15 กรกฎาคม 2548 11:36 น.
กุ้งหนามแดง
ฝันเป็นจริง มันคือชื่อของสถานที่นี้ เท่าที่ตามองเห็น มันเป็นอาคารที่มีหลังคาเป็นรูปโค้ง ขนาดเกือบเท่าสถานีหัวลำโพง เพียงแต่ว่าผนังทั้งสี่ด้านปิดทึบ มีทางเข้าทางเดียว ซึ่งเปิดอยู่ตลอดเวลา ไม่ปรากฏว่ามีประตู เมื่อสังเกตการณ์ดูรอบนอกเห็นผู้คนทยอยเข้าไปคนแล้วคนเล่า ทั้งชาย หญิง เด็ก คนชรา ไม่เว้นแม้แต่คนพิการ ดังว่าจะเข้าไปเก็บเกี่ยวฝันของตัวเองกระนั้น ไม่พบว่ามีผู้ใดเดินสวนออกมาจากทางนั้น ฉันยืนมองด้วยความฉงนระคนกับความอยากรู้ว่า ข้างในนั้นมีอะไร ก่อนตัดสินใจเดินเข้าไป..
ภายในมืดมาก จากมุมหนึ่งฉันเห็นคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งเปิดไว้ กำลังประเมินผลอะไรสักอย่างตามลำดับ สักพักมีคำว่า Success!! พร้อมแสดงรูปพลุบนจอนั้น คงเป็นเครื่องนับจำนวนคนเข้ากระมัง ฉันนึก อีกมุมหนึ่งเป็นร้านค้าขายอะไรสักอย่าง อาศัยแสงจากตู้แสดงสินค้า อืม! มีพนักงานประจำตู้คอยดูแล ชี้ชวนให้ดูสินค้าที่แสดงเชิญเลยครับ เพชรน้ำงามทั้งนั้น ชอบชิ้นไหนบอกได้เลยน่ะครับ ชายหญิงคู่หนึ่งที่เลือกชี้แหวนเพชร ขอดูวงนี้หน่อยครับ พนักงานคนเดิมก็กุลีกุจอหยิบเพชรออกมาตามคำสั่ง รับไปเลยครับ ทุกอย่างฟรี ไม่พูดเปล่าหยิบสร้อยเพชรที่เข้าชุดกันส่งให้ เขาและเธอยิ้มอย่างพอใจ ปากเขายังพร่ำว่า ผมต้องเป็นคนโชคดีที่สุด ถ้าผมได้เป็นเจ้าของร้านและได้เป็นฝ่ายให้อย่างกับคุณ ชายเจ้าของร้านไม่กล่าวกระไร ฉันไม่ได้สนใจนัก เพราะไม่ค่อยชอบเครื่องประดับที่มีค่าอย่างนี้ มันดูหรูเกินไปสำหรับคนอย่างฉัน จึงเดินมาอีกตู้หนึ่งซึ่งจัดแสดงของที่ระลึก มีพวงกุญแจดีบุกที่สลักตัวอักษรได้ตามใจ ขอชมชิ้นนี้หน่อยน่ะค่ะ พนักงานหยิบให้ท่าทางเขาไม่ค่อยยิ้มแย้มนัก ตาเหลือบไปเห็นป้ายเขียนไว้ เลือกได้ตามใจหมาย ทุกอย่างฟรี ฉันถามเพื่อความแน่ใจ เขาพยักหน้า ใครหนอสร้างสถานที่เช่นนี้ ..
ความจริงฉันคิดว่าข้างในน่าจะกว้างกว่านี้ แต่ทำไมมีแค่สองร้าน ท่ามกลางความวังเวงนั้น พื้นห้องจากที่เป็นสีเทาดำ กลับกลายเป็นเรืองแสงสีฟ้า มันเลื่อนตัวออกอย่างรวดเร็ว วิ่ง ฉันคิดได้เท่านี้ ไม่งั้นตกลงไปเบื้องล่างแน่นอน ข้างหน้าพลันปรากฏพื้นเรืองแสงต่างระดับมารองรับ ฉันวิ่งสุดชีวิตไม่สนใจหนุ่มสาวคู่นั้น ท่ามกลางความตกใจและร้อนรน ฉันจึงทิ้งพวงกุญแจนั้นไป ไม่สนใจแล้วเอาชีวิตไว้ก่อน ฉันกระโดดข้ามมาทันเวลาพอดี ทันทีที่เท้าฉันสัมผัสกับพื้นสีแดงนั้น บรรยากาศโดยรอบก็กลับกลายเป็นอีกห้องหนึ่ง ลักษณะเหมือนแกลลอรี่ แสดงรูปภาพศิลปะ แสงสว่างยังคงน้อยเหมือนเดิม มีดวงไฟเล็กๆ เหนือรูปที่แสดงไว้เป็นระยะๆ รูปภาพประดับไว้สี่ด้านในห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้านี้ บางภาพมีคำว่าจองแล้ว แต่ก็ยังมีบานว่างเปล่าที่วางพิงฝาไว้ มีคนชมอยู่ในห้องนี้สองสามคน
ฉันมองดูภาพวาดด้วยความสนใจ ปนกับความระแวงว่าพื้นมันจะเลื่อนไปเหมือนเมื่อครู่ไหม จึงค่อยๆ เดิน หนูรับสร้อยนี้ไว้ มันเป็นของหนู มีเสียงแว่วมาจากข้างหลัง มายังไงกันนี่ ฉันนึกในใจหันขวับกลับมา ความรู้สึกเหมือนว่าแกเดินทะลุกำแพงเข้ามาอย่างนั้นแหละ ยังไม่ทันกล่าวอะไรแกก็ใส่สร้อยนั้นให้ที่ข้อเท้า ท่าทางแกดูคล่องแคล่ว ขัดกับรูปร่างที่เหมือนซินแสทั้งหนวดเคราผมเผ้า ซึ่งเป็นสีขาวโพลน ยังไม่ทันกล่าวอะไร แกก็เดินจากหายไป ไวเหมือนตอนแกมา.. สร้อยที่แกให้มาดูเหมือนลูกประคำสีหยก ร้อยด้วยด้ายสีแดง แปลกแฮะทำไมแกไม่ใส่ให้ที่ข้อมือ ฉันคิด..
สักพักหนึ่งพื้นห้องเริ่มมีการเคลื่อนตัว แลเห็นพื้นสีเขียวเรืองแสงข้างหน้าในขณะที่พื้นสีแดงนี้กระพริบ เป็นระยะเหมือนกับว่าหมดเวลาของห้องนี้แล้ว ฉันรีบวิ่งไปคราวนี้มีลมแรงมากพยายามดูดทุกอย่างไว้เบื้องหลัง จนทำให้ความพยายามสุดกำลังเพื่อวิ่งต้านนั้นแทบเสียเปล่า และแล้วลมก็ทำหน้าที่ของมันสำเร็จมันดูดกำไลข้อเท้านั้นทิ้งไป พื้นสีเขียวเบื้องหน้ายกตัวสูงขึ้นเกือบจะเท่าบันไดขั้นที่สอง ฉันถีบตัวกระโดดขึ้นไปเต็มกำลัง มันทันเวลาพอดี ฉันเสียเวลาหอบอยู่ตรงนั้นหลายนาที หัวใจเต้นตึกตัก อะไรกันนี่ นี่มันบ้าอะไรกัน ฉันต้องเจออะไรบ้าๆ แบบนี้อีกไหม ฉันดูรอบๆ ในห้องนี้ไม่มีการขายสินค้า มันมีแต่ความมืด อาศัยแสงสว่างจากพื้นที่ยืนอยู่ แทบไม่รู้ว่าจะเดินไปทางไหน ฉันเคว้งคว้างอยู่ในนั้น สำรวจตัวเองบัดนี้นอกจากชุดเสื้อผ้าที่ใส่อยู่นอกนั้นก็ไม่มีสมบัติอะไรติดตัวเลย แต่!! ชุดที่สวมใส่อยู่นี้ไม่เหมือนกับตอนที่เข้ามา กลายเป็นชุดคลุมที่ตัดเย็บง่ายๆ แบบสวมหัว เจาะแขน แล้วก็เย็บตรงลงไปตลอดแนว สีขาวตุ่นๆ มันเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไรกัน มีหมายเลขตรงอกด้านซ้าย 22348 มันคืออะไรน่ะ ฉันไม่มีเวลาหาคำตอบ รู้แต่เพียงว่าที่นี่ไม่ปลอดภัยเสียแล้ว จะต้องหาทางพาตัวออกไปให้เร็วที่สุด ฉันเดินไปเรื่อยๆ มีทางออก ใช่จริงๆ ฉันเห็นลิบๆ ตรงข้างหน้า พยายามตะเกียกตะกายออกมา ช่างไกลเหลือเกิน ระหว่างนี้สภาพแวดล้อมรอบๆตัว เปลี่ยนไป จากพื้นสีเขียวลื่นๆ กลายเป็นหยาบกระด้าง บรรยากาศรอบๆ กลายเป็นทุ่งหญ้าเมืองร้อน มีต้นหญ้าแห้งๆ เป็นแห่งๆ ความมืดมิดเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเงาลางๆ คล้ายอาทิตย์กำลังจะขึ้น
พื้นดิน.. ใช่!! ฉันสัมผัสได้ถึงความหยาบนั้น..ข้างหน้านั้นคือเป้าหมาย มีทหารยามรักษาการณ์คอยคุมไว้ แต่ขณะนี้ที่เห็นยามสองคนนั้นกำลังทำความเคารพบุคคลคนหนึ่งอยู่คาดว่าน่าจะมีความสำคัญพอควร จังหวะนี้แหละ ฉันจึงวิ่งสวนออกไป เต็มกำลังเท่าที่แรงยังเหลือ ฉันผ่านมิตินั้นมาได้ ภายนอกช่างดูประหลาดนักเหมือนโรงเหล็กร้าง มีแท่นปั๊ม ขึ้นรูปงานซึ่งมีหยักไย่อยู่เต็ม.คุณพระช่วย! ป้ายนั้นเขียนว่าเลิกกิจการ ยกให้ฟรี..!!!
พลันหูฉันแว่วเสียงตามสายประกาศว่า ภารกิจ xxx347 เสร็จสิ้น ..ชายหญิงที่คุ้นหน้าปรากฏขึ้นที่โรงงานร้างตรงหน้า ทำให้บรรยากาศโดยรอบเปลี่ยนไป กลับกลายเป็นร้อนอบอ้าว หยักไย่ที่เห็นเมื่อครู่กลับเลือนหายไป และตรงนั้นคงเคยเป็นเตาหลอม ปรากฏไฟลุกโชนที่เบื้องล่างนำความสว่างให้บริเวณรวมถึงความร้อนที่ทวีขึ้นกับอะไรสักอย่างทีหลอมเหลวอยู่ภายในภาชนะทรงกระบอกขนาดถังสองร้อยลิตรใบนั้นเหงื่อฉันรินไหลแทบเป็นสายน้ำ..
ฉันเริ่มประติดประต่อเหตุการณ์ ฉันรู้แล้วล่ะว่าทำไม รูปภาพที่เขียนว่า"จองแล้ว" จึงมีคนเป็นส่วนประกอบอยู่ในนั้นทุกภาพ และสองคนนี้ในชุดคนงานกอรปกับเสียงที่แว่วมาในมโนสำนึก.."ผมคงโชคดีมากถ้าได้เป็นเจ้าของกิจการ." กับคำตอบว่าทำไม จึงไม่มีใครเดินสวนออกไปจากตึกหลังนี้.ฉันทรุดตัวนั่งอย่างหมดอาลัยตายอยากก่อนที่ทั้งสองจะมาลากฉันโยนลงไปในเตาหลอม และก่อนที่สติสัมปัญชัญญะ จะขาดลง มโนภาพสุดท้าย ณ.ตรงนั้น จอคอมพิวเตอร์ที่มุมห้อง กำลัง Run หมายเลข 22378 Success!!!....
..