13 มกราคม 2548 10:31 น.

รอยบุญ

กุ้งหนามแดง


ขอน้อมนำธรรมมะเจริญผล
เป็นกุศลชีวิตคิดปรารถนา
บุญกริยาวัตถุสิบทิพยา
พิจารณาสร้างสมอารมณ์บุญ

หนึ่งให้ทานด้วยสิ่งของต้องประสงค์
เป็นทางตรงใช้ทรัพย์สนับสนุน
ช่วยปัญญาช่วยกำลังยังค้ำจุน
อภัยทานให้คุณเลิกขุ่นใจ

สองถือตรงศีลห้ารักษาเถิด
ทางประเสริฐเลิกเบียดเบียนเพียรทำได้
สำรวมจิตต่ออารมณ์มิสมใจ
พึงตัดไฟต้นลมตัดปมกรรม

สามภาวนาพุทโธธัมโมหนอ
สวดมนต์พอชูใจไม่ตกต่ำ
วิปัสสนาสมาธิดำริทำ
บุญทุกคำในพรตกำหนดตน

สี่ควรมีความอ่อนน้อมถ่อมตนนิด
รู้ถูกผิดขยายขยับไม่สับสน
ต้องรู้จักยืดหยุ่นละมุนปน
เปิดกมลโลกทัศน์ละอัตตา

ห้าช่วยเหลือการงานจนผ่านล่วง
กิจทั้งปวงตื้นลึกคอยปรึกษา
ช่วยด้วยแรงทำนุกรุณา
สร้างคุณค่าในตนด้วยผลงาน

หกทำบุญประสิทธิ์สัมฤทธิผล
อุทิศส่วนกุศลอธิษฐาน
ควรกรวดน้ำส่งบุญเกื้อกูลทาน
เป็นทางผ่านจิตรู้ถึงผู้รับ

เจ็ดรับบุญอุทิศจิตน้อมค่า
เปล่งวาจาสาธุหนาคราสดับ
อนุโมทนาบุญหนุนกระชับ
ทั้งผู้รับผู้ให้ได้ครบครัน

แปดฟังธรรมนำใจหทัยอ่อน
ดับทุกข์ร้อนในโลกที่โศกศัลย์
รู้บาปบุญคุณโทษประโยชน์อนันต์
และแบ่งปันข้อธรรมตามสมควร

เก้าแสดงธรรมด้วยใจบริสุทธิ์
เลิกยื้อยุดเหนียวแน่นหยุดแหนหวง
ไม่หวังผลส่วนแบ่งแฝงตักตวง
ใจทั้งดวงพร้อมพรั่งด้วยหวังดี

สิบสัมมาทิฐฐิดำริส่ง
เห็นกันตรงทำบุญเป็นคุณศรี
ถ้าทำบาปตกนรกอเวจี
ปัญญามีในตนก็ล้นบุญ

ทั้งสิบข้อปฏิบัติพิพัฒน์ยิ่ง
ทั้งชายหญิงทุกคนกุศลหนุน
ปฏิบัติวิมุตติพุทธคุณ
เนื้อนาบุญทั้งสิบสู่นิพพาน..
....

ขอความสุข ความเจริญ ความงอกงามในธรรม
จงบังเกิดแก่ท่านทั้งหลาย รวมทั้งตัวข้าพเจ้าด้วยเทอญ..
....				
12 มกราคม 2548 10:39 น.

ลูกข่าง..

กุ้งหนามแดง

โคลงสี่สุภาพ..

จับปลายเชือกส่วนไม้...........พันวน
จากล่างถึงข้างบน...............น่ะน้อง
ชี้กลางหว่างนิ้วตน...............จับแน่น ในมือ
โป้งรับมั่นแหลมป้อง............เหวี่ยงได้เต็มแรง

อาจแป๊กแรกเริ่มนั้น..............บทเรียน
โนหน่อยถ้าหัวเกรียน.............หม่นช้ำ
หลักสูตรไม่มีเขียน...............สอนสั่ง วิธี
พลาดท่าหาตอกย้ำ...............ย่อมรู้แก้ไข

..


กาพย์ยานี ๑๑

จับปลายเชือกบนหัว
พันรอบตัวลูกข่างมัน
จากล่างขึ้นบนพลัน
หมดเชือกนั้นจึงจักพอ

ชี้กลางสอดเชือกรับ
โป้งประทับที่ปลายหนอ
พร้อมแล้วไม่ต้องรอ
ขว้างไปพอเต็มกำลัง

อาจแป๊กเมื่อแรกเริ่ม
อาจประเดิมด้วยพลาดพลั้ง
การเล่นต้องระวัง
ผิดเพียงครั้งยังเป็นครู

ใช่เพียงการละเล่น
แม้ไม่เห็นว่าเลิศหรู
เพียงใช้ใจมองดู
ก็ยังรู้คือบทเรียน..
..
				
12 มกราคม 2548 10:06 น.

เล่าเรื่องทศชาติ...วิฑูรบัณฑิต

กุ้งหนามแดง

แต่ก่อนเก่าเล่าขานชาวบ้านสี่	
เบื่อวิถีฆราวาสนิวาสสถาน
จึงออกบวชเป็นสิทธาสมาทาน
หิมพานต์ป่าเร้นบำเพ็ญบุญ (๑)

สำเร็จสิ้นโลกีย์ฌานผ่านปฏิบัติ	
เหาะเหินชัดทุกหนกุศลหนุน
สี่ฤษีไมตรีเดิมเสริมเป็นทุน
จึงเคยคุ้นกันดีทั้งสี่ตน (๒)	

0 ครั้นพอถึงวสันต์จำพรรษา
แวะเข้ามาพาราครบเพื่อหลบฝน
ในเมืองนี้พบเศรษฐีอีกสี่คน
ต่างนิมนต์ดาบสไปในตอนเย็น (๓)

ฝ่ายฤษีเหล่านั้นกลางวันว่าง
เหาะเดินทางไปพักผ่อนย้อนให้เห็น
หนึ่งนั้นไปพักดาวดึงส์ถึงก่อนเพล	
หนึ่งตระเวนไปบาดาลผ่านสมุทรตรา (๔)

หนึ่งนั้นไปยังแคว้นแดนแห่งครุฑ
สุดท้ายรุดอุทยานในแผ่นหล้า
ของธนญชัยโกรพองค์ราชา
ก่อนกลับมาเจอกันตะวันลง (๕)

0 ครั้นกลับมาพรรณนามหาทรัพย์
มากเกินนับของเทวาพาไหลหลง
สวรรยาบาดาลล้วนมั่นคง	
สมบัติคงเต็มคลังฝั่งครุฑา (๖)

อีกมากมายเป็นภูเขาทรัพย์เจ้าแคว้น	
ทุกดินแดนเล่าสู่รู้ลึกหนา
พวกเศรษฐีตั้งใจฟังด้วยตั้งตา
ปรารถนาทรัพย์นั้นกันทุกคน (๗)

จึงทำบุญอธิษฐานตายผ่านพบ
ให้ประสบในทรัพย์รับสักหน
ผู้มั่งมีทั้งสี่สิ้นชีพชนม์	
มาเวียนวนในวัฏฏะหาผละไป (๘)

0 หนึ่งจุติเป็นพระอินทร์ในถิ่นสรวง
หนึ่งนั้นล่วงเป็นนาคาบาดาลใต้
หนึ่งเป็นครุฑอยู่ฉิมพลีเคยมีใจ
หนึ่งนั้นไปเป็นโอรสตามกฎกรรม (๙)

พระโอรสแห่งธนญชัยโกรพ
นามพระเจ้าโกรพภพถลำ
พระองค์ทรงสกาเป็นประจำ
ทศพิธราชธรรมทรงดำเนิน (๑๐)

ราชบัณฑิตวิฑูรคอยหนุนเนื่อง
ทุกการเมืองปรึกษาทางมิห่างเหิน
ช่วยชี้แนะโดยธรรมนำเจริญ	
ตั้งแต่เริ่มครองราชมิพลาดงาน (๑๑) 

การละเล่นทอดสกาที่ว่านั้น
องค์ราชันชนะทุกสถาน
เทพธิดาอารักษ์รักษาการณ์
ลูกสกาบนลานล้วนผ่านมือ (๑๒)

คอยกลับลูกสกาเวลาทอด
ดีตลอดทุกตาราชาถือ
แต้มปรากฏสมใจนึกดังฝึกปรือ
พนันคือสาเหตุแห่งเภทภัย (๑๓)

จะต้องเสียดวงแก้วด้วยแคล้วคลาด	
เสียนักปราชญ์คู่เมืองเป็นเรื่องใหญ่
อบายมุขไม่เคยให้คุณใคร
ดูต่อไปวาระพลิกชะตา (๑๔)

0 ครั้นกำหนดถึงวันอุโบสถ
ทรงถือพรตตามหลักศาสนา
บริเวณอุทยานบรรณศาลา
พร้อมนาคาพญาครุฑและเทวัญ (๑๕)

ด้วยแรงบุญหนุนนำเคยทำไว้
ส่งผลให้พบพานสมานฉันท์
หลังออกจากสมาบัติเคร่งครัดกัน
จึงแบ่งปันสนทนาสอบอารมณ์ (๑๖)

ปุจฉาว่ายอมสละผละจากถิ่น
มาถือศีลทรงธรรมนำเหมาะสม
ศีลของใครประเสริฐกว่าน่านิยม
จงคลายปมปัญหาอย่ารอรี (๑๗)

พญานาคว่าเรานับอันดับหนึ่ง	
คิดไม่ถึงเลิกโทสะสละหนี
ธรรมดานาคเจอครุฑถูกยุดตี
เพราะศีลมีเลิกโทสะไร้พะวง (๑๘)

พญาครุฑว่าศีลนั้นฉันมีมาก
ละความอยากหยุดไว้มิให้หลง
ธรรมดาครุฑนาคคู่ศัตรูตรง
แต่นี่ปลงเอามากไม่อยากกิน (๑๙)

เทวดาว่าศีลท่านนั้นแน่ชัด
ละสมบัติทั้งปวงล่วงกสิณ
มาถือพรตพรหมจรรย์ละราคิน
ประเสริฐสิ้นในศีลอย่าหมิ่นเรา (๒๐)

ฝ่ายราชาโกรพแย้งขึ้นว่า
เราศรัทธาในศีลสิ้นความเขลา
เพราะเห็นโทษกามคุณวุ่นมัวเมา
จึงมาเข้ากรรมฐานละเพลิดเพลิน (๒๑)

ต่างฝ่ายก็ยกย่องเห็นพ้องว่า
การรักษาศีลนั้นน่าสรรเสริญ
ไม่สามารถตัดสินได้ใครดีเกิน
องค์เทวัญจึงเกริ่นถามราชา (๒๒)

ในแว่นแคว้นของท่านนี้มีนักปราชญ์	
ที่สามารถหรือไม่ใคร่ถามหา
มีวิฑูรบัณฑิตเรืองวิชชา
จึงปรึกษากันว่าไปหากัน (๒๓)

เมื่อไปถึงสถานบ้านบัณฑิต
เล่ามิผิดจากเดิมมิเสริมสรร
ศีลของใครประเสริฐเลิศกว่ากัน
หลังจำนรรจ์ให้ฟังยังผลมี (๒๔)

วิฑูรว่าศีลท่านเท่ากันหมด
ก็งามงดในธรรมนำสุขี
สี่สหายหรรษาพายินดี
ทุกจิตตีอิ่มเอมเกษมเอย (๒๕)

องค์เทวาถวายผ้าทุกุลพัสตร์
ครุฑาจัดดอกไม้ทองต้องเปิดเผย
พญานาคบูชาแก้วคล้องศอเลย
ราชาเอ่ยบูชาโคถึงหนึ่งพัน (๒๖)

เพื่อบูชาองค์ธรรมนำตัดสิน
ถวายสิ้นให้บัณฑิตจิตสุขสันต์
ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายไม่รำพัน
เพราะหมดวันถือศีลคืนถิ่นสบาย (๒๗)

0 ฝ่ายนาคากลับบาดาลหมดงานศรี
มเหสีเห็นแล้วว่าแก้วหาย
ถามความดูบูชาธรรมนำจากกาย
มอบถวายวิฑูรหนุนเทศนา (๒๘)

วิมาลามเหสีเห็นดีรับ	
อยากสดับเนื้อธรรมนั้นหนักหนา
จะขึ้นไปเมืองมนุษย์สุดปัญญา
จะเชิญมาก็เกรงใจสวามี (๒๙)

จึงวางกลอุบายว่ากายป่วย
หนทางช่วยต้องเห็นใจไม่เป็นผี
ใจของเจ้าวิฑูรการุณย์ที
นำมาที่บาดาลผ่านพ้นตาย (๓๐)

ท้าววรุณนาคราชบอกยากนัก
ในอารักษ์ราชะนำขยาย
ทั้งกวดขันประจำเกินกล้ำกราย
เห็นรูปกายยังลำบากยากนำตัว (๓๑)

วิมลาป่วยซมระทมทุกข์
ไร้ซึ่งสุขครอบครองหมองสลัว
สวามีกลัดกลุ้มเข้าสุมตัว
เห็นกันทั่วซูบผอมเพราะตรอมตรม (๓๒)

0 อิรันทตีธิดานาคราช
บอกสามารถแก้ฟื้นงดขื่นขม
ขออาสานำใจปราชญ์มาเชยชม
เพื่อคลายปมโรคร้ายในมารดร (๓๓)

บิตุรงค์อวยพรคำจงสำเร็จ
จึงเสด็จแทรกน้ำซู่สู่สิงขร
และตกแต่งหินผามาลาขจร
พร้อมรำฟ้อนขับร้องในบัดดล (๓๔)

เพลงพรรณนาเนื้อความช่างงามงด	
เห็นปรากฎแน่ชัดมิขัดสน 
ต้องการใจวิฑูรเพียงหนึ่งคน
เมื่อได้ยลจะมอบกายถ้าหมายครอง (๓๕)

0 ปุณณกะยักษาขี่ม้าเหาะ
ยินเสียงเพราะอิรันทตีไม่มีสอง
ทั้งรูปกายสวยสมอารมณ์ปอง
จึงทดลองถามไถ่จนได้ความ (๓๖)

เพียงแค่ใจวิฑูรเท่านั้นหรือ
จึงจะยื้อใจแม่แหย่คำถาม
ถ้าเช่นนั้นจะนำส่งให้นงราม
รอสักสามทิวาแล้วลาไป (๓๗)

ปุณณกะจึงกลับคืนสู่สถาน
ถวายงานเวสสุวรรณผู้เป็นใหญ่
ถ้าขอลาออกนอกแม้บอกไป
ท้าวเธอไม่อนุญาตให้ขาดงาน  (๓๘)

ระหว่างท้าวเวสสุวรรณพิพากษา
เป็นสุภาในคดีที่สถาน
ยุติธรรมแพ้ชนะพระราชทาน
สิ้นความศาลจะเอ่ยบอกให้ออกไป (๓๙)

แอบข้างหลังผู้ชนะปะปนเลี่ยง
ได้ยินเสียงถือโอกาสไม่พลาดได้
ถือคำว่าอนุญาตขาดคำไป
นำหัวใจบัณฑิตแล้วคิดทาง (๔๐)

ทั้งข้าทาสบริวารทหารพร้อม	
คงมิยอมให้ปราชญ์ต้องขัดขวาง
เล่นสกากับนายเจ้าคงเข้าทาง
ไม่เหนื่อยอย่างออกแรงแล้วแต่งองค์ (๔๑)

จึงไปหยิบแก้วมณีมโนหร
เป็นทุนรอนเล่นพนันอันประสงค์
ควบม้าไปอินทปัตถ์ตัดสายตรง
เข้าถึงองค์ราชาไม่ข้าที (๔๒)

สนทนาว่าองค์พระทรงเดช
ทุกขอบเขตลือไกลในวิถี
ฝีมือองค์ทอดสกาในธานี
ใครฤามีมาเทียบสุดเปรียบเปรย (๔๓)

ข้าพเจ้านำมณีที่เพริศแพร้ว
ชื่อว่าแก้วมโนหรย้อนเฉลย
สารพัดนึกเห็นมิเร้นเอย
เพ่งพิศเลยเห็นทุกอย่างตามต้องการ (๔๔)

อาชาไนยเพิ่มเติมเสริมอีกอย่าง
เร็วเกินอ้างลมฟ้ามาเทียบฐาน
ผ้าแดงผูกเอวม้าออกมาลาน
รอบนครควบผ่านปานโบยบิน (๔๕)

เห็นเพียงแถบคาดแดงแสดงรอบ
วงแหวนครอบหลายทบมิจบสิ้น
แล้วจึงหยุดเลิกจ้ำหาน้ำกิน	
ในกระสินธุ์ม้าเดินได้บนใบบัว (๔๖)

มาเป็นทรัพย์เดิมพันในวันนี้
ผูกไมตรีกูลเกื้อองค์เหนือหัว
ทรงเชี่ยวชาญสามารถอย่าหวาดกลัว
รู้ดีชั่วกันไปว่าใครดี (๔๗)

เจ้าโกรพบอกว่าถ้าปราชัย
จะยกให้ไม่ขยักมีศักดิ์ศรี
ทั้งเล็กใหญ่สวรรยาในธานี
ปฐพีของเราจงเอาไป (๔๘)

เว้นไว้แต่เศวตฉัตรขัตติยะ
อัครมเหสีศรีสมัย
รวมตัวเราอีกองค์ที่ทรงไว้
ถ้าพอใจเดิมพันพนันเลย (๔๙)

พระราชาองอาจแต้มบาศก์เด่น
ได้สิทธิ์เล่นก่อนเพื่อนจึงเอื้อนเอ่ย
อธิษฐานองค์อารักษ์พิทักษ์เลย
มาพลิกบาศก์ดังเคยแล้วทอดไป (๕๐)

ด้วยฤทธิ์ยักษ์บังคับขยับบาศก์	
เห็นลางพลาดแต้มนั้นจึงหวั่นไหว
ก่อนตกพื้นยื่นมือมารับไว้
แล้วทอดใหม่อีกยกไม่ตกดิน (๕๑)

ทำเช่นนี้สามครั้งเพื่อรั้งพ่าย
ยักษ์ระคายรับได้ไม่จบสิ้น
ไม่รู้ผลแพ้ชนะนครินทร์
เพ่งกสิณเห็นนางฟ้ามาช่วยองค์ (๕๒)

ถลึงตาข่มขู่ว่ารู้น่ะ
นางจึงผละจากไกลไม่เสริมส่ง
สกาทอดอีกหนจึงหล่นลง
เห็นกันตรงแต้มแพ้แก่สายตา (๕๓)

จึงต้องยอมจำนนด้วยผลฟ้อง
ยักษ์เรียกร้องตามสิทธิ์คิดปรารถนา
ขอวิฑูรบัณฑิตเพื่อกิจจา
สวรรยามากองไม่ต้องการ (๕๔)

เจ้าโกรพว่าเรานั้นเคารพ	
และนอบนบในปราชญ์นักสมัครสมาน
เปรียบวิฑูรคือหัวใจไม่ประทาน
โปรดพิจารญ์ตามนี้ท่านชี้แจง (๕๕)

ปุณณกะจึงว่าถ้าอย่างนั้น
ขอทรงธรรม์เชิญปราชญ์มาอย่าแอบแฝง
ให้เจ้าตัวตัดสินธรรมนำแสดง
ว่าจักแย้งหรือยอมไปพร้อมเรา (๕๖)

0 จึงเล่าความสุจริตบัณฑิตสดับ
จึงตอบรับด้วยองอาจมิขลาดเขลา
บัณฑิตคือบริวารงานของเรา
ต้องเข้าเฝ้าเช้าสายถวายงาน (๕๗)

ปุณณกะว่ามีชัยนัยยะคู่
หนึ่งก็รู้ผลสกาชนะผ่าน
หนึ่งนั้นปราชญ์ตัดสินด้วยวิจารญ์
สมแก่กาลทีเดียวอย่าเหนี่ยวรั้ง (๕๘)

เจ้าโกรพแค้นใจในบัณฑิต
ไม่สมจิตกูลเกื้อเรื้อสมหวัง
จำใจยกแท้จริงไม่ชิงชัง
เพราะพลาดพลั้งสูญเสียละเหี่ยใจ (๕๙)

0 จึงขอฟังเทศนาก่อนลาจาก
ธรรมหลายหลากคลุมครอบตอบสงสัย
จบโอวาทเพียงพอขอตัวไป
ยักษ์ตัวใหญ่จึงเชิญให้เดินทาง (๖๐)

ท่านนักปราชญ์ขอเวลาลาญาติมิตร
ประกอบกิจให้เรียบร้อยค่อยปัดถาง
เพียงสามวันหมดภาระจึงละวาง
ยักษ์ให้ปราชญ์จับหางอาชาตน (๖๑)

แสร้งว่ารีบเดินทางว่าอย่างนั้น
ใจอยากบั่นชีวิตประสิทธิ์ผล
ต้องการเพียงหัวใจใช่ตัวตน
หวังให้ชนสิ่งกีดขวางร่างทำลาย (๖๒)

แล้วจึงขับอาชาผ่านป่าเขา
หวังฟาดเข้าในทางร่างสลาย 
แทรกต้นไม้ภูผาฆ่าให้ตาย
แหวกขยายเป็นช่องเมื่อต้องคน (๖๓)

คิดจะใช้ลมกรดบดฉีกร่าง
มิอาจสร้างแม้รอยข่วนชวนฉงน
เพราะแรงบุญบารมีที่ในตน	
เป็นเกราะทนคุ้มภัยไม่ราคิน (๖๔)

จึงวางแผนชักม้าตรงลงสู่เขา
ทิ้งกายเจ้าวิฑูรบนแผ่นหิน
แปลงเป็นยักษ์ให้ตกใจหทัยบิน
แกล้งจับกินฤาวิตกสะทกสะท้าน (๖๕)

จับร่างกายขว้างปาสิบห้าโยชน์
ไร้ประโยชน์เหมือนเดิมเพิ่มแรงผลาญ
ไกลกว่าเก่าสองเท่าคงเข้ากาล	
รูปสังขารปกติมิแตกยับ (๖๖)

จับสองขาพร้อมฟาดกับสิงขร
มิรู้ร้อนรู้หนาวก้าวขยับ
จะอย่างไรก็ไม่ตายหน่ายเกินรับ
พอดีกับบัณฑิตคิดถามความ (๖๗)

เพราะเหตุใดอยากให้ตายขยายนิด
มิเคยผิดหมองใจไม่เคยหยาม
ทั้งเทือกเขาเหล่าใดขยายนาม
ตอบมาตามจริงเถิดประเสริฐนัก (๖๘)

จึงเล่าความให้ฟังว่าครั้งนี้
ยอมราวีก็ทราบว่าบาปหนัก
พูดตามตรงอยากได้ใจแลกนงลักษณ์ 
เพราะความรักทำไปมิใช่เคือง (๖๙)

0 ปราชญ์ได้ยินเรื่องราวที่กล่าวอ้าง	
รู้กระจ่างด้วยสามารถและปราดเปรื่อง
วิมลาต้องการธรรมนำประเทือง
มิใช่เรื่องฆ่าแกงแบ่งหัวใจ (๗๐)

คิดสั่งสอนยักษ์ดูให้รู้สึก
ด้วยห้วงลึกเมตตาจะหาไหน
บอกวางก่อนแล้วค่อยฆ่าว่ากระไร
ยักษ์ครวญใคร่คิดวาดโอวาทมี (๗๑)

วิฑูรว่ากายเรานั้นหมักหมม
ทั้งโสมมหนักหนาหมดราศี
ปุณณกะจึงโสรจสรงน้ำหอมดี
เจริญศรีเอื้อนโอษฐ์โอวาทธรรม (๗๒)

ว่าสาธุนรธรรมล้ำประโยชน์
จะรุ่งโรจน์เป็นคนดีมิถลำ
สี่ประการทำให้เห็นเป็นประจำ
สี่ข้อธรรมตามนี้ท่านชี้แจง (๗๓)

0 หนึ่งให้เดินตามบุคคลผู้เดินก่อน
พึงสังวรผู้มีคุณจุนเจือแฝง
ต้องตอบแทนบุญคุณอย่าเคลือบแคลง 
ถ้อยแถลงให้ฟังช่างขัดเกลา (๗๔)

สองอย่าเผามือที่ชุ่มนั้นลุ่มลึก
โปรดตรองตรึกอาศัยใครในเรือนเขา
ประสงค์ร้ายอย่าคิดสะกิดสะเกา
ควรจะเฝ้าดูแลอย่าแชเชือน (๗๕)

สามอย่าคิดประทุษร้ายขายเพื่อนพ้อง 
แม้เขาไม่เรียกร้องต้องนึกเหมือน
ใจของเขาดังใจเราเข้าใจเตือน
อย่าเชือดเฉือนแม้ถ้อยคำดำริความ (๗๖)

สี่อย่าลุอำนาจปราชญ์ทรงศีล
อย่าได้หมิ่นควรให้เกียรติอย่าเหยียดหยาม
อย่าลุ่มหลงสตรีพลีเพื่อกาม
ตะกละตะกรามทำชั่วกลัวกรรมเวร (๗๗)

0 ปุณณกะได้ยินสิ้นความอยาก
รู้ผิดมากครบองค์ใจตรงเถร
ละอายใจในบาปกราบประเคน
อย่าจองเวรกันเลยพร้อมเผยใจ (๗๘)

อันตัวเราเป็นหลานท้าวเวสสุวรรณ	
มาพลิกผันผิดทางสร้างกรรมใหม่
เพราะผู้หญิงคนเดียวเชียวหรือไร
สำนึกได้ไม่สายเมื่อปลายมือ (๗๙)

จะได้คู่หรือร้างช่างมันเถอะ
เลิกเลอะเทอะงมงายคลายยึดถือ
ไม่เสียเกียรติทำชั่วให้โลกลือ
ไม่คิดยื้อบัณฑิตคิดส่งคืน (๘๐)

วิฑูรว่าควรไปบาดาลก่อน
ค่อยคิดย้อนกลับเมืองไปไม่ขัดขืน
พรหมวิหารทั้งสี่นี้จุดยืน
หมายหยิบยื่นองค์ธรรมเทศนา (๘๑)

จึงเดินทางมุ่งหน้าบาดาลสมุทร
ควบไม่หยุดอาชาตัวเดิมหนา
ยักษ์อยู่หน้าปราชญ์นั่งหลังบังกันมา
ถึงธราแว่นแคว้นแดนบาดาล (๘๒)

0 ท้าววรุณนาคราชดำรัสถาม
ว่าได้ความอันใดให้กล่าวขาน
ใจของเจ้าวิฑูรที่ต้องการ
อยู่สถานที่ใดให้บอกที (๘๓)

ปุณณกะตอบเลี่ยงว่าเพียงพบ
นำมาครบสามสิบสองไม่หมองศรี
จงรับฟังโอวาทปราชญ์ที่มี
พ้นพาทีนำปราชญ์ปรากฎกาย (๘๔)

พญานาคเห็นบัณฑิตไม่น้อมกราบ
ศิโรราบบังคมสมถวาย
จึงถามว่าไม่กลัวหรือถือสบาย
ปราชญ์ขยายเนื้อความว่าตามจริง (๘๕)	

ในบัดนี้ข้าพเจ้าเป็นนักโทษ	
ไร้ประโยชน์ไหว้เปล่าเพราะเข้าปิ้ง
พระองค์สั่งผ่าหัวใจไม่ประวิง
ควรหรือยิ่งบูชาคิดฆ่าตน (๘๖)

พญานาคยอมรับกับคำตอบ
ปราชญ์มองรอบเห็นสมบัติใม่ขัดสน
ดูสมบูรณ์พูนสุขช่างเหลือล้น
ท่านเป็นคนสร้างสมหรืออย่างไร (๘๗)

พญานาคบอกไปไม่สะสม
ทรัพย์ทับถมด้วยบุญหนุนสดใส
ชาติก่อนนั้นมีศรัทธาให้ทานไป
ทั้งพราหมณ์ไพร่ยาจกไม่ตกเลย (๘๘)

จึงจุติมาเกิดเป็นนาคราช
เสวยราชสมบัติเลิศด้วยเปิดเผย
ถ้าทำทานได้ผลดีเช่นนี้เอย
ไยละเลยทำทานในกาลนี้ (๘๙)

พญานาคบอกเมืองตนไร้คนยาก
หาลำบากชีพราหมณ์ตามวิถี
ทำอย่างไรจะให้ทานช่วยบอกที
จะได้มีทรัพย์เพิ่มเสริมเข้ามา (๙๐)

แม้มิอาจให้ทานด้วยวัตถุ
ก็บรรลุการให้ในเทศนา
เพียงพระองค์ตั้งจิตแท้แผ่เมตตา
ทั้งนาคาไกลใกล้ได้รับบุญ (๙๑)

ก็เป็นการให้ทานผสานผสม	
น่านิยมอภัยทานท่านควรหนุน
ได้ฟังธรรมเทศนาอันการุณย์
จิตละมุนกูลเกื้อวิมลา (๙๒)

วิมลาสดับธรรมล้ำปิติ
สมจิตติตั้งใจในปรารถนา
ยินดียกอิรันทตีตามสัญญา
ให้ยักษาปุณณกะเป็นคู่ครอง (๙๓)

0 ปุณณกะไปส่งวิฑูรด้วย
จึงร่ำรวยความชอบเป็นรอบสอง
วิฑูรนั่งด้านหน้าปุณณกะรอง
สุดท้ายต้องอิรันทตีนี้สามคน (๙๔)

ขับอาชามาถึงอินทปัตถ์
ร่ายมนต์ชัดกำบังดังล่องหน 
ปรากฎกายเพียงวิฑูรสู่แดนตน
สองตัวตนยักษ์นาคก็จากไป (๙๕)

สู่เทวโลกครองคู่ช่างชู้ชื่น
ก็ราบรื่นจนสิ้นอายุขัย
ส่วนพระเจ้าโกรพสบพระทัย
ฉลองใหญ่ต้อนรับปราชญ์กลับมา (๙๖)

หนึ่งเดือนนั้นจัดงานมโหสพ
เลิกเล่นครบการพนันนั้นมิจฉา
ครองแผ่นดินโดยธรรมพระนำพา
ครองพาราร่มเย็นเห็นทั่วกัน (๙๗)

ท่านได้รับอะไรจากเรื่องนี้
ปัญญามีนำตัวรอดในคับขัน
หายยะคือหนทางวางเดิมพัน
การพนันไม่เคยให้คุณใคร (๙๘)

ตั้งสติไตร่ตรองต้องครวญคิด
ธรรมลิขิตหนทางสว่างไสว
ตั้งมั่นในความดีทุกจิตใจ
ผลส่งให้สุขสันต์ทั่วกันเอย (๙๙)	

..

คติธรรม : บำเพ็ญสัจจบารมี

เหตุแห่งความพิบัติคือการพนัน และการมีเมตตาจิตย่อมส่งผลให้ได้รับเมตตาจิตตอบด้วยในที่สุด				
8 มกราคม 2548 13:29 น.

ไม้อ่อน

กุ้งหนามแดง


0 สนุกสนานเบิกบาน.................ตอกย้ำสำราญ
   ผ่านเสาร์ที่สองมกรา
0 วันเด็กแห่งชาติอีกครา...........ระลึกคุณค่า
   ไม้อ่อนกำลังสำคัญ
0 จะต้องเติบโตในวัน................ผลิใบประชัน
    ทบทันแทนใบร่วงโรย
0  หยาดฝนสั่งสอนวอนโปรย.....อย่าขาดอาจโหย
    เมตตาบำรุงเลี้ยงไป
0  กำจัดศัตรูสู่ใจ.......................หลงผิดเรื่องใด
    อบรมให้เห็นทางควร
0  ถ้อยคำน้ำชุ่มนุ่มนวล.............ดินนั้นหมั่นพรวน
    ชี้ชวนศึกษาถูกทาง
0  อุ้มชูด้วยรักจักวาง.................กลีบใบยังบาง
    เคียงข้างประคับประคอง
0  หลากต้นร่วมพ้องปรองดอง....รักกันพี่น้อง
    เกี่ยวข้องพึ่งพาอาศัย
0  มินานไม้แก่แน่ใจ................ล้มครืนฟื้นไม่
    เป็นได้แค่ซากทับถม
0  ไม้งามตามรุ่นหนุนชม...........เจริญเหมาะสม
    มอบร่มเงาทางสร้างคุณ
				
8 มกราคม 2548 13:25 น.

ศอกกลับ

กุ้งหนามแดง


อยากขอขอบคุณ....บทเรียนคนคุ้น....อบอุ่นเคยมา
สอนให้รู้จัก....ความรักศักดา....รู้ซึ้งคุณค่า....หาสูงเทียมคิด

ยามสุขร่วมฝัน....ลืมคืนลืมวัน....ตาบอดหูปิด
ไม่เคยเตรียมใจ....ปล่อยใครลิขิต....ชี้นำชีวิต....ผิดทางห่างกัน

เหลือเพียงรอยแผล....ทรงจำยามแล....มีแต่โศกศัลย์
ก้อนหินขมขื่น....หยิบยื่นรำพัน....เสียใจใช่ปั้น....เสกสรรวาจา

นึกแล้วจุกอก....น้ำตาไหลตก....กอดกกเวทนา
เจ็บช้ำเมื่อกำ....หินตำมือชา....ยิ่งแน่นยิ่งล้า....ทรมานตนเอง

อยากปามันทิ้ง....เลิกลืมทุกสิ่ง....ระทมข่มเหง
หรือเก็บมันไว้....สอนใจให้เกรง....รักเองช้ำเอง....เผื่อเก่งหลอกคืน..
..
				
Calendar
Lovings  กุ้งหนามแดง เลิฟ 56 คน

วฤก

โคลอน

หมอกจาง

เชษฐภัทร วิสัยจร

เพียงพลิ้ว

อัลมิตรา

ฤกษ์ ชัยพฤกษ์

พี่ดอกแก้ว

แทนคุณแทนไท

แก้วประเสริฐ

แมงกุ๊ดจี่

ประภัสสุทธ

รการต์

บินเดี่ยวหมื่นลี้

ร้อยฝัน

หิ่งห้อยน้อยใจ

ลักษมณ์

ผู้หญิงช่างฝัน

ก้าวที่...กล้า

กวีปกรณ์

-ร้อยแปดพันเก้า-

เพรง.พเยีย

เฌอมาลย์

ครูพิม

คอนพูทน

ก่องกิก

ลานเทวา

อินสวน

พิมญดา

ยาแก้ปวด

กันนาเทวี

กิ่งโศก

ครูกระดาษทราย

แก้วประภัสสร

KIRATI

virismara

แกงเขียวหวาน

คนกรุงศรี

มวลภมร

ดาวศรัทธา

cicada

เปลวเพลิง

หญิงบ้า

เ ที ย น ห ย ด

din

สีเมจิก

นักสืบไร้ชื่อ

ชากร

บุญพร้อม

แย้ม ไกลวันเกิน

พระจันทร์แสงนวล

Jackie

ไผ่ลู่ลมม

ศรีปาด เฟสเก่าโดนระบบลบเฉยเลย

Prayad

Parinya

Lovers  1 คน เลิฟกุ้งหนามแดง
Lovings  กุ้งหนามแดง เลิฟ 3 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกุ้งหนามแดง