5 ตุลาคม 2547 21:21 น.

:::เริ่มหนาว1:::

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์


1.	หมอกปลอบใบข้าวว่าหนาวนะ
อย่าถอดใจเสียล่ะเริ่มจะหนาว
น้ำค้างเย็นค้างอยู่แลดูพราว
บนใยแมงมุมวาวราวสร้อยเงิน

 2.	ตะวันคอยกล่อมข้าวราวกล่อมเพื่อน
ส่วนฝนเลือนหวังอวยก็ขวยเขิน
ปลาคืนวังหวังวันอันเพลิดเพลิน
ปลอบคนเงิ่นงกไว้ให้เดินทาง

 3.	เริ่มหนาววันนี้ก็เริ่มหนาว
เด็กน้อยหนุ่มสาวอย่าคอยหมาง
ดูแลกันด้วยใจอยู่ในบาง
เพื่อต่อทางถึงสังคมสุขสมบูรณ์

4.	หมอกปลอบใบข้าวว่าหนาวนะ
อย่าลืมล่ะเอาผวยแดงอาบแสงสูรย์
แดดกำซาบอาบผวยอวยอุ่นคูณ
ซักตากเสื้อเพื่อวันนู้นได้อุ่นพอ				
2 ตุลาคม 2547 17:15 น.

:::::ไต่หลังให้พ่อหน่อย:::::

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์



1.               ปวดหลังปวดไหล่ไปถ้วนหลัง

จะยืน-นั่ง-นอนแผ่  แก้บ่หาย

สายเอ็นตึงดึงรั้งไปทั้งกาย

ปวดกระดูกปานจะวายลงเรื่อยแล้ว
 

2.               กรำงานหนักหักโหมระดมแรง

เพื่อให้ผักฟักแฟงที่แต่งแถว

เติบเต็มต้นโตใหญ่ไปถ้วนแนว

เติมความหวังที่ยังแพรวให้พราวไป


3.               หมายให้หนูคนดีได้มีกิน

เลี้ยงชีวินเพียงพอต่อนิสัย

คือติดดินบ่หมิ่นตนจนจนใจ

กับบ่รอทานของใครโยนให้กิน


4.               ปลูกหมากโต่นหมากบวบกับหมากพร้าว

ลงหมากอึ๊หมากน้ำเต้าหมากกระถิน

เพาะหมากเขือกับหมากงั่วหมากถั่วดิน

หมากนั้นรดด้วยเหงื่อรินจึงกินเอม


5.               ไม่เคยเห็นสิ่งใดได้มาเปล่า

ต้องลงแรงแลกเอาเข้มเท่าเข้ม

ไม่มีสิ่งใดฟรีให้ปรีด์เปรม

ต้องจ่ายคืนเต็มเต็มตรงสุดทาง


6.               ไต่หลัง  ให้พ่อ  ต่อลงขา

ขอบใจเจ้าขวัญตา-โปรดอย่าหมาง

อย่ารำคาญบางครั้งพ่อยังคราง

ก็เอ็นทั่วสรรพางค์ยังขบกัน


7.               เก่งแท้    ยอดแท้  หนูเยี่ยมแท้

ไต่หลังพ่อ  ต่อหลังแม่  แก้เจ็บนั่น

เมื่อมีกินและเห็นลูกสุขชีวัน

ก็เมื่อนั้นพ่อจึงหายเหนื่อยหน่ายเอย .

 				
2 ตุลาคม 2547 10:36 น.

::::ด้วยรัก:::::

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์



ก็ด้วยรักก็ด้วยรักจึงบอกรัก
บ่คิดกลัวการอกหักรักสลาย
ก็ความรักคือไมตรีมีมากมาย
บ่เสียดายแม้บ่ชอบบ่ตอบคืน

ไม่ได้รักมักจี่ที่หน้าตา
ไม่ได้ชมตรงเสื้อผ้าราคาหมื่น
ไม่ได้ชอบที่ทรงผมอันกลมกลืน
ไม่ได้ชื่นชอบบทรสนิยม

เพียงแต่รักที่คุณเป็นตัวคุณ
เห็นแววตาอบอุ่นคุ้นใจผม
รักที่คุณมอบให้ฝากสายลม
ไปมอบต่อแด่ผู้จมห้วงทุกข์ใจ				
29 กันยายน 2547 21:54 น.

เมืองแมนนี้ป่วย -จบ

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์


1.	มองเชิญมองทางออกนอกหน้าต่าง
ทั่วทุกบางบ้านเมืองเฟ้อเรื่องฉาว
แม้ฟุ้งคิดเศรษฐกิจว่าติดดาว
แม้เหมือนก้าวเคียงบ่านานาแดน

2.	ให้เฟื่องฝันในภาพลวงหลายช่วงหลอก
ปามะกอกกี่ตะกร้าก็ล้าแขน
เพราะเป้าพริ้วลิ่วแล่นราวแร้นแกน
บัดนี้แมนเมืองอมรรุ่มร้อนร้าย

3.	รัฐประกาศจะเติมเงินเพื่อเดินงาน
รัฐการกินเงินเดือนเหมือนสมหมาย
ที่สุดว่ารอนิดหนึ่งอย่าพึ่งตาย
เลือกตั้งรอบหน้าได้ทุกรายการ

4.	แต่ของกินกับของอื่นขึ้นราคา
ขยับขึ้นถ้วนหน้ามหาศาล
คนรายได้ติดดินกินแกลบบาน
รัฐการกินเงินเดือนก็เหมือนเดียว

5.	ผู้ลูกจ้างผู้ขายแรงผู้จัดจร
คงมีคนเอื้ออาทรก่อนแห้งเหี่ยว
ยามวิกฤติให้ผสมให้กลมเกลียว
พ้นวิกฤติก็ดีดเสี่ยวกระเด็นไกล

6.	หนี้หนีหนี้หลากหนี้รวมรวบหนี้
ประชาชนทุกที่ใช้หนี้ให้
โดยยอมอดกินหวานยอมรานใจ
ยอมกินขมข่มหทัยให้ยอมรับ

7.	ก่อนวิกฤติใครคิดชูประชาชน
เกิดวิกฤติใครฉวยฉลเอากลจับ
หลังวิกฤติใครได้หน้าคณานับ
เพราะวิกฤติใครรวยทรัพย์โดยรับเละ

8.	 รับเละ  แล้วรับซากรับกากเดน
ของไม้หลักปักเอนในเลนเขละ
ตั้งเป็นพวกสะดวกใช้ได้เป๊ะเป๊ะ
ซ้ายตะเบ๊ะขวากุมเป้าเข้ากลุ่มกัน

9.	ไม่สนใจใครขายสิทธิ์ใครซื้อเสียง
ขอแต่เพียงเสนอหน้ามาหนุนฉัน
งดความเห็นเป็นใบ้ไปตามกัน
เหมือนทำหมันประชาธิปไตยใส่ตู้โชว์

10.	งัดเอาเงินก้นถุงใช้ฟุ้งเฟ้อ
แจกจนเกร่อเหมือนไร้ค่าได้หน้าโก้
รีดภาษีบี้ตับไตไทยจนโซ
หนี้ก้อนโตทับหัวเหลนปู่เย็นทรวง

11. เงินกำลังจะหมุนไปกำลังจะหมุนไป
เพื่อนายเงินรวยใหญ่ได้เอื้อมสรวง
หลอกว่าคืนสังคมสมคบลวง
แท้ตักตวงแต่ต้นทางสร้างต้นทุน

12. ต้นทุน ปลายติดดอกจึงออกผล
เกิดพลเมืองจนจนจนจนคุ้น-
กรรมาชีพบีบก็ตายในมือคุณ
สังคมทาสอันอบอุ่นคุณสร้างเอง

13.	บ่ต้องจริงใจพัฒนาคน
ปฏิรูปคือเล่นกลคนซ่อนเข่ง
การศึกษาจะล้าหลังหรือวังเวง
ก็ร้องเพลงรอไปไม่สำคัญ

14.	เปลี่ยนตัวรมต.ราวล้อเล่น
นายกอเป็นกี่เพลาก็ลาผัน
หนีการอภิปรายไปท่านั้น
คนผลักดันก็เลยเดี้ยงจนเกลี้ยงแล้ว

15.	หรือนี่สื่อว่าชาติแร้นอุดมคติ
จะสร้างคนก็เพียงริแล้วโรยแผ่ว
ให้โง่เขลาเบาปัญญาตาไร้แวว
โตขึ้นมาพอแล้วแล้วอย่างนั้นฤา

16.	ไม่ลงทุนสร้างคนคือทุบทุน
แปลงสินทรัพย์กันให้วุ่นเป็นทุนอื้อ
ทุนปัญญาหวังอะไรจากปลายมือ
เมื่อต้นทางทึบตื้อบื้อเบื้อคว้าง

17.	เคว้งไหลในค่านิยมโก้
หวังอยากได้ใหญ่โตกว้างกว่ากว้าง
แต่ลงแรงแล้วล้มลงตรงครึ่งทาง
อิทธิบาทจืดจางเจือกมล

18.	ดูต้นแบบก็โรยล้าลงโดยรอบ
ฤาระบอบบวมบ้ามาแต่ต้น
สั่งลงมาเป็นเรื่องเรื่องจากเบื้องบน
ล่างก็ขนผักชีไปพลีกรรม

19.	ปั่นตัวเลขเสกแต่งจำแลงหลอก
บนก็บอก ดี  ดี  มีค่า   ขำ
คนจริงใจใครจริงจังนั่งระกำ
เพราะผักชีได้ดีล้ำนำหน้าลิบ

20.	ผลผลิตของสังคมจึงล้มป่วย
เป็นซากโซโง่ด้วยสิบคูณสิบ-
ในหนึ่งร้อยเห็นแล้วพาตาเต้นยิบ
สัญญาณภัยถี่กระพริบอยู่วิบวับ

21.	ช่างเป็นไรหรือเราเห็นช่างเป็นไร
ปล่อยให้มันเป็นไปเหมือนไหลหลับ
แล้วรอวันร้องไห้หัวใจยับ
ประชาชนพ่ายพับรับโซ่ทุกข์


22.	ทุกข์โซโง่จนวนเป็นวง
ขายแรงส่งเสียตนพ้นคอกขุก
แต่ไม่พ้นวงกรรมซ้ำโดนรุก-
ให้กลับไปอยู่ยุคอนารยะ

23.	เพียงบางคนบางคอกได้ดอกผล
จากภาษีคนจนเห็นจะจะ
ทุนที่แปลงแรงที่รีดกรีดเลือดชะ
ตบท้ายด้วยคำพระฯอันพาณิชย์

24.	คือบุญซื้อก็ได้ขายก็ดี
ใครอยากรวยมั่งมีอภิสิทธิ์
ต้องทุ่มเททำทานเสียถ้วนทิศ
ขายชีวิตมาทำทานปานเพิ่มทุน

25.	เพื่อกินบุญกอบบาทในชาติหน้า
โมฆะบุรุษพาโลกอบอุ่น
ใต้แลนด์เอยใต้แลนด์แดนของคุณ
เราสยบยอบคุ้นยอมบุญกรรม

26.	ไม่ต้องอ่านต้องเขียนเพียรต่อภูมิ
ขุนกายอูมอวบใต้ชายขนำ
ก็อาจสร้างรายได้หลายกอบกำ
หิริโอตตัปปะต่ำจึงสำรวล

27.	โดยบ่อายสายตาประชาชาติ
ว่าแสดงอุจาดสืบกระสวน
ธุรกิจใต้ดินผินกระบวน
ขึ้นบนดินโดยด่วนด้วยโลภแรง

28.	จึงภาษีความชั่วเร่งความชั่ว
เกลือกแล้วกลั้วบ่คิดผละขยะแขยง
เร่งสังคมให้คุ้มคลั่งลืมครางแคลง
ค่าโง่แพงแสนแพงแสลงร้าย


29.	นครไทยจึงตกสู่เหวหุบ
เป็นใต้แลนด์โผล่ผลุบเห็นแล้วหาย
ประชาชีที่เนาบางก็ปางตาย
บรรษัทขายโครงการปานองค์อินทร์

30.	ผูกขาดอำนาจเพื่ออำนวย
ให้เอื้ออวยเครือนิยมสมถวิล
ส่งเสริมการลงทุนคนคุ้นชิน
ช่าง !  แผ่นดินสูญรายได้   ช่าง !  ง่ายนัก

31.	ใครรู้ทันทักถามหมายความจริง
ก็โดนเย้ยเป็นสิ่งหักปรัก
แล้วอวดทรัพย์ศฤงคารดาลพวกพรรค
ให้ออกมาเดือดฮักอย่างพรรคพร้อม

32.	เจ็บแทนนายจึงขี้ข้าว่าแทนนาย
สนตะพายตนเองจนเกร็งผอม
อุดมคติ-บิ คว่ำจึงจำยอม
เห็นแล้วตรอมห้วงใจไหมหมู่ชน

33.	ด้วยเงินเขาจึงอยู่ในอาณัติเขา
เหมือนไก่เหงาหงิกหงอต่อเหตุผล
สิ้นลายเสือเหลืออายต่อยังพอทน
นี่อำฉลซ่อนกลสวดคำอวดดี

34.	เป็นพาหะไข้หวัดคนเก่งฉลฉ้อ
พันธุ์สอพลอขยายใหญ่ไปทุกที่
ปกปิดภัยภัยจึงกล้าไหม้ธานี
จนมุมมีก็แค่คำขออำภัย

35.	รักษาผลประโยชน์เพียงโคตรตน
ประชาชนจบชีวันไม่หวั่นไหว
แถมชิงโชคเสี่ยงชีวีมีกำไร
กินเป็ดไก่ตายห้าให้ค่าตัว


36.	หัวละแสนสองแสนแคลนผู้คน
หมิ่นกมลด้วยขมองของเจ้าสัว
ถ้าคุณจนคุณก็คล้ายกับควายงัว
ถ้ามั่งคั่ง-ดังดอกบัวแม้ชั่วร้าย

37.	คนยากจนคงลืมตาอ้าปากค้าง
เมื่อโครงการทุกอย่างค่อยจางหาย
แถกเปอร์เซ็นต์ประเคนทั่วถึงตัวนาย
เศษงบย้ายโยกชูจนดูพราว

38.	ดักลอบดักไซไปเป็นตอน
เล่นละครลวงแผ่นดินกินเหิรหาว
แรงตรวจสอบก็อ่อนแรงสิ้นแสงดาว
แม้หอกง้าวค่าวขอเงินก็ง้าง

40.	ตาชั่งตราชูยังลู่เอียง
เหลือภาพเพียงตราภัยเอาไว้กร่าง
ข่มคนจนให้หวาดกลัวทั่วทุกบาง
เพื่อเปิดทางคนบางโคตรได้โภชน์ทบ

41.	จึงใต้แลนด์ใต้แลนด์ดินแดนนี้
คอยเรียกร้องสามัคคีไม่มีจบ
ใครที่จนจงพรักพร้อมมาค้อมนบ
เป็นทาสครบถ้วนไปไหนไม่เป็น

42.	ใครที่คอยซักถามโดนตามสอย
ด้วยบทถ่อยเถื่อนไม่เคยได้เห็น
อำนาจมืดคุกคามยิ่งลำเค็ญ
ปัญญาชนโดนเขม่นทั่วเมืองแมน

43.	กล่าวดูถูกภูมิรู้ไม่สู้เงิน
ที่มากเกินคนอื่นเป็นหมื่นแสน
ท้วงก็หยิ่งติงไม่ฟังยังหมิ่นแคลน
ราวว่าแดนนี้ตนเป็นคนครอง

44.	อย่าเหยียบเราลงแค่คอยเลือกตั้ง
จูงจมูกดันดั้งยั้งสมอง
ประชาชนคือใครชวนไตร่ตรอง
เลือดใครนองจึงได้มา-ประชาธิปไตย				
28 กันยายน 2547 19:39 น.

ใต้แลนด์ 7 แมนป่วย 3

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์


แมนป่วย  

1.	มองเชิญมองทางออกนอกหน้าต่าง
ทั่วทุกบางบ้านเมืองเฟ้อเรื่องฉาว
แม้ฟุ้งคิดเศรษฐกิจว่าติดดาว
แม้เหมือนก้าวเคียงบ่านานาแดน

2.	ให้เฟื่องฝันในภาพลวงหลายช่วงหลอก
ปามะกอกกี่ตะกร้าก็ล้าแขน
เพราะเป้าพริ้วลิ่วแล่นราวแร้นแกน
บัดนี้แมนเมืองอมรรุ่มร้อนร้าย

3.	รัฐประกาศจะเติมเงินเพื่อเดินงาน
รัฐการกินเงินเดือนเหมือนสมหมาย
ที่สุดว่ารอนิดหนึ่งอย่าพึ่งตาย
เลือกตั้งรอบหน้าได้ทุกรายการ

4.	แต่ของกินกับของอื่นขึ้นราคา
ขยับขึ้นถ้วนหน้ามหาศาล
คนรายได้ติดดินกินแกลบบาน
รัฐการกินเงินเดือนก็เหมือนเดียว

5.	ผู้ลูกจ้างผู้ขายแรงผู้จัดจร
คงมีคนเอื้ออาทรก่อนแห้งเหี่ยว
ยามวิกฤติให้ผสมให้กลมเกลียว
พ้นวิกฤติก็ดีดเสี่ยวกระเด็นไกล

6.	หนี้หนีหนี้หลากหนี้รวมรวบหนี้
ประชาชนทุกที่ใช้หนี้ให้
โดยยอมอดกินหวานยอมรานใจ
ยอมกินขมข่มหทัยให้ยอมรับ

7.	ก่อนวิกฤติใครคิดชูประชาชน
เกิดวิกฤติใครฉวยฉลเอากลจับ
หลังวิกฤติใครได้หน้าคณานับ
เพราะวิกฤติใครรวยทรัพย์โดยรับเละ

8.	 รับเละ  แล้วรับซากรับกากเดน
ของไม้หลักปักเอนในเลนเขละ
ตั้งเป็นพวกสะดวกใช้ได้เป๊ะเป๊ะ
ซ้ายตะเบ๊ะขวากุมเป้าเข้ากลุ่มกัน

9.	ไม่สนใจใครขายสิทธิ์ใครซื้อเสียง
ขอแต่เพียงเสนอหน้ามาหนุนฉัน
งดความเห็นเป็นใบ้ไปตามกัน
เหมือนทำหมันประชาธิปไตยใส่ตู้โชว์

10.	งัดเอาเงินก้นถุงใช้ฟุ้งเฟ้อ
แจกจนเกร่อเหมือนไร้ค่าได้หน้าโก้
รีดภาษีบี้ตับไตไทยจนโซ
หนี้ก้อนโตทับหัวเหลนปู่เย็นทรวง

11. เงินกำลังจะหมุนไปกำลังจะหมุนไป
เพื่อนายเงินรวยใหญ่ได้เอื้อมสรวง
หลอกว่าคืนสังคมสมคบลวง
แท้ตักตวงแต่ต้นทางสร้างต้นทุน

12. ต้นทุน ปลายติดดอกจึงออกผล
เกิดพลเมืองจนจนจนจนคุ้น-
กรรมาชีพบีบก็ตายในมือคุณ
สังคมทาสอันอบอุ่นคุณสร้างเอง

13.	บ่ต้องจริงใจพัฒนาคน
ปฏิรูปคือเล่นกลคนซ่อนเข่ง
การศึกษาจะล้าหลังหรือวังเวง
ก็ร้องเพลงรอไปไม่สำคัญ

14.	เปลี่ยนตัวรมต.ราวล้อเล่น
นายกอเป็นกี่เพลาก็ลาผัน
หนีการอภิปรายไปท่านั้น
คนผลักดันก็เลยเดี้ยงจนเกลี้ยงแล้ว

15.	หรือนี่สื่อว่าชาติแร้นอุดมคติ
จะสร้างคนก็เพียงริแล้วโรยแผ่ว
ให้โง่เขลาเบาปัญญาตาไร้แวว
โตขึ้นมาพอแล้วแล้วอย่างนั้นฤา

16.	ไม่ลงทุนสร้างคนคือทุบทุน
แปลงสินทรัพย์กันให้วุ่นเป็นทุนอื้อ
ทุนปัญญาหวังอะไรจากปลายมือ
เมื่อต้นทางทึบตื้อบื้อเบื้อคว้าง

17.	เคว้งไหลในค่านิยมโก้
หวังอยากได้ใหญ่โตกว้างกว่ากว้าง
แต่ลงแรงแล้วล้มลงตรงครึ่งทาง
อิทธิบาทจืดจางเจือกมล

18.	ดูต้นแบบก็โรยล้าลงโดยรอบ
ฤาระบอบบวมบ้ามาแต่ต้น
สั่งลงมาเป็นเรื่องเรื่องจากเบื้องบน
ล่างก็ขนผักชีไปพลีกรรม

19.	ปั่นตัวเลขเสกแต่งจำแลงหลอก
บนก็บอก ดี  ดี  มีค่า   ขำ
คนจริงใจใครจริงจังนั่งระกำ
เพราะผักชีได้ดีล้ำนำหน้าลิบ

20.	ผลผลิตของสังคมจึงล้มป่วย
เป็นซากโซโง่ด้วยสิบคูณสิบ-
ในหนึ่งร้อยเห็นแล้วพาตาเต้นยิบ
สัญญาณภัยถี่กระพริบอยู่วิบวับ

21.	ช่างเป็นไรหรือเราเห็นช่างเป็นไร
ปล่อยให้มันเป็นไปเหมือนไหลหลับ
แล้วรอวันร้องไห้หัวใจยับ
ประชาชนพ่ายพับรับโซ่ทุกข์


22.	ทุกข์โซโง่จนวนเป็นวง
ขายแรงส่งเสียตนพ้นคอกขุก
แต่ไม่พ้นวงกรรมซ้ำโดนรุก-
ให้กลับไปอยู่ยุคอนารยะ

23.	เพียงบางคนบางคอกได้ดอกผล
จากภาษีคนจนเห็นจะจะ
ทุนที่แปลงแรงที่รีดกรีดเลือดชะ
ตบท้ายด้วยคำพระฯอันพาณิชย์

24.	คือบุญซื้อก็ได้ขายก็ดี
ใครอยากรวยมั่งมีอภิสิทธิ์
ต้องทุ่มเททำทานเสียถ้วนทิศ
ขายชีวิตมาทำทานปานเพิ่มทุน

25.	เพื่อกินบุญกอบบาทในชาติหน้า
โมฆะบุรุษพาโลกอบอุ่น
ใต้แลนด์เอยใต้แลนด์แดนของคุณ
เราสยบยอบคุ้นยอมบุญกรรม				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์