6 สิงหาคม 2548 17:25 น.

::คำหวาน::

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์



1.   ตาลเตียนจึงเอ่ยอ้อย.........เอาหวาน
     เจียมแต่งนบอาจารย์.........แจ่มถ้อย
      จริงเรียมบ่ชำนาญ............โคลงหนึ่ง ใดเฮย
      เพียงแต่นิยมสร้อย-..........ต่อซึ้งโคลงใส

2.    มีใจจะกล่าวเน้น..............นัยหนำ
       จดจ่อต่อลำนำ..................หนึ่งนั้น
       คือโคลงนิราศ  คำ............ดาลจิต
        ดลจริตเนื่องทั้น..............อิ่มท้นทิพย์ฉาย

3.      บ่ตายสิต่อเชื้อ................ชาวศิลป์
         จรดแผ่นธรณิน.............นี่โน้น
         คำจันทร์ที่ยลยิน............มาแต่ นานนอ
         เจิดจรัสพวยโพ้น...........แผ่นพื้นเพียรเห็น

4.      ขอเป็นชาวชาติชั้น.........กวีศรี
          เอมอิ่มรสวรรณคดี............ต่างข้าว
          รับแสงแห่งธรรม มี.........อุดมคติ
           ผลิผลึกปรัชญาน้าว......หน่วยน้อยมโนสมัย

5.       เริงหทัยคราวร่วมซ้อง..........สโมสร
         หวังหมู่ชนแห่งกลอน......กล่อมกล้า
          แรงใจส่งเป็นพร...........ให้แก่   เรียมเฮย
          นานเนิ่นเรียมบ่ล้า.........เร่งรู้โคลงเฉลา

ฯ
				
4 สิงหาคม 2548 23:56 น.

::gig generations 1::

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

1.   สู่ชู้ สูชู ดู...................อดสู
      เริงร่านแรงกว่ากู......สู่รู้
      วันวัยว่ายวนบู-.........ชาบาป 
      ดูหมู่ชนกู่วู้................กวักว้ำ กามหวัง
2.   หน่อยชังชิงถ่ายทิ้ง.....เกลื่อนเสีย
      มากหมู่ราวผัวเมีย.....หมื่นหมั้น
      โหยหาบ่อิดเพลีย.......เห็นหื่น หรรษ์แฮ
       ปกปิดปดปานชั้น......โฉดซ้อนชอนฉล
3.    สกลฉกาจค้า.............กามฉาว
       หิริแหลกลงราว.........เศษแก้ว
       โอตตัปปะดับอีกคราว.....เงินขู่   ธรรมนอ
        ยินข่าวคาวอีกแล้ว.....นี่โน้น  เนืองหนอ
4.    ด่าทอกระแทกทั้น......กระทบไผ?
       ถามเถิดยุคสมัย.........แห่งข้า
       เราเกิดร่วมยุคไหน....ฤาหมู่  เกลอเฮย
       ยุคเสพสุขบ่ล้า.............แถกทิ้งธรรมศีล
5.    ยุคตีนสยบยั้ง.............ยวงผม
       ทุนถ่อยทูนนิยม..........ทั่วย่าน
       เหยียดไทเข่นนิคม......สิกขะ
       แดกดะบ่อายด้าน........โอบอุ้ม  อวยผี
6.   อวยพลีกาลีพร้อม..........มอมหมาย
      เกิดใหม่คือหญิงชาย.....แกร่งกล้า
      กลกาม กโลบาย...........พาดับ  แล้วนอ
      ค่านิยมคลั่งบ้า..............ต่อเชื้อ ชนเขลา
ฯ				
2 สิงหาคม 2548 23:57 น.

::รำพึงต่อยุคสมัย::

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์




๑    ตึกรามโตระฟ้า...............เรืองสมัย
       ผุดโชติช่อดอกไฟ...........ผ่องด้วย
       แสงสีส่องโชนไป............ราวเขต  แมนเฮย
       แต่จิตจมฉากม้วย..............เปลี่ยวคว้าง ครวญขวัญ

๒    คืนวันสลดร้าย..................มโนแสลง
       บางสิ่งส่อสำแดง...............อ่อนด้อย
       บางสิ่งกลับเริงแรง............ฉาวโฉ่  
       ชนหากเกลียดแต่น้อย.......กว่านั้น นบถือ

๓    ฤากาลแปรเปลี่ยนแล้ว..........เชิญฉล
       โดยก่อแต่เกมกล...................แอบกล้ำ
       หมกหมากกับเหลี่ยมมนต์.....มอมเหยื่อ  
       เพื่อหลอกโจนขย้ำ..................ฉีกเนื้อ   แนมหนอง

๔    ครรลองแห่งยุคไร้...................ธรรมฉาย
       ชนโฉดเกร่อรอบกาย...............กว่ากี้
        ออกกฎกับโอบาย...................กลกล่อม  เกลอแฮ
        ใดใดต่างจากนี้........................ด่าวดิ้น   ดายถม

๕     รันทมสดับถ้อย........................ถาบถาง
        ชนถิ่นในเขตทาง.....................ต่างเบื้อง
        ถูกขีดแบ่งเขตบาง...................ราวเถื่อน
        แมนกลับเกริกฟุ้งเฟื่อง............ถิ่นท้น  ระทมขยาย

ฯ
				
27 กรกฎาคม 2548 21:18 น.

::ที่อยู่ ที่ยืน::

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์


     หลังจากที่ลงไถแรก
รอยไถดูแปลกโค้งคด
ตรงไป นั่นใจกำหนด
บอกอยู่ตอนที่จรดไถ

     แรงลากที่ดึงและรั้ง
นั้นยังคงดึงต่อไป
แรงฉุดคือความเหนื่อยหน่าย
การไม่ได้ใจซักที

      จรดไถในรอบที่สอง
ครรลองไถเริ่มเข้าที่
รอยไถเหมือนใจแล้วซี
คราวนี้เริ่มเห็นเป็นนา

      หมายใจจักได้ปลูกฝัน
เชื่อมั่นในพันธุ์ข้าวกล้า
จะแตกกอขึ้นเต็มตา
ก่องรวงในช่วงเหมาะสม

      หมายเกี่ยวและเก็บรวงทอง
ใส่ยุ้งของความชื่นชม
พอให้คลายความขื่นขม
ในโลกที่วุ่นวายเหลือ

      ที่อยู่ที่ยืนหนึ่งหนึ่ง
จึงไม่ใช่หลุมคลุมเคลือ
ยินดีด้วยใจในเมื่อ
ข้าวเธอมีเหลือเผื่อคน.

				
26 กรกฎาคม 2548 00:06 น.

::หัวไหล่ของคนจร::

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์


 1.   เหนื่อยอ่อน  หรือบังอรขวัญอ่อนเอย
       เชิญพิงไหล่ไม่คุ้นเคยได้เลยขวัญ
       เพื่อนร่วมทางยินดีเมื่อได้เอื้อกัน
       เราเดินทางกลางตะวันร่วมสัญจร

2.    ต่อเส้นทางบางเส้นชินเป็นช่วง
       กับแปลกแยกบางห้วงถึงโหยอ่อน
       ยังกัดฟันก้าวไปไกลรังนอน
       ยิ่งเย็นย่ำตะวันรอนยิ่งอ่อนใจ

3.   อาจแปลกหน้าต่อกันในวันคืน
      และอาจต่างจุดยืนในยุคสมัย
      นาทีหนึ่งซึ่งแวบฝันต่อวันวัย
      ใครบ้างอยากปราชัยไร้ตัวตน

4.   ยังง่วงงุนอยู่ไหม ณ ปลายทาง
      ถึงที่สุดก็ต้องย่างไปต่างหน
      นี่ฟ้ามืดตะวันมิดแล้วหน้ามล
      ขอไหล่คืนให้คนจรจรัล      ฯ



------------------------------------				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์