29 ธันวาคม 2547 10:27 น.
กุ้งหนามแดง
แม้เหตุการณ์อันไม่คาดฝัน ได้ผ่านเข้ามาทำให้พวกเราชาวไทย
ต้องเสียขวัญ สลดใจ กันทั้งประเทศ..จากคลื่นซูนามิ
จากภัยธรรมชาติ...ที่เกินสามารถในการควบคุม..ของมนุษย์ชาติ.
แต่สำหรับภัยที่เกิดจากมนุษย์ด้วยกันเอง ขอโปรดเถิด ระงับการทำลายล้าง..
"สงคราม" ในทุกมุมโลกของเรา..การทดลองนิวเคลียร์...ที่อ้างว่าเพื่อปกป้องประเทศ..หรืออะไรก็ตาม..
ขอวอนให้พิจารณาอีกครั้ง...เพราะการสูญเสียที่อาจเกิดจากน้ำมือของพวกท่าน..
มันก็คงสร้างความสะเทือนใจให้พวกเราไม่น้อยไปกว่านี้..
ขอทีเถอะ...พวกเราสลดใจ เสียใจ มากพอแล้ว....
มาร่วมแรง ร่วมใจกัน รักษาโลกใบนี้ให้น่าอยู่...
ทุกชนชาติ มิแบ่งแยก เชื้อชาติ สีผิว ภาษาฯลฯ ต่างมีความต้องการเดียวกันนั้นคือสันติสุข...เพื่อมวลมนุษย์ชาติที่ร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย ใน ภพภูมิเดียวกัน...
เริ่มเสียตั้งแต่วันนี้...ก่อนที่มันจะสายเกินไป..
18 ธันวาคม 2547 12:40 น.
กุ้งหนามแดง
โธ่เว๊ย! ซุ่มซ่ามจริง จุ๊บแจงสบถออกมาด้วยความโมโห หลังจากเด็กวิ่งมาชนจนเธอเซไป ในระหว่างที่มาหาหนังสือในเทศกาลหนังสือแห่งหนึ่ง จนทำให้หนังสือที่ถือมาหล่นออกจากมือบางส่วน เธอยังเป็นนักศึกษาอยู่จึงใช้เวลาช่วงเลิกเรียนแวะมาหาหนังสือไปอ่าน..เนื่องจากเป็นทางผ่านก่อนกลับบ้าน จะสะดวกกว่าออกมาอีกรอบหนึ่ง
ขอโทษค่ะ อีกฝ่ายซึ่งเด็กกว่ากล่าวแก้ไขสถานการณ์ พร้อมทั้งกุลีกุจอช่วยเก็บของ
ขอโทษแล้วมันหายมั๊ย เธอยังไม่ยอมเลิกรา
คือหนูไม่ได้ตั้งใจชนพี่ค่ะ หนูจะรีบไปทำธุระ พร้อมทั้งยื่นของให้จุ๊บแจง
ทีหลังก็หัดดูตาม้าตาเรือบ้าง ดีน่ะที่ไม่มีอะไรเสียหาย เธอร่ายยาวเห็นว่าไม่มีผู้ปกครองของเด็กมาด้วย
ค่ะ หนูไปน่ะค่ะ เด็กคนนั้นกล่าวขอตัวเรียบง่าย เธอไม่คาดหวังว่าจะทำให้อารมณ์ของฝ่ายตรงข้ามสงบ เพียงแต่หมดความรับผิดชอบของเธอแล้ว ซึ่งจุ๊บแจงก็ไม่ว่าอะไร หน้าตายังไม่คลายความหงิกงอเพราะยังไม่พอใจอยู่..
หมดอารมณ์ดูหนังสือเลย เธอคิดในใจ กะว่าจะมาขนหนังสือไปอ่านเพราะเธอชอบของลดราคาอยู่แล้ว กลับมาเจอเด็กบ้านี่ ยิ่งเครียดเรื่องปรีชาอยู่ด้วย เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมแฟนหนุ่มจึงไม่ใส่ใจเธอเท่าที่ควร เมื่อมีปัญหาทีไร เขาก็ไม่ค่อยต่อปากต่อคำ จะเงียบหายไป รอจนเธออารมณ์ดีขึ้นซึ่งก็ไม่เกินสองสามวัน ก็มาขอคืนดี แต่คราวนี้เงียบหายไปเป็นอาทิตย์ก็ยังไม่มาสักทีหรืองานจะยุ่งก็ไม่รู้ จะโทรบอกสักนิดก็ไม่มี อ้อ! ลืมไปโกรธกันอยู่นี่ แต่สาวเจ้าอารมณ์อย่างเธอมีหรือจะไปของ้อก่อน อย่างงานหนังสือนี่ประไร นัดไว้ว่าจะมาด้วยกันกลับต้องมาคนเดียวเพราะมีเรื่องกันซะก่อน ..
นี่ถ้าเขามาด้วยน่ะ เราคงไม่ต้องลำบากลำบนอย่างนี้หรอก ซื้อเองจ่ายเองหิ้วเอง ต้องทนหิวอีก เพราะไม่สะดวกกับการต้องกระเตงของไปซื้อคูปองเอง เฮ้อ! อะไรมันจะโชคร้ายกับชีวิตอย่างนี้น่ะน่ะ นี่ถ้าปรีชามาด้วยแม้แต่เด็กคนเมื่อกี๊ก็ไม่มีทางมาชนหรอก เพราะเขาจะคอยกันตัวเธอไว้เสมอ..
กลับบ้านดีกว่า เธอหมดความตั้งใจที่จะซื้อของต่อเพราะเริ่มเหนื่อยอ่อนแล้ว..ยิ่งนึกถึงตอนนั่งรถประจำทางกลับบ้านอีก ไม่มีรถรับ-ส่งบริการเหมือนมีเขา..
ถ้ากลับมาน่ะฮึ่ม!...เธอนึกในใจ พยายามเบียดแทรกตัวออกมาจากซุ้มขายหนังสือ พลันสายตาเหลือบไปเห็นผู้ชายคนนั้น..จะใครที่ไหนเล่าคนที่เคยนัดไว้และไม่เคยผิดนัดเลยสักครา..แม้ครั้งนี้ก็เช่นกัน เขาคนนั้นกำลังมองมาด้วยสายตาอ่อนโยน..และเดินมาหาพร้อมยื่นมือมาช่วยถือของ..
ขอโทษน่ะ .....
อะไรน่ะครับ ปรีชางง กับการเปลี่ยนแปลงกะทันหันของเธอ..
เธอมองเขาด้วยสายตาอ่อนโยน และเข้าใจเขาเป็นครั้งแรก...ว่าทำไมเขาถึงจากไป ..และขอบคุณที่เขากลับมา ให้อภัยเธอเสมอ..