17 กันยายน 2547 14:07 น.
กุ้งหนามแดง
ฉันมิใช่จักรยานไร้อะไหล่
หรือมอไซด์คันใหม่ให้เธอเข็น
ใช่สามล้อเธอใช้ขายหวานเย็น
หากฉันเป็นคนนี้ที่เธอจอง
เธอมิใช่เต้นท์ขายรถหลายอย่าง
หรือที่ว่างจอดหมดรถทั้งผอง
ใช่โชว์รูมหรูหราสง่าครอง
หากเธอเป็นที่ปองลองหยุดพัก
ฉันมิใช่ทางหลวงควงขับส่าย
หรือทางทรายฝืนไถลจนไร้หลัก
ใช่ลูกรังตีฝุ่นวุ่นวายนัก
หากฉันเป็นทางรักปักธงล้อม
เธอมิใช่สัญญาณไฟในคับขัน
หรือแผงกั้นห้ามดื้อหนังสือผอม
ใช่ห้ามเลี้ยวห้ามบึ่งจึงต้องยอม
หากเธอเป็นที่ถนอมล้อมดวงใจ
ฉันมิใช่นักซิ่งต้องวิ่งแข่ง
หรือตะแบงนอกกฎจำจดไหว
ใช่เกเรเป๋ปัดขัดขาใคร
หากฉันมีน้ำใจไม่ชังชิง
เธอมิใช่เดินนานพาลอ่อนล้า
หรือชอบมาผึ่งพุงกระหนุงกระหนิง
ใช่สิ้นไร้ความรักเชิญพักพิง
หากเธอคือโสดจริงยิ่งต้องมา
16 กันยายน 2547 10:04 น.
กุ้งหนามแดง
จับมือ คือชัด หัดเขียน
พากเพียร เรียนรู้ ดูผล
เริ่มต้น บ่นยาก มากกล
สับสน ทนสู้ ครูนำ
บังคับ จับจ้อง ต้องแม่น
อกแอ่น แบนราบ ภาพขำ
พูดย้ำ พร่ำค่า อย่าทำ
คำซ้ำ จำงด จดทวน
แต่งองค์ ทรงเครื่อง เรื่องใหญ่
ของใหม่ ใส่หรา ฮาสรวล
รักเทอ เธอบอก หลอกกวน
เรรวน หวนไห้ ไว้แนว
ฝนตก พกร่ม สมเหตุ
ตรงเจตน์ เขตมั่น กั้นแถว
เสียงสูง พุ่งปรี๊ด กรีดแวว
เคยแหวว แคล้วคลาด พลาดเอย
คงเส้น เน้นท่า น่าจีบ
เร่งรีบ บีบรัด พลัดเขย
รักหรอก บอกหลาม ทรามเชย
ถามเคย เอ่ยปัด ขัดความ
..
16 กันยายน 2547 09:59 น.
กุ้งหนามแดง
มิถิลานครก่อนมีกฏ
เป็นแม่บทดำรงเผ่าวงศา
กษัตริย์ใดสืบสมบัติวัฒนา
จนเกศาหงอกขาวหมดคราวกัน (๑)
ต้องยกราชบัลลังก์ยังโอรส
ตนถือพรตในไพรสณฑ์จนสิ้นขันธ์
ได้ยึดถือปฏิบัติเคร่งครัดครัน
จนถึงวันขัตติย์วงศ์องค์สุดท้าย (๒)
คราครั้งนั้นเทพบุตรเนมิราช
เห็นจะขาดราชนิกูลสูญสลาย
จึงจุติลงมาหาดูดาย
เพื่อสืบสายเผ่าพงศ์วงศ์ไวกูณฐ์ (๓)
เหล่าบรรดาโหราต่างเห็นพ้อง
พระบุตรต้องสืบสานผ่านไอศูรย์
ตามแบบแผนกำหนดบทประยูร
จึงกราบทูลถวายนามตามตำรา (๔)
พระโอรสปรากฏนามเนมิราช
บำรุงราษฏร์มิขาดศาสนา
ครั้นราชาภิเษกเฉกก่อนมา
มีศรัทธาให้ตั้งศาลาทาน (๕)
ทั้งห้าแห่งคือประตูเมืองทั้งสี่
และอีกที่กลางนครยังย้อนขาน
บริจาคผู้ขัดสนจนกันดาร
บริบาลประชาศีลาธรรม (๖)
ทรงตั้งมั่นในกฎทศพิธ
ราชธรรมนำจิตติดเนกขัม
โปรดสั่งสอนทั้งหมดกฎแห่งกรรม
ราชกิจประจำสอนทำดี (๗)
ครั้นบุคคลเหล่านั้นสิ้นอายุ
ก็บรรลุเทวโลกโศลกศรี
ต่างไม่ทราบเนื้อบุญหนุนจิตตี
ทำความดีอะไรไต่ถามกัน (๘)
เมื่อต่างทราบว่าเคยฟังคำสั่งสอน
ของบวรเนมิราชมิพลาดผัน
ใคร่ขอเฝ้าพระองค์เห็นตรงกัน
ทูลทราบพลันท้าวสักกะอินทรา (๙)
ท้าวสักกะองค์อินทร์ครองถิ่นสรวง
ทราบทั้งปวงมีดำรัสจัดรถา
มาตุลีเจ้าลงไปเชิญท่านมา
สมศักดาไพชยนต์ขับพ้นไป (๑๐)
เมื่อมาถึงจึงเชิญดำเนินเสด็จ
จึงแจ้งเจตนาพาสดใส
ทิพย์วิมานมิเคยเห็นเป็นเช่นไร
ตกลงใจเดินทางระหว่างภพ (๑๑)
มาตุลีสารถีมีฤทธิ์เดช
ทั่วทุกเขตเคยไปได้ประสบ
จึงทูลเชิญเนมิราชด้วยเคารพ
ดูให้ครบทั้งนรกพระตกลง (๑๒)
แล้วจึงขับราชยานสู่ลานบาป
ก็เห็นภาพเหล่ามนุษย์สุดโลภหลง
บ้างเปลือยกายล่อนจ้อนต้อนขึ้นลง
งิ้วเป็นดงหนามแหลมทิ่มแทงกาย (๑๓)
หมาใต้ต้นคอยรบไล่ขบกัด
เห็นชัดชัดเลือดสาดไม่ขาดสาย
พอหนีถึงยอดต้นมิพ้นตาย
อีการ้ายบินโฉบโอบไปกิน (๑๔)
เหลือกระดูกทิ้งครืนพื้นนรก
ก็เวียนวกเป็นชีวิตนิจศีล
ต้องขึ้นงิ้วหนีหมาอีกากิน
กว่าจะสิ้นกรรมนั้นตั้งพันปี (๑๕)
ทอดพระเนตรพื้นเพลิงระเริงลุก
คนล้มลุกคลุกคลานกระซ่านหนี
ภูเขาเหล็กกลิ้งทับดับชีวี
เนื้อหนังดีแหลกเหลวเปลวเครื่องใน (๑๖)
ตายแล้วเกิดมาหนีคีรีกลิ้ง
มิอาจทิ้งกรรมเก่าร้อนเร่าไหว
เนมิราชเอ่ยถามถึงความนัย
กรรมอะไรทำผิดจึงติดตัว (๑๗)
เป็นหมอความเจ้าเล่ห์ช่างเป๋ปัด
เป็นคนตัดสินคดีวจีชั่ว
ผิดเป็นถูกถูกเป็นผิดไม่คิดกลัว
หลงเมามัวอามิสติดสินบน (๑๘)
แล้วเบื้องหน้าคืออะไรใช่คนไหม
ตัวสูงใหญ่ไร้ปากทุกข์ยากผล
มือสองข้างมโหฬารบานพิกล
แถมเปลือยตนอุจาดขาดอาภรณ์ (๑๙)
มาตุลีบอกองค์พระทรงเดช
นั่นคือเปรตใช้กรรมตามหลอกหลอน
เคยทำร้ายพ่อแม่แลต่อกร
ด่ายอกย้อนไม่ละแม้พระเณร (๒๐)
ปากจึงเท่ารูเข็มเล็มโลหิต
ทั้งชีวิตอดโซมือโตเห็น
ต้องลากแขนทั้งสองร้องลำเค็ญ
โหยหวนเป็นอาจินต์จนสิ้นกรรม (๒๑)
ฝ่ายสักกะองค์อินทร์ถิ่นสวรรค์
ไปรับกันถึงไหนไยถลำ
เกรงจะหมดอายุขัยพระทรงธรรม
ทิพย์เนตรส่องนำตามทำนอง (๒๒)
เห็นสององค์ทัศนาแดนนรก
จึงวิตกตรัสให้ตามปรามทั้งสอง
เวลาโลกเนมิราชจะขาดครอง
ชวนะเจ้าลองไปตามมา (๒๓)
ชวนะเทพบุตรสุดขยัน
เร่งรุดพลันส่งความให้ตามหา
มาตุลีแสดงฤทธิ์ประสิทธา
นรกมาอยู่ตรงหน้าทุกอาการ (๒๔)
แล้วทูลเชิญสู่วิมานผ่านทุกชั้น
ก็ลดหลั่นตามบุญอุดหนุนฐาน
เป็นไปตามกุศลผลบุญทาน
เมื่อเสร็จการจึงตรงองค์อินทรา (๒๕)
เหล่าปวงเทพเข้าเฝ้าเนมิราช
เชิญครองอาสน์แดนสวรรค์ให้หรรษา
เนมิราชไม่ประสงค์คงเมตตา
จะตั้งหน้าสอนธรรมจงทำดี (๒๖)
เพื่อประโยชน์มวลรวมแก่ชาวโลก
จะหลุดโศกทิ้งทุกข์เป็นสุขขี
พระตั้งใจบำเพ็ญบารมี
สละพลีประโยชน์ตนเพื่อผลรวม.. (๒๗)
..จบเรื่องเนมิราช..
15 กันยายน 2547 10:46 น.
กุ้งหนามแดง
เห็นเพลงยาวมากมายดารดาษ
ล้วนสามารถเลิศล้ำช่างฉ่ำหวาน
อักษราเต็มกระปุกคลุกน้ำตาล
ในเนื้อกานท์สานไมตรีและชี้ชวน
บ้างชมนกชมไม้ใช้คำเหมาะ
บ้างมาเกาะรั้วแซวตามแนวสวน
บ้างตัดพ้อล้อเล่นตามเป็นพรวน
บ้างก็ง่วนชี้ทางหมายสร้างคน
บ้างพ่อแง่แม่งอนสอนบทรัก
บ้างอกหักพักใจไม่หวังผล
บ้างมุ่งหน้าบาลีมีปะปน
บ้างนำชนไปเที่ยวเกี่ยวก้อยกัน
เชิญรับฟังตามแนวแล้วแต่ชอบ
และขอขอบคุณมิตรคิดสร้างสรร
มาจับมือร้อยกรองพวกพ้องกัน
สร้างสวรรค์ในเน็ตเพชรกวี..
..
14 กันยายน 2547 11:59 น.
กุ้งหนามแดง
เดินโดดเดี่ยวเดียวดายริมชายหาด
เสียงซัดสาดซบทรายหาหน่ายแหนง
ระลอกแล้วระลอกเล่าเฝ้าแสดง
ไร้รุนแรงรุ่มร้อนย้อนไปมา
คลื่นสวาทคลาดแสวงหมดแรงยุด
บริสุทธิ์จริงใจไร้วาสนา
ไม่มีเล่ห์เพทุบายหลายมายา
ถูกตีตราแค่ซื่อสื่อทดลอง
ย่ำเหยียบย้อนเย็นเยียบเทียบสายน้ำ
คร่ำครวญคำคนเคยเปรยให้หมอง
ทนทุ่มเทที่แท้แค่ละออง
คิดคู่ครองคบค้าก็ล้าใจ
อยากจะทิ้งสิ่งเศร้าเป็นเป้าหมาย
ฝังผืนทรายให้หมดบทอ่อนไหว
ฝากสัญญาแม่คงคาก่อนลาไกล
ลูกจะไม่หวนกลับมารับคืน..
...