8 กุมภาพันธ์ 2548 09:14 น.

บอกหน่อยได้ไหม

กุ้งหนามแดง

..
บอกกับฉันอีกครั้งเธอยังรัก
แม้จะไม่แน่นหนัก..คำรักหลง
เพียงยืนยันสักครั้งยังมั่นคง
แม้ไม่เหลือซื่อตรงยังคงคอย

บอกกับฉันอีกครั้งเธอยังรัก
ยังรู้จักกันอยู่..เพียงครู่ถอย
สบตาฉันได้ไหมอย่าใจลอย
ยังเหลือรอยอำลาและอาลัย

บอกกับฉันสักครั้งเธอยังรัก
แม้ตระหนักว่าเลือนลางช่างเหลวไหล
ต่อแต่นี้แม้มีเธอ..มิเจอใจ
ประโยชน์ใดคำรัก..จะผลักทิ้ง..

				
5 กุมภาพันธ์ 2548 11:00 น.

ขี้เซา..

กุ้งหนามแดง

ลืมตาตอนเช้าวันเสาร์....ที่นอนผืนเก่า
ยินเสียงเพลงดังกวนใจ
0 บ้านใครทำบุญหรือไร....จึงเปิดเครื่องไฟ
ลุกไปสังเกตเหตุการณ์
0 โธ่เอ๊ยไอ้เด็กข้างบ้าน.....น่าเขกกบาล
เกรงใจชาวบ้านไม่มี
0 ไอ้เรามันก็ไม่ดี...............ตื่นสายป่านนี้
ลุกมาก็ด้วยเสียงเพลง
0 โวยวายก็อายตัวเอง........ขี้เซาบรรเลง
ตาเป่งกินบ้านกินเมือง
0 พรุ่งนี้ไม่เปิดเป็นเรื่อง......ซึมเซาเมาเซื่อง
อาจเคืองเลือกตั้งไม่ทัน
0 ตื่นสายเปลี่ยนไม้ทันควัน...อาจต้องงงงัน
เปลี่ยนคนกินบ้านกินเมือง
..				
4 กุมภาพันธ์ 2548 10:08 น.

ต่างกัน..ตรงไหน

กุ้งหนามแดง

ดินสออยู่ในมือ..................สมองคือจินตนาการ
ถ้อยคำที่แสนหวาน................เลือกมาสานปานถักร้อย
0 โครงเรื่องภายในใจ.............ดำเนินไปเรื่องใหญ่น้อย
สะดุดก็หยุดคอย....................คนเลื่อนลอย, ใครตีความ
0 เปรียบเทียบกับคนอื่น.........อีกดาษดื่นหยิบยื่นหยาม
เวลาเสียเปล่า, ปราม..............ทั้งคอยห้าม, อย่าทำเลย
0 เขียนไปเพื่ออะไร...............ภาษาไทยก็คุ้นเคย
กาพย์กลอนสอนความเชย.....อยู่เฉยเฉยดีกว่ากัน

0 ฉันเขียน, ฉันหลบหนี..........ถ้อยพาทีประชดประชัน
ผลงานเราต่างชั้น...................บทประพันธ์, คำนินทา..
..				
3 กุมภาพันธ์ 2548 17:10 น.

เลิกสัญญา..

กุ้งหนามแดง

เที่ยวแจกจ่าย.สัญญาใจ.มั่วไปหมด
มาพูดปด.ฉบับเดิม.เลิกเสริมสน
เขียนขึ้นใหม่.แจ๋วกว่า.น่ะหน้ามล
ขอเปลี่ยนคน.คงความ.นิยามรัก

แล้วกลับไป.สืบสาน.ถ่านไฟเก่า
คนที่เศร้า.ทบทวน.กระอ่วนกระอัก
เหตุไฉน.ชายโลเล.ร้อยเล่ห์นัก
ช่างยึกยึก.รักพี่.เสียดายน้อง

ขอให้เธอ.โชคดี.วิถีรัก
แม้อกหัก.ยอมซ่อนเร้น.มิเป็นสอง
สัญญาใหม่.ไม่ส่งผล.ไร้คนปอง
จะครอบครอง.ผู้ใด.ตามใจเธอ..


โด่เอ๊ย..มีหมีพูเป็นเพื่อน..ไม่ง้อหรอก...แงๆๆๆๆๆ
..				
3 กุมภาพันธ์ 2548 15:04 น.

เล่าเรื่องทศชาติ...พระภูริทัต

กุ้งหนามแดง

~ แต่ก่อนกาลย้อนความตามเล่าเรื่อง
พรหมทัตครองเมืองพาราณสี
มเหสีปรากฏโอรสมี
ตำแหน่งศรีอุปราชพระราชทาน (๑)

ครั้นโอรสเติบใหญ่จึงไหวหวั่น
กลัวลูกนั้นยึดอำนาจศาสตร์ทหาร
ต้องตัดไฟแต่ต้นลมเหมาะสมการ
คำริผ่านดำรัสตรัสในพลัน (๒)

เจ้าจงไปประพาสตามปรารถนา
ตามเวลาจนพ่อลับดับสิ้นขันธ์
ค่อยกลับมาสืบวงศ์เผ่าพงษ์พันธ์
อภิวันท์รับคำก่อนอำลา (๓)

โอรสนั้นมีใจใฝ่ธรรมะ
คิดจะผละในเหตุกิเลสหนา
ดำเนินออกนอกวังยังพนา
เจตนาถือพรตเพื่อลดกรรม (๔) 

จนมาถึงบรรณศาลาคราสงัด
ภูมิทัศน์ภูงามแม่น้ำต่ำ
บำเพ็ญเพียรเจริญสติบริกรรม
เป็นประจำทุกคราสมาทาน (๕)

~ จะกล่าวฝ่ายนาคสาวแสนร้าวจิต
เพราะชีวิตไร้คู่รักสมัครสมาน
จำแลงร่างเป็นมนุษย์สุดสะคราญ
จากบาดาลสู่ริมฝั่งยมนา (๖)

ทั้งสองคนพบกันสวรรค์ส่ง
รักมั่นคงสุจริตสิเน่หา
ให้กำเนิดบุตรหนึ่งกุมารา
พระนามาสาครพรหมทัต (๗)

บุตรอีกหนึ่งเกิดตามงามหนักหนา
สมุทรชาคือธิดาตามดำรัส
ทั้งสี่คนพ่อแม่ลูกผูกพันชัด
ปฏิบัติตนชอบทั้งครอบครัว (๘)

~ เมื่อพระเจ้าพรหมทัตสวรรคต
ราชโอรสอยู่ไหนให้ปวดหัว
เตรียมพิธีเสี่ยงราชรถเพื่อหาตัว
ผู้มีบุญในทั่วปฐพี (๙)

พรานผู้หนึ่งเคยประสบพบโอรส
จึงรู้หมดที่อาศัยในวิถี
นำอำมาตย์ไปเชิญท่านในทันที
เลิกพิธีเสี่ยงทายไม่จำเป็น (๑๐)

เมื่อมาถึงจึงอัญเชิญสู่เมืองหลวง
กิจทั้งปวงรอรับดับทุกข์เข็ญ
เสวยราชสมบัติฉัตรร่มเย็น
โอรสเห็นสมควรชวนกันไป (๑๑)

ฝ่ายนางนาคบอกยากใช้ชีวิต
หากโกรธาพ่นพิษจะผิดได้
หมดบุญกันเถิดหนาขอลาไกล
พาลูกไปอยู่ด้วยช่วยปรองดอง (๑๒)

พระโอรสสั่งขุดเรือเพื่อนาคน้อย
ใส่น้ำค่อยเต็มลำนำทั้งสอง
มาลงเล่นในน้ำตามทำนอง
ประคับประคองเดินทางไปในเร็ววัน (๑๓)

เมื่อถึงวังยังให้ขุดสระสรง
นาคสององค์ลงแช่มิแปรผัน
จนวันหนึ่งมีสัตว์หนึ่งเข้าพัวพัน
ในสระนั้นแต่เมื่อไรไม่ทราบเลย (๑๔)

ระหว่างสองนาคน้อยลงเล่นน้ำ
โผล่หัวดำตามัวน่ากลัวเหวย
ตัวอะไรในสระใสไม่คุ้นเคย
ร้องลั่นเลยตกใจหลายลักขณา (๑๕)

จึงใช้แหและอวนมากวนลาก
มิลำบากเห็นเป็นเต่าเจ้าสี่ขา
คิดทำโทษใส่ครกตำฉ่ำอุรา
ปิ้งดีกว่าเอาเนื้อแกงว่าแรงดี (๑๖)

บ้างบอกเอาไม้พาดหม้อรอน้ำอุ่น 
มันมีลุ้นตายเป็นเล่นปาหี่
อีกคนว่าทิ้งน้ำวนชลธี
กระดองนี้จะแตกลงคงทรมาน (๑๗)

เต่าเจ้าเล่ห์เห็นทางรอดจึงสอดขึ้น
คงจะมึนก่อนตายทั้งกายฐาน
ถ้าทิ้งน้ำทุกข์ล้นจนวายปราน
ขอพวกท่านเมตตาฆ่าทันที (๑๘)

เหล่าข้าราชบริพารมินานคิด
เห็นตรงจิตทิ้งน้ำวนทนทุกข์นี่ 
เต่าหล่นตูมมิตายในวารี
นาคเด็กมีเห็นเต่าเข้าจับโยน (๑๙)

เจ้าเต่าน้อยเปลี่ยนมาดเป็นอาจหาญ
บอกพวกท่านได้โปรดหยุดโลดโผน
เราขอพบเจ้าบาดาลพาลตะโกน
อย่าหยาบโลนกับเราเต่าวางโต (๒๐) 

~พวกนาคน้อยนำเต่าเฝ้าจอมนาค 
แต่งเรื่องมากเป็นทูตอาวุโส
ภาระกิจสร้างสัมพันธ์มันเริ่มโว
ที่มาโผล่เพราะว่านายท่านใช้มา (๒๑)

มีประสงค์จะยกธิดาให้
ขอท่านได้ส่งทูตไปพร้อมกับข้า
เพื่อกำหนดฤกษ์งามตามตำรา
เจตนาเกี่ยวดองของสองเมือง (๒๒)

ทศรถจอมนาคมากขบขัน
ใครไหนกันใช้เต่าไม่เข้าเรื่อง
เต่าเจตจูลทูตน้ำย้ำความเมือง
วางมาดเขื่องตัวแทนของราชัน (๒๓)

~ท้าวทศรถหลงความตามที่พูด
ให้จัดทูตโดยดีพิถีพิถัน 
ส่งตรงไปพาราณสีในเร็ววัน
ถึงหน้าเมืองเต่านั้นขอตัวไป (๒๔)

เจตจูลอ้างไปหารากบัวถวาย
ขอแยกย้ายเฝ้าธิดาลาเฉไฉ
สี่ทูตรอนานเกินเดินเข้าไป
เข้าเฝ้าในราชาพรหมทัต (๒๕)

ถวายพระพรเรียบร้อยค่อยทูลว่า
ฝ่ายนาคายินดีตามดำรัส
ยอมเป็นทองแผ่นเดียวกันนั้นแน่ชัด
จึงได้จัดพวกเราเข้ากราบเรียน (๒๖)

เจ้านครพรหมทัตตรัสสะดุด
นาคมนุษย์มิสมกันมันปวดเศียร
ไม่เคยมีทูตน้ำใดในมณเฑียร
ไปว่ายเวียนยกลูกข้าถึงบาดาล (๒๗)

ทั้งสี่ทูตผิดหวังโดนรังเกียจ 
นาคไร้เกียรติหรือไรให้กล่าวขาน
คนกับสัตว์วิปริตปิดวิมาน
เชิญพวกท่านกลับไปไม่ยินยอม (๒๘)

~ทูตทั้งสี่ลาลับกลับเมืองน้ำ
ดำรัสช้ำย้ำจิตมิคิดถนอม
จอมบาดาลบอกเตรียมตัวให้ทั่วพร้อม
มารุมล้อมธานีฤทธิ์รณ (๒๙)

ในราตรีมีงูทุกหมู่บ้าน
เลื้อยเพ่นพ่านเป็นตับภาพสับสน
ในราชฐานนาคปรกสะทกทน
เห็นผู้คนว้าวุ่นทูลถ้อยคำ (๓๐)

ขอพระองค์ส่งธิดาให้นาคเถิด
เรื่องที่เกิดจะผ่อนคลายระส่ายระส่ำ
เพื่อเห็นแก่ชาวประชาตาดำดำ
จำใจทำละทิฐิสันติวิธี (๓๑)

จึงยอมความยกลูกสาวให้เจ้าน้ำ
พอขาดคำนาคหายวับกลับวิถี
สมุทรชาอภิเษกในทันที
อัครมเหสีจอมบาดาล (๓๒)

ทศรถสั่งไว้ให้แอบแฝง
อย่าแสดงรูปนาคสมัครสมาน
นางจะกลัวเสียเปล่าไม่เข้าการ
โทษประหารอย่างเดียวอย่าเที่ยวลอง (๓๓)

~ใช้ชีวิตร่วมกันวันพ้นผ่าน
สี่กุมารกำเนิดเลิศฉลอง
สุทัศนะพี่ใหญ่ทัตคนรอง
สุโภคะคือน้องรองสุดท้าย (๓๔)

น้องสุดท้องนั้นคืออริฏฐะ
ทุกวาระแปลงมนุษย์สุดเฉิดฉาย
สมุทรชาไม่รู้จริงทั้งหญิงชาย
เพราะรอบกายซึมซาบภาพมายา (๓๕) 

พี่เลี้ยงสอนอริฏฐะมาตะเจ้า
ต่างจากเราเพราะเป็นคนนั่นแหละหนา
คิดทดสอบความจริงสักหนึ่งครา
ตอนมารดาให้นมเหมาะสมแสดง (๓๖)

โผล่หางนาคออกมาให้นางเห็น
ผลักกระเด็นตกไปไม่แอบแฝง
เล็บเกี่ยวตาลูกชายแม้ไม่แรง
เลือดไหลแดงจักษุบอดหารอดเอย (๓๗)

ทศรถโกรธบุตรฉุดพี่เลี้ยง
ไม่คิดเลี่ยงลงทัณฑ์ท่านเปิดเผย
ฝ่ายมารดาทูลขอไว้อภัยเลย
เรื่องลงเอยรู้ความว่าอยู่บาดาล (๓๘)

~กาลครั้งหนึ่งท้าวทศรถกับเจ้าทัต
สองคนชัดไปเฝ้าเข้าราชฐาน
มหาราชวิรูปักษ์ปรึกษางาน
ปัญหาผ่านทัตแก้ไขได้สบาย (๓๙)

นับแต่นั้นขนานนามภูริทัต
ปัญญาชัดเปลี่ยนนามตามขยาย
ภูริทัตเห็นสมบัติจัดเรียงราย
ดูมากมายกว่าของตนคิดหนทาง (๔๐)

อยากจะมีแต่ติดตรงเป็นแค่นาค 
คงจะยากถือครองจึงหมองหมาง
คิดถือศีลอุโบสถลดละวาง
เป็นหนทางสุทธิแห่งวิมุต (๔๑)

หลังเข้าเฝ้ามหาราชร้อนอาสน์ชัด
ภูริทัตรักษ์ศีลบริสุทธิ์
อยากถือพรตในแดนแห่งมนุษย์
แม่ยื้อยุดหยุดไว้ในอุทยาน (๔๒)

นางกำนัลเฝ้าแหนมิแคลนขาด
มิสามารถสงบได้ในสถาน
จึงหลบเร้นปลีกวิเวกจากบาดาล
สู่ริมธารชายฝั่งยมนา (๔๓)

รักษาศีลอุโบสถบนจอมปลวก
ไร้ซึ่งพวกนางในไม่ปรารถนา
กรรมฐานเพิ่งพิศพิจารณา
ปรารถนาพลีกายให้เป็นทาน (๔๔)

พรานพ่อลูกสองคนดั้นด้นป่า
ตามเนื้อมาจนใกล้ในสถาน
คิดพักแรมหลบหลืบมืดคืบคลาน
ยินเสียงผ่านขับกล่อมล้อมบรรเลง (๔๕)

คือเหล่านาคแอบลามตามขับร้อง
ดีดสีก้องไพรพฤกษ์นึกเหมาะเหมง
ทั้งร่ายรำตามทำนองของบทเพลง
ไม่วังเวงเลอะเลือนเพื่อนองค์ชาย (๔๖)

สองพ่อลูกเข้าใกล้สงสัยเสียง 
นาคหลบเลี่ยงไปหมดงดสหาย
ต่างกลัวภัยไม่กล้าเสี่ยงเลี่ยงเจ้านาย 
เหลือเพียงนายคนเดียวไม่เกี่ยวใคร (๔๗)

ทำอะไรหรือท่านเจ้าพรานถาม
นาคตอบตามความจริงสิ่งขานไข
เราเป็นนาคมาถือศีลรักษาใจ
ยังเกรงภัยกลัวพราน.รานล้ำรุก (๔๘)

จึงเชิญสองพรานพ่อลูกคิดปลูกมิตร
สุจริตลงบาดาลเสวยสุข
วาสนาน้อยจริงอยู่ยิ่งทุกข์
ไม่อาจขลุกในพิภพครบเวลา (๔๙)

ขอขึ้นมาบนฝั่งยังโลกมนุษย์
ยังเร่งรุดมอบสมบัติอัฐมีค่า
พอขึ้นฝั่งหายพลันสวรรยา
จึงเข้าป่าเลี้ยงชีพอาชีพเดิม (๕๐)

~ ครุฑตนหนึ่งอาศัยในฉิมพลี
จับนาคีมาได้ให้ฮึกเหิม
คิดยื้อยุดฉุดลากจากจุดเดิม
กลัวตายเพิ่มยึดต้นไม้ไม่ยอมไป (๕๑)

แต่แรงน้อย ฤ จะสู้กำลังครุฑ
ในที่สุดถอนรากโคนไปจนได้
ต้นไทรนั้นเป็นที่พักฤษีไพร
ครุฑหวั่นไหวลงมาหาและพาที (๕๒)

ถามฤษีบาปไหมทำไปสิ้น 
เพ่งกสิณตอบไปให้สุขี
ถ้าไม่มีเจตนาตอบปรานี
บาปไม่มีหรอกหนาอย่าเกรงกลัว (๕๓)

ครุฑดีใจถวายแก้วให้ฤษี
ให้มนต์ดีอาลัมพายท่านส่ายหัว
ไม่อยากรับกลับยัดเยียดเจียดใส่ตัว 
ทั้งนาคงูเกรงกลัวในตัวมนต์ (๕๔)

~ พราหมณ์ผู้หนึ่งตกยากมากหนี้สิน
หลบกระบิลเข้าป่าคราสับสน
เจอฤษีขออาศัยรับใช้ทน
ปฏิบัติทุกหนจนไว้ใจ (๕๕)

ท่านฤษีมอบคาถาก่อนลาจาก
เผื่อตกยากปลอดภัยงูไม่ใกล้
สยบพันธุ์นาคีให้หนีไกล
เรียนรู้ไว้ป้องกันท่านบรรยาย (๕๖)

ลาฤษีเดินทางไกลถึงชายฝั่ง
ทบทวนดังมนต์ปราบงูดูเหมือนร่าย
พวกนาคสาวไปเล่นน้ำตามสบาย
แทบวางวายเมื่อได้ยินเกือบสิ้นใจ (๕๗)

ร้อนรนหนีกลับบาดาลไม่หาญอยู่
ลืมไปดูแก้วมณีที่วางใกล้ 
ทิ้งไว้ก่อนถึงฆาตอาจมีภัย
พราหมณ์ผ่านไปเก็บมณีที่กล่าวมา (๕๘)

ไม่เห็นใครสักคนเดินพ้นผ่าน
เห็นสองพรานพ่อลูกอยู่ในป่า
สองพ่อลูกจำแก้วได้เคยได้มา
ทำตกพื้นแก้วมีค่าอันตรธาน (๕๙)

สองพรานจึงร้องขึ้นขอคืนแก้ว
เล่าเรื่องแล้วพราหมณ์ไม่คืนยืนต่อขาน
ถ้าเป็นจริงขอทดสอบมนต์อาจารย์
พิศดารดังว่ามาแลกกัน (๖๐)

จงนำข้าไปหาภูริทัต 
เห็นแน่ชัดคืนให้อย่าไหวหวั่น
ด้วยความโลภโอบจิตผิดทางธรรม์ 
นำพราหมณ์นั้นไปสู่ผู้มีคุณ (๖๑)

แล้วรับมอบแก้วมณีอันมีค่า
รับผิดท่าตกพื้นหายไร้เกื้อหนุน
ภูริทัตเห็นพ่อลูกเคยค้ำจุน
เนรคุณพาหมองูจู่โจมกาย (๖๒)

คิดปกป้องตนเองเกรงศีลขาด
เพราะประมาทในจิตมิตรสหาย
จึงตกลงปลงใจในความตาย
ถูกมนต์ร้ายสยบแรงแกล้งใส่ยา (๖๓)

ทรมานเจียนตายเลือดไหลหลาก
ออกทางปากและจมูกถูกตีหนา
ตัดเถาวัลย์สานกระโปรงใส่นาคา
แสวงหาเงินตราค่าแสดง (๖๔)

ไปทุกที่มีคนนำกลเล่น
งูทำเป็นแผ่พังพานงานแสวง
แผ่สามชั้นเจ็ดช่อก็จัดแจง
ทั่วทุกแห่งทุกหนจนร่ำรวย (๖๕)

~ฝ่ายบาดาลมารดานิมิตว่า 
ถูกตัวแขนข้างขวากล้าหนีฉวย
ภูริทัตก็หายไปใจระทวย
บอกลูกช่วยตามกลับมาอย่ารอรี (๖๖)

สุทัศนะรับอาสาตามหาน้อง
บอกพวกพ้องแยกหากันขมันขมี
น้องสองคนเจ้าโทสะอาจราวี
คิดวิธีแยบยลแยกค้นตาม (๖๗)

หิมพานต์คนรองต้องโฉลก
เทวโลกคนสุดท้ายต้องไปถาม
ส่วนตัวพี่โลกมนุษย์เร่งรุดตาม
พร้อมนงรามอัจจมุขีญาติกา (๖๘)

~การแสดงของพราหมณ์แพร่สะพัด
มีดำรัสจากกษัตริย์ให้จัดหา
ท้าวสาครพรหมทัตปิตุลา
ปรารถนาทอดพระเนตรในเขตวัง (๖๙)

ถึงเวลาการแสดงแจ้งเล่นก่อน
งานเมืองร้อนรอสักครู่ดูทีหลัง
พราหมณ์จึงปล่อยนาคาละล้าละลัง
นาคแลหลังชะโงกหัวดูทั่วไป (๗๐)

การดูเหตุเจตนาของนาคะ
หนึ่งหากปะครุฑาลาเลี่ยงได้
หนึ่งถ้าพบญาติมิตรหมดจิตใจ
เล่นไม่ไหวอับอายขายหน้ามี (๗๑)

ภูริทัตเลื้อยมาหน้าพระลาน
เมื่อมองผ่านเห็นสุทัศน์แปลงฤษี
จึงเลื้อยไปซบบาทในทันที
ร่ำไห้ก่อนเลื้อยรี่กลับที่คุม (๗๒)

พราหมณ์คิดว่านาคากัดท่านฤษี
มีมนต์ดีจะรักษาอย่าปล่อยสุม
เสียงฤษีหัวร่อดังยังชุมนุม
งูนี้หรือพิษรุมขุมขนเรา (๗๓)

อย่าว่าแต่พิษเลยไม่เคยคิด
งูตัวนิดคุยเขื่องหาเรื่องเปล่า
เที่ยวโกหกให้เชื่อเหลือ.มอมเมา
คิดว่าเขลาหรือไรไม่รู้ทัน  (๗๔)

พราหมณ์จึงว่าฤษีอวดดีนัก
พิษงูหนักแน่ใจให้ลงขัน
ถ้าไม่เชื่อจงมาท้าพนัน
ฝ่ายฤษีไม่หวั่นท่านให้รอ (๗๕)

ท่านฤษีขอเข้าเฝ้าเจ้ากษัตริย์
กราบทูลชัดยืมเดิมพันท่านกล้าขอ 
พระราชาอนุมัติจัดให้พอ
ไม่รีรอดูประชันท่านเดินตาม (๗๖) 

พราหมณ์นั้นเห็นมาพร้อมกันยิ่งหวั่นไหว
ฤษีไพรคนของวังยับยั้งหยาม
บอกเลิกกันเถิดหนาอย่าเอาความ
เกรงภัยลามจึงว่าอย่าจริงจัง (๗๗)

เพราะโทสะที่ถูกทักว่าลวงหลอก 
จึงย้อนยอกตามอารมณ์ไม่สมหวัง
ขอยืนยันงูมีพิษไม่ปิดบัง 
มีพลังฤทธิ์แรงมิแฝงกล (๗๘)

ท่านฤษีบอกไม่จริงยิ่งลวงหลอก
งูในคอกไร้พิษจิตหวังผล
ขอสู้กันด้วยเขียดน้อยในบัดดล
เขียดของตนพิษร้ายกว่ากล้าต่อกร (๗๙)

เลือดขึ้นหน้าเจ้าพราหมณ์เข้ายามนี้
บอกว่าในปฐพีนี้กระฉ่อน
ควรจะรู้หาใครเทียมเตรียมอ้อนวอน
ฤษีย้อนว่าโกหกปกปิดจริง (๘๐)

ลองมาเทียบกับเขียดข้าอย่าด่วนจาก
รู้ว่านาคแปลงองค์คงน้องหญิง
ปลอมเป็นเขียดตัวน้อยคอยท้าชิง
นั่งอยู่นิ่งบนชฎาแทนคาคอน (๘๑)

จึงเรียกเขียดอัจจมุขีที่แปลงร่าง
อยู่ในทางบนชฎาลงมาก่อน
แบมือรับเขียดน้อยค่อยเว้าวอน
คายพิษร้อนก่อนผละคืนชฎา (๘๒)

พระฤษีประกาศพินาศแน่ 
พาราณสีจะแย่แท้หนักหนา
เหตุใดหรือคือคำถามพระราชา
ฤษีว่าพิษร้ายในมือเรา (๘๓)

พราหมณ์เยาะเย้ยเกาหัวดูตัวเขียด
ยิ้มหยามเหยียดเขียดมีพิษดูผิดเหล่า
ราชาบอกทิ้งลงดินถิ่นแห่งเรา
ฤษีเล่ารุกขชาติถึงฆาตตาย (๘๔)

ถ้าอย่างนั้นทิ้งลงในแม่น้ำ 
เหล่าสัตว์น้ำจะสูญพันธุ์ท่านทั้งหลาย
สาดขึ้นฟ้าฝนแล้งแห้งเหี่ยวตาย
กว่าจะหายรอเจ็ดปีมีฝนมา (๘๕)

พราหมณ์ฟังคำต่อหน้าไม่กล้าพูด 
พระราชาถามสูตรเร่งรุดหนา
ทำอย่างไรจะถอนพิษถามสิทธา
ฤษีว่าขุดหลุมลึกสักสามกอง (๘๙)

หลุมที่หนึ่งสมุนไพรนำใส่ท่วม
แล้วรวบรวมมูลโคใส่หลุมสอง
หลุมที่สามใส่ยาทิพย์เต็มปริบซอง
ครบทุกกองโยนพิษลงตรงต้นทาง (๙๐)

พิษร้ายแรงเผาไหม้สมุนไพรหมด
ไม่ละลดลามมูลโค่โร่สว่าง
จนมาถึงหลุมยาทพย์ริบหรี่วาง
ดับลงกลางหลุมสุดท้ายสลายพลัน (๙๑)

พราหมณ์ผู้นั้นไม่คิดพิษจะร้าย 
ยืนอยู่ชายหลุมสุดท้ายไฟรุมขันธ์
ผิวพุพองปอกเปิกเถิกประชัน
ไอพิษนั้นรุนแรงแจ้งแก่ใจ (๙๒)

จึงหลุดปากเรียงร้อยจะปล่อยนาค
ภูริทัตผู้ยากสดับได้
เลื้อยออกจากกระโปรงในทันใด
กลายร่างไปเป็นมนุษย์รุดเฝ้าลุง (๙๓)

ผ่ายสุทัศน์และอัจจมุขี
ทั้งสองศรีแปลงมนุษย์หยุดเรื่องยุ่ง
ไปเข้าเฝ้าถามไถ่ใฝ่ผดุง
สัมพันธ์กรุงพาราณสีก่อนมีมา (๙๔)

สมุทรชามารดาให้กำเนิด
พ่อประเสริฐทศรถมิปดหนา
ขอตัวกลับบาดาลจากนานมา
และจะพามารดามาเยี่ยมเยือน (๙๕)

เมื่อถึงเมืองบาดาลผ่านเรื่องร้าย 
คิดคำนึงถึงพี่ชายหาใดเหมือน
สมุทรชาเยี่ยมเชษฐาหาลืมเลือน 
มิแชเชือนสมจิตคิดตั้งใจ (๙๖)

~ สุโภคะอยู่ริมหิมพานต์
ไม่พบพานพี่ชายจะกรายใกล้
จึงตกลงกลับบาดาลผ่านพงไพร
เห็นพรานไพรชำระบาปอาบวารี (๙๗)

ได้สดับเรื่องราวกล่าวตอนอาบ
เคยทำบาปทรยศหมดราศี
ผิดต่อผู้มีพระคุณมุ่นราคี
แม่น้ำนี้ล้างบาปอาบอยู่นาน (๙๘)

สุโภคะจึงจับมารับผิด 
และให้สิทธิ์ภูริทัตตัดสินขาน
ภูริทัตจึงปล่อยไปไม่ช้านาน
ทั้งศีลทานทำครบจบเรื่องกัน (๙๙)

นับแต่นั้นรักษาศีลจนสิ้นยุค
มีความสุขสบายจนวายขันธ์
เมื่อละรูปสู่เทวโลกอนันต์
เสวยสวรรค์อริยะงามตระการ (๑๐๐)

.....จบเรื่องภูริฑัต..........
คติธรรม : บำเพ็ญศีลบารมี

ความโลภนั้นเป็นสิ่งชั่วร้ายเช่นเดียวกับการเนรคุณ แต่ความอดทนย่อมประเสริฐยิ่งนักแล้ว				
Calendar
Lovings  กุ้งหนามแดง เลิฟ 56 คน

วฤก

โคลอน

หมอกจาง

เชษฐภัทร วิสัยจร

เพียงพลิ้ว

อัลมิตรา

ฤกษ์ ชัยพฤกษ์

พี่ดอกแก้ว

แทนคุณแทนไท

แก้วประเสริฐ

แมงกุ๊ดจี่

ประภัสสุทธ

รการต์

บินเดี่ยวหมื่นลี้

ร้อยฝัน

หิ่งห้อยน้อยใจ

ลักษมณ์

ผู้หญิงช่างฝัน

ก้าวที่...กล้า

กวีปกรณ์

-ร้อยแปดพันเก้า-

เพรง.พเยีย

เฌอมาลย์

ครูพิม

คอนพูทน

ก่องกิก

ลานเทวา

อินสวน

พิมญดา

ยาแก้ปวด

กันนาเทวี

กิ่งโศก

ครูกระดาษทราย

แก้วประภัสสร

KIRATI

virismara

แกงเขียวหวาน

คนกรุงศรี

มวลภมร

ดาวศรัทธา

cicada

เปลวเพลิง

หญิงบ้า

เ ที ย น ห ย ด

din

สีเมจิก

นักสืบไร้ชื่อ

ชากร

บุญพร้อม

แย้ม ไกลวันเกิน

พระจันทร์แสงนวล

Jackie

ไผ่ลู่ลมม

ศรีปาด เฟสเก่าโดนระบบลบเฉยเลย

Prayad

Parinya

Lovers  1 คน เลิฟกุ้งหนามแดง
Lovings  กุ้งหนามแดง เลิฟ 3 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกุ้งหนามแดง