15 มิถุนายน 2548 00:32 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
1. บางคนล้มบนฟูกดมหยูกยา
เอาน้ำลายป้ายตาทำท่าหงอย
หลอกให้รัฐฟื้นฟูแล้วฟู่ลอย
กินสิบชาติก็บ่ร่อยบ่หรอลง
2. วิกฤติเศรษฐกิจชนชั้นกลาง
บ่ถึงครางเพราะมีทุนรัฐหนุนส่ง
เติมเงินเดือนเงินวันจนมั่นคง
ถึงสิบชาติอาจดำรงอันอาจกิน
3. บัดนี้เป็นวิกฤติของรากหญ้า
คนจนทั่วแหล่งหล้าโอดหนี้สิน
ก็จริงที่จนมาจนชาชิน
แต่บัดนี้จะหมดสิ้นลมหายใจ
4. ขายข้าว ขายนา ขายปลา ขายหอย
ยังบ่พอใช้สอยพออาศัย
เริ่มขายลูกขายร่างเดินทางไกล
ตายดาบหน้าที่เมืองใหญ่บ่เว้นวัน
5. ลูกบ่มีนมกินแม่สิ้นคิด
ก็จับกรอกยาพิษดูคิดสรรค์
ภาพคนจนทยอยตายขายข่าวมัน
วิกฤติหนนี้นั้นบีบคั้นนัก
6. ดินดอนแดนด่านจะผ่านมือ
จากคนจนที่เคยถือไว้เป็นหลัก
ถ่ายสู่ก๊วนการเมืองและพวกพรรค
ที่ย้ำนักว่าบูชาประชาชน
7. แจกทานเศษเงินควบเดินทาง
นโยบายหลายอย่างพรางฉ้อฉล
ถ่ายเทส่วนต่างให้ข้างตน
ประชาชนย่อยยับเจียนดับวาย
8. วิกฤติเศรษฐกิจของรากหญ้า
เชิญรอท่าเทพฟื้นฟูสู่จุดหมาย
ไหนฟูกนุ่มรองเตียงอันเรียงราย
เห็นแต่สายน้ำเกลือระโยงระยาง
9. -
----------------------------------------------------------------
4 มิถุนายน 2548 23:19 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
1. หนังสือเล่มเล็ก
กพ. : อ่านหนังสือของพ่อวันต่อวัน
คงเบื่อกันเป็นแถวแล้วใช่ไหม ( แถว 2 คน)
ลตว. : ยังไม่เบื่อเชื่อซิพ่อยังพอใจ
อ่านทีไร..ไอติมได้ลิ้มแกม
ปตว. : พ่อพาอ่านปานกับพากย์การ์ตูน
ทวีคูณเบาสมองเป็นของแถม
กพ. : กลอนบทเก่าเอามาแกล้งไอกระแอม
พาหนูแซมห้วงใจด้วยไฟดี
ลตว. : กลอนบทใหม่ เมื่อไร จะได้อ่าน
กพ. : ก็คงอีกไม่นานครับลูกพี่
กะจะส่งนายอินทร์ฯตอนสิ้นปี
กะจะมีคนรู้จักเป็นนักกลอน
ปตว. : ฮ่า ๆ ดูท่าพ่อจะหวัง
ให้ลูกไม้หล่นดังใกล้โคนขอน
กพ. : ลูกยางหล่นร่อนได้ไกลแน่นอน
พ่อมีพรสมวาดไม่ขาดแคลน
ลตว. : ที่โรงเรียนครูสอนทำหนังสือ
แบบทำมืออวดขายได้หลายแสน ( สตางค์นะครับ)
ปตว. : แลกกันอ่านปานกับคลับของแฟน
ไร้เขตแดนความคิดติดปีกบิน
กพ. : วิเศษแฮะ.. นี่แหละความเข้าท่า
ลตว. : งั้นเรามาตั้งโรงพิมพ์กระหยิ่มศิลป์
เขียนเรื่องขายให้พ่อก็พอกิน
ปตว. : ไอติมชินขยับขอ สอ.กอ. เอม
กพ. : ฮ่า ๆ อยากกินสุกี้ใช่ไหมล่า
บ้านเรามีผักบุ้งเยอะ อวบสดด้วย
เนื้อหมู ไก่ ในตู้เย็นก็มี
เดี๋ยวแม่ทำให้กินกันพุงกางไปเลย
แต่..ไหนลองทำเล่มออกมาซักเล่มซิ
เรื่องอะไรดีล่ะ
อ๋อ...วัวแดงหรือครับ
งั้นพ่อจองเลย 1 เล่ม โอ่ เข
( มีต่อครับ)
3 มิถุนายน 2548 20:41 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
1. รูหนอนแห่งสนามของความฝัน
เชื่อมโพรงโยงหากันห่างปัญหา
มวลแห่งความใยดีมีศรัทธา
เอื้อปัญญาเผื่อแผ่ธรรมแก่กัน
2. สนามแห่งทุกข์หน่วงคงถ่วงใจ
จึงแผ่ไฟขึ้งเคียดไฟเดียดฉันท์
กำจายแก่แม้มิตรหมายสัมพันธ์
รุ่มร้อนใจกดดันยากบรรเทา
3. ดาวเคราะห์ดวงเขลาหรือดาวฤกษ์
จึงบุกเบิกแต่แคว้นแต่แดนเฉา
สนามความใยดีไม่มีเงา
ตราบที่เราอวดโอ่อหังการ์
4. -
30 พฤษภาคม 2548 23:41 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
1. ฝนสาด หลังคาสังกะสี
บ่ายนี้ ฝนหยาดบ่ขาดสาย
ซ้อนเม็ด เป็นม่านเย็นเห็นพราวพราย
ม่านฝน สะท้อนสายแสงตาวัน
2. จึงพร้าวตาล ปานภาพอาบละออง
นิ่งมอง ซึมซาบเป็นภาพฝัน
ฝนต้องตาล ปานเสียงสรภัญญ์
ธารฟ้านั้น คล้ายฉันท์ผสานกลอน
3. หมายเห็น เธอโผล่มาเยี่ยมหน้าต่าง
ยิ้มผ่านฝน มาอย่างบ่ายวันก่อน
สายยิ้ม โยงมาว่าอาทร
เก็บไปนอน ฝันดีสุขชีวิน
4. ฝนสาด หลังคาสังกะสี
เพราะดี แม้นมีหวังสมถวิล
เธอจ๋าอยู่ไหนใคร่ยลยิน
ขอยิ้มรินมากับฝนปลอบคนคอย
ฯ
29 พฤษภาคม 2548 08:56 น.
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
1. ตะวันโผล่หน้าขึ้นมายิ้ม
ผืนดินก็เอิบอิ่มอุ่นใจฝัน
มวลไม้เริงร่าตอบตาวัน
นกหนูกู่เรียกกันหากินไกล
2. เจ้าแงเคลียแม่ขอกินนม
โคหนุ่มค้อมก้มเล็มหญ้าใกล้
ลูกเจี๊ยบเรียนเขี่ยขยับไว
คนยิ้มอิ่มในหัวใจตน
3. ยิ้มซีครับท้องฟ้ายังมายิ้ม
เพื่อนจะพิมพ์ใจรับไม่สับสน
ผ่องไมตรีแผ่ผายแก่หลายคน
ยิ้มแล้วยลเต็มตื้นยิ้มชื่นเย็น
ผมยิ้มให้คุณนะครับ
มิตรของผม