6 กุมภาพันธ์ 2548 13:24 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
1. สวัสดีขรับ นาย ก.
อย่ามานั่งหงอพอกับสิ้น ขิด
สิ่งที่ตัดสินใจมันไม่ พิด
ก็เราไปใช้สิทธิ์เลือกด้วยกัน
2. สิทธิ์ของเราคือมีปากเหมือนมีดาก
กับเดินไปบนขวากแกมหวาดหวั่น
ประชาชนใช้ชีวิตไปวันวัน
สิทธิ์ที่มากกว่านั้นแทบไม่มี
3. คือนอกนั้นนาย ข. เขาคิดแทน
ผุดโครงการหมื่นแสน แม่นอิหลี
อันใด อันใด่ ถึงไม่ดี
ประชาชนต้องเงียบฉี่ ห้ามทักถ่วง
4. เฮ้อ....ผมคงเครียดต่ออีก 4 ปี ถ้ารัฐไม่ฟังประชาชน
แบบที่เคยเป่น
4 กุมภาพันธ์ 2548 20:30 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
1. ก่อนเลือกตั้งคุณฟังผม
ขอคะแนนสะสมเป็นนิสัย
หลังเลือกตั้งไม่กี่วันผ่านไป
คุณแทบไม่ฟังใคร ยกเว้นเมีย
2. -
26 มกราคม 2548 18:00 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
ผลตอบแทนต่อการเคี่ยวกรำงาน ของชีวิต คือความหอมหวาน
ที่เราเองกล่าวขานอย่างเป็นสุขถึง ได้อย่างบ่เบื่อ
ร่องและรอยของชีวิต เรานั้นเองแหละลิขิตด้วยตนทุกเมื่อ
ยิ่งต้องฝ่าข้ามขวากหนามเป็นเบือ พ้นแล้วเห็นงามเหลือแหละชีวิตเรา
ยิ่งทุกข์ยิ่งไม่ควรจะท้อให้ใครเขาทับถม
ยิ่งเจ็บยิ่งควรเก็บสะสม ความขมขื่น ความขลาดกับความเขลา
นั่นแลสิ่งมีค่า ในนามของสิ่งที่เรียกว่าประสบการณ์ อันบ่ควรดูเบา
ตรองดูไหม ความหอมหวานนั้นเกิดหลังความทุกข์เศร้า หลังตัวของเรารู้จักคุณค่าแห่งตน
25 มกราคม 2548 01:11 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
1. หัวใจของผมเคยเรียกร้องและถามหาคนสักคนเคียงข้าง
เพื่อจะเดินไปอย่างไม่เปล่าเปลี่ยว เดียวดายรวมทั้งคลายเหงา
เพื่อที่จะมีกันและกันในวันที่ร้าวล้าเหมือนว่าเป็นดังเงาของเงา
แล้ววันนี้ผมก็ได้พบความจริงอันแสนเศร้าว่าแท้จริงแล้วผมเดียวดาย
2. ทุกการต่อสู้แท้จริงคือความโดดเดี่ยว
ก็จริงล่ะที่คนรอบข้างที่เรียกสหาย-เพื่อน-เสี่ยวของเรามีมากหลาย
บนสังเวียนชีวิตระหว่างความเป็นกับความตาย
แท้ที่จริงทั้งการชนะและการพ่าย เรานั้นสู้กับตัวเอง
3. ก็เมื่อเป็นเช่นนั้นทุกการต่อสู้จึงโดดเดี่ยว
ตอนที่พ่ายแพ้อาจแห้งเหี่ยว ตอนชนะอาจมีแรงเรี่ยวละโลดเร่ง
ต่อให้เจนเวทียิ่งกว่ายิ่ง และใครก็ว่ายอดจริงจริงยิ่งกว่ายอดเก่ง
แท้แล้วทุกการต่อสู้เป็นเพียงบทเพลงของการที่เราต่อสู้กับตนเองทั้งนั้น
23 มกราคม 2548 15:29 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
--------------------------------------------------------------
ชวนเขียนกลอนประกอบภาพอีกครับผม
--------------------------------------------------------------