบครับ
15 กรกฎาคม 2549 11:36 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
1. ท่านจะไปหนไหน
2. ข้าไม่มีที่อันหมาย
1. ทำไมต้องไป
2. อาจเป็นเพราะข้าไม่ประสงค์จะอยู่
1. เช่นนั้นแสดงว่า การอยู่ลำบากชวนเหน็ดหน่าย
2. อาจไม่ใช่ แต่ข้ารู้ว่าทุกข์
1. ไมตรีนี่ให้ทุกข์หรือ
2. อาจไม่ใช่ แต่ข้าเห็นการแบกสิ่งนั้นไว้บนบ่าแล้วทุรน
1. ท่านน่ะหรือทุรน
2. อาจใช่ ทำไมหรือใช่ไหม
1. ใช่
2. ถ้าไมตรีคือการคาดหวัง ข้ารู้สึกว่ามันเป็นของหนักแก่หัวใจเกินไป
1. ถ้างั้น อาจมีทางเดียวที่ท่านหมาย ที่ไหน ใช่ไหม
2. ที่ไหนหรือ
1. นิ พ พ า น
2. ที่นั่นต้องแบกอะไรอีกไหม
1. นั่นสิ..
13 กรกฎาคม 2549 00:43 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
๏ ใยทรวงเรียมเกี่ยวด้วย.........จันทร์ฉาย
เดือนห่างเรียมทุราย..........รุ่มร้อน
โหยหาห่อนเหยหาย........แกมห่วง
ใจหน่วงครวญสะท้อน...เอ่ยโอ้อายแสน ๚
๏ สายแนนคอยเนื่องเน้น.......ฉันไหน
จึงก่อผลทางใจ................จ่อมเศร้า
คืนวันวุ่นทรวงไหว......เพ็ญห่อน เห็นนอ
รออย่างพวยไฟเร้า......ขื่นไหม้กมลหงอย ๚
๏ เดือนลอยลับล่วงแล้ว........เรียมหลง
นึกหนึ่งจันทร์ยังคง.........กล่อมข้า
ไหนหรือที่ประสงค์.....ใยบ่ เห็นเฮย
เวยหวั่นวนวุ่นว้า.......บ่เว้นวันหวัง ๚
๏ ชิงชังฤาจึ่งเร้น.................นานเหลือ
บผ่องแสงเย็นเจือ............ส่งให้
คืนฝนที่พร่างเฝือ...........เรียมเหน็บ ทรวงแฮ
แลหน่วงหนาวหวิดไข้..เอ่ยเอื้อนอายฝน ๚
9 กรกฎาคม 2549 05:52 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
มิตรแห่งข้า
ท่านหายไปไหนเล่า นานนัก
ก่อนนี้ ข้าเข้ามาที่นี่จะพบคำจันทร์และยิ้มของท่านเสมอ
ใช่แล้ว
ท่านและคำของท่านปลอบหัวใจเหงาของข้าได้ชงัด
ข้าอยากบอกว่า
ข้าไม่อยากให้ท่านหายไปนาน ๆ
แน่นอนที่สุด
หัวใจของข้ามิปรารถนาความหงอยเหงา
29 มิถุนายน 2549 05:53 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
๏ ลอยเลยบเรี่ยรื้น.................ลงหรือ
รินร่วงบเป็นฤา................เพื่อนข้อย
พรมไพรพร่างพฤกษ์คือ..บาทแห่ง ฝนแฮ
เหยห่างชนเอ่ยถ้อย.....ว่าแล้งทุรนถม
๏ ฤา ลมพาเพื่อนเร้น.............ลับหาย
เหตุแห่ง บ โปรยปราย.....แก่หล้า
ฤา ใครเร่งเลือนสลาย...เป็นอื่น
ชนขื่นโดยแดดกล้า.....หน่วงไหม้มวลสมอง
๏ ครรลองคือเล่นแล้ง.......เหลวไหล
ยืดช่วงพรรษาไกล......กว่ากี้
วสันต์แต่โดยนัย......แท้บ่ม ควันเฮย
รอหล่นฝนยิ่งลี้.....เช่นนี้ควรไฉน
*** O ***
๏ เชิญไหลรินเรี่ยล้น...........รวมขัง
แสนห่าพรูมายัง..............แผ่นด้าว
อวยฝนเพื่อปลูกฝัง.......อันอยู่ กินเฮย
ฝนห่างชนย่อมร้าว....รุ่มร้อนทุรนหลวง
๏ เย็นทรวงคลายขื่นข้น.......เขียวขาว
ออดโอ่งอ้อนฝนอาว.......เอ่ยเอื้อน
ว่าฝนอย่าเพียงหนาว.....วานปริ่ม นาฮา
เฮาห่อนเกรงเปียกเปื้อน..ชุ่มเนื้อซอนหนัง
๏ ฝนยังดังยิ่งย้ำ.....................ยวงฝัน
บ เหนื่อยต่อการอัน.......หมั่นสร้าง
โดยใจชื่นชมกัน.........บ หน่าย นานอ
รอรุ่ง บ เลิกร้าง........เพื่อเอื้อมเอมฝน
ฯ