8 ธันวาคม 2547 22:02 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
2. อินทร์เริงคนเริงสราญจนบานปลาย
เมื่อเกิดกายยอพระกลิ่นก็สิ้นท่า
เมื่ออินทรอ่อนหิริโอตตัปปา
ท้ายที่สุดก็จากลารังคนจน
3. คนผู้แม่สิ้นมิตรช่วยคิดอ่าน
แถมตกงานโซไข้ใจสับสน
จึงฉวยผ้ามาห่อหน่อเนื้อตน
แล้วหย่อนปนเศษขยะรวมกะดิน
4. นางสำลีมีลูกชายชื่อนายขาว
ผิวงามราวผวยไหมใจตงฉิน
เสียงเด็กร้องจากถังไม้เขาได้ยิน
ก่อนเด็กสิ้นลมระรวยเขาช่วยไว้
5. ว่าโอ๋โอ้โธ่ถังนังแม่หมา
ยังรักลูกปลูกชีวาแม่ว่าไหม
นี่แม่คนเวรกรรมทำได้ไง
แร้นเยื่อใยใจมืดดำจึงทำลง
6. เอาเหอะน่าพามันไปส่งหมอ
มีอันตายถ้าใครรอบ่รีบส่ง
ถึงสถานภิบาลนั้นอาจมั่นคง
อย่ามัวงงเลยไอ้นายอย่าหลายคำ
7. พ้นอันตายเพราะสำลีตามที่คาด
โลกมีคนใจสะอาดแม้กายขำ
อินทร์บ่รับเป็นพ่ออวดช่อธรรม
ก็ช่างอินทร์ใจต่ำซ้ำช่างคน
8. นางสำลีกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงลูกเขา
บ่เร้นไหนให้เงาลูกเศร้าหม่น
ขาวผ่อนแรงเลี้ยงน้องล่าสาละวน
ยอพระกลิ่นจึงอวบมนขึ้นตามวัย
ฯ
( พรุ่งนี้ติดตามต่อนะครับ)
7 ธันวาคม 2547 20:46 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
ก.พ. : ไม่ได้เลานิทานนานแล้ว
อยากฟังไหมลูกแก้วกมลเอ๋ย
ลตว. : อยากฟังครับเอาเรื่องใหม่ไม่คุ้นเคย
เชิญพ่อเล่าได้เลยลูกอยากฟัง
ปตว. : เอาแบบข่าวเขาว่าน่าอนาถ
คนประหลาดคลอดใหม่เกิดในถัง
ก.พ. : เอาอย่างงั้นหรือไงโหดร้ายจัง
ลตว & ปตว. : ข่าวมันดังแต่งสิพ่อต่อสุดพวง
เอาเลยพ่อ
ก.พ. : ได้....งั้นฟัง
เปิดฉาก
ยอพระกลิ่นเกิดแต่บ้องไม้ไผ่
มีกายหอมกล่อมหัวใจไปถึงสรวง
เป็นหน่อเนื้ออินทรสำเริงบวง
กับมนุษย์ปริ่มห้วงมหรรณพา
( ขอบคุณแรงดีดของคุณครับ ผมจะเขียนต่อซัก 100 บท )
6 ธันวาคม 2547 13:33 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
กราบรำลึกพระพุทธคุณ
กราบรำลึกพระธรรมคุณ
กราบรำลึกพระสังฆคุณ
กราบรำลึกพระคุณพ่อแม่
กราบรำลึกพระคุณครูอาจารย์
นั่งในท่าสบาย
กำหนด ติดตามลมหายใจเข้าออก
เข้า ระลึกเป็นพุทธ
ออก ระลึกเป็นโธ
ไม่ได้สำคัญว่าจะเห็นหรือไม่เห็นนิมิตรอันใด
เพียงต้องการตามลมหายใจเท่านั้น
ความคิดจะแว้บไปทางไหน
ก็ให้กลับมาที่ลมหายใจเข้าและออก
ดำเนินไปเรื่อยๆ
ดำเนินไปเรื่อยๆ
แม้ความคิดแว้บไปทางไหนอีก
ก็กลับมาที่ลมหายใจเช่นเดิม
แรกๆความคิดก็สัดส่ายไปโน่นมานี่
หลายที่หลายทาง เหมือนฟุ้งไป
นานเข้าเมื่อดึงกลับมาได้
นานเข้าเมื่อรู้เร็วรู้ทันว่าความคิดไป
ก็สงบง่าย ไวขึ้น
และไม่ไป
เริ่มได้ยินเสียงลมหายใจชัด
ทั้งเขาและออก
ดังมาก
เสียงลมหายใจดังมาก
ลมหายใจเข้าดังเหลือประมาณ
ลมหายใจออกดังเหลือประมาณ
การระลึกก็ยังเป็นเข้าพุทธออกโธอยู่
เช่นนี้แหละหนอ พระอาจารย์บอกว่า
มันก็เป็นเช่นนั้น อาการที่จิตสงบ
เยือกเย็นเกินประมาณ
ปีติเกินประมาณ
เห็นค่าของชีวิตเกินประมาณ
รักผู้อื่นเกินประมาณ
แต่นี่ก็ตั้งอยู่เพียงชั่วเวลาหนึ่งเองแหละ
ก็เป็นไปตามกฏไตรลักษณ์
ไม่เที่ยง
เป็นทุกข์
ไม่ใช่ตัวตน
เกิดขึ้น
ตั้งอยู่
แล้วดับไป
อืม...
ซาบซึ้งจริงหนอ
ธรรมะ นี้
6 ธันวาคม 2547 05:37 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
1. หนาวหรือ
ก็จะเป็นไรไปเล่า
กายนี้ก็ทนอยู่ได้
และก็ทนมาแล้วนานเป็นนาน
2. จะหนาวกว่านี้อีกหรือ
ก็จะเป็นไรไปเล่า
กายนี้ก็หยัดอยู่สู้ทนมิถอยเสมอมา หรือมิใช่
3. ความหนาวไม่ใช่อุปสรรค
เป็นเพียงปรากฏการณ์ทางกาย
ที่จะก่อผลทางใจได้มากหรือน้อยก็ได้ อยู่ที่ใจของใครของใครจะรับอารมณ์
4. เพียรภาวนาต่อไปเถิด
วิมุติต่างหากคือจุดหมายปลายทาง
ไม่ใช่เพียงแค่พ้นหนาวแล้วอุ่น
4 ธันวาคม 2547 20:00 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
พ่อ: อ้ายหนูของพ่อ วันนี้ สอ.บอ.มอ. ไหม
ปตว. : สบายมากครับพ่อน่าพอใจ
ครูไม่ดุอันใดในทั้งวัน
พ่อ : งั้นครูคงอมยิ้มอิ่มไมตรี
เด็กได้ความใยดีมีความขัน
ปตว. : ใช่ครับครูกับครูดูแลกัน
กินอาหารกลางวันโดยพูดคุย
พ่อ : พ่อเคยเห็น ครู ป.1 ตะคอกเด็ก
เจ้าตัวเล็กที่โดนด่านั้นหน้ามุ่ย
ครูฟาดหนังสือลงต่อหน้าด่าอ้ายทุย
เด็กทั้งห้องร้องอุ๊ยกลัวจนลาน
ปตว. : อ๋อ ครูคนนั้น ผมรู้จัก
ท่านแต่งตัวสวยนักสะอาดสะอ้าน
แต่อารมณ์บูดบ้ามาช้านาน
ตอนป. 1 เพื่อนโดนท่านตบหลายที
พ่อ : เหรอ แล้วหนูเคยโดนครูตบหรือเปล่า
-ลูกอ้ำอึ้งเหมือนปวดร้าวเหลือที่
เปลี่ยนเรื่องคุยกับลูกคงจะดี
ก่อนขมขื่นกว่านี้ในห้วงครวญ-
วันนี้หนูให้อาหารปลาหรือยัง
ปตว.: ให้แล้วครับปลากินมั่งไม่กินมั่งไม่เร่งด่วน
ตอดมือด้วยปลาหลายตัวมันก๊วนกวน
รำอ่อนอ่อนกินแล้วอ้วนแน่แน่ปลา
พ่อ : นั่นแหละพวกปลาก็เหมือนคน
ถ้าอ่อนโยนก็เห็นผลแบบที่ว่า
คือวางใจไม่เร้นไหนไปไกลตา
มาตอดมือบ่กลัวว่าจะโดนแกง
ปตว. : ใช่ครับพ่อป.ปลามารักผม
เพราะเคยเอาขนมมาปันแบ่ง
ปลาคงชอบขอบใจแต่ไม่แรง
จึงตอดมือคือแสดงว่าวางใจ
พ่อ : (ยิ้ม)