17 ธันวาคม 2547 17:06 น.
กุ้งหนามแดง
ไม่เคยรู้ตัวเลยไม่เคยคิด
สำคัญผิดมิตรแท้แน่หนักหนา
เข้าไม่ถึงสาเหตุเจตนา
จึงตีค่าเพียงเพื่อนกลับเฉือนใจ
ไม่เคยรู้ว่าทำร้ายคนใกล้ชิด
คนสนิทข้างตนเขาหม่นไหม้
จะคอยเช็ดน้ำตาสาอะไร
ถ้ารู้นัยสักนิดไม่ปิดบัง
ไม่เคยรู้ว่าหวั่นไหวยามไกลจาก
คิดถึงมากสับสนเรื่องหนหลัง
แสนเสียดายปล่อยหลุดมือเกินยื้อยัง
ต้องมานั่งเดียวดายสายเกินการ
ไม่เคยรู้คนดีตีตัวห่าง
มาทิ้งขว้างเพราะชินชากล้าประหาร
มาหลบลี้หนีหน้าลาร้าวราน
คนใจมารคือฉัน..นั้นหรือไร..
..
17 ธันวาคม 2547 09:21 น.
กุ้งหนามแดง
สอนก็รับสอนก็เรียนจะเพียรฝึก
ทนฝนหมึกทนตรึกตรองทดลองเขียน
สัปหงกสับมะเหงกเอกนั่นเทียน
ไม่เคยเปลี่ยนไม่งอแงตามแก้ตัว
เป็นเด็กดื้อเป็นบัวมั่วใต้น้ำ
คอยเช้าค่ำคอยครูรู้ปวดหัว
นักเรียนรั้นนักหนาอย่านึกกลัว
ความเมามัวความหลงและก๊งมี
มาหัดกลอนมาสนใจตอนใกล้ฝั่ง
รู้เรื่องมั่งรู้น้อยด้อยศักดิ์ศรี
รักจะเพาะรักปันไม้พันธุ์ดี
รอฝนนี้รอปุ๋ยพุ้ยดินดอน
ดันทุรังดันไม่ขึ้นมึนมากแล้ว
เคยกินแห้วเคยไฟมอดบอดอักษร
ด้อยทั้งจินต์ด้อยจำหลักจักเว้าวอน
แนะนำก่อนแนะฉันนิดคิดเมตตา
จากมือน้อยจากจิตผลิตถ้อย
จะเรียงร้อยจะสานต่อก่อภาษา
ด้วยตั้งใจด้วยมุ่งมั่นจรรยา
จึงแวะมาจึงไหว้ครูเพราะรู้คุณ
ไร้รูปเทียนไร้ไม้หอมน้อมเคารพ
อาจไม่ครบอาจไม่มีพิธีหนุน
ตั้งจิตใจตั้งพิสุทธิ์พุทธคุณ
โปรดเกื้อหนุนโปรดอบรมบ่มให้ดี
กรรมวิธีกรรมรูปชัดบรรทัดฐาน
ช่วยตรวจงานช่วยขยับปรับวิถี
ถูกแบบแผนถูกหลักไทยในวลี
รับไมตรีรับศิษย์รักอีกสักคน
กลอนคมในฝัก
รูปแบบ: X00 X0 000
ซ้ำคำที่ ๑ กับคำที่ ๔ ทุกวรรค รับสัมผัสตามแบบกลอน ๘
16 ธันวาคม 2547 10:13 น.
กุ้งหนามแดง
อภัยให้ผมสักนิด
ที่ตามติดเป็นเงาเคล้าแข้งขา
กระดิกหางทักทายหลายเพลา
ทั้งเรียกหาเห่าหอนตอนคุณไกล
อภัยให้ผมสักหน่อย
ผมไม่ค่อยเรียบร้อยสักเท่าไร
ตะกุยตะกายเสื้อผ้าว้าวุ่นไป
อยากชิดใกล้ให้รู้ว่าอยู่เคียง
อภัยให้ผมนะครับ
ในบางทีผมงับเกินปรับเลี่ยง
แค่หยอกเย้าใช่ขย้ำทำมองเมียง
ก็แค่เพียงลับฟันเท่านั้นเอง
อภัยให้ผมเถอะนะ
หมดภาระของวันมันต้องเค้ง
ขอนอนหลับสักตื่นก่อนครื้นเครง
พอตื่นมาค่อยบรรเลงเพลงอ้อนเอย..
15 ธันวาคม 2547 09:02 น.
กุ้งหนามแดง
อีกนานไหมลบเลือนเพื่อนคนเก่า
คนที่เขาทำร้ายเธอหลายหน
สักเท่าไรความหลังในวังวน
จะหลุดพ้นจากใจไม่ฝังจำ
เขาบอกลาส่งท้ายวันพ่ายแพ้
มันก็แค่ประสบการณ์ผ่านถลำ
มันก็แค่เส้นประความระกำ
เดินคะมำครั้งหนึ่งไม่ถึงตาย
โปรดลุกขึ้นก้าวใหม่เลิกไหวหวั่น
ไยปิดกั้นความคิดเพียงผิดสาย
โลกเปิดกว้างข้างหน้าเพียงกล้ากราย
ทุกข์ทั้งหลายโยนบ้างลงข้างทาง
มิได้หวังแทนที่คนหนีหน้า
และมิได้แวะมาเพื่อถางถาง
เป็นเพียงเส้นคู่ขนานพาดผ่านกลาง
แค่วิถีตีวางให้ห่างภัย
บางหนทางมากมีอุปสรรค
เพียงใจรักเดินทางทุกอย่างใกล้
ขอเพียงเธอเข้มแข็งหัดแบ่งใจ
ฝ่าฟันไปถึงจุดหมายด้วยกายตน..
9 ธันวาคม 2547 11:18 น.
กุ้งหนามแดง
บุปผวดีธานีหนึ่ง
เจ้าผู้ซึ่งครองอำนาจวาสนา
ทรงพระนามเอกราชกษัตรา
มเหสีนามาโคตมี (๑)
จันทกุมารนั้นหรือคือโอรส
พระยิ่งยศมหาอุปราชองอาจศรี
ปุโรหิตกัณฑหาลคนพาลมี
พิพากษาอรรถคดีมีลวดลาย (๒)
ที่ว่าถูกเป็นผิดติดฉ้อฉล
ทุกการกลโกงกินไม่สิ้นสาย
อยากชนะใช้ทรัพย์ปรับสบาย
คอยให้ร้ายลูกความตามเงินตรา (๓)
0 ในครั้งหนึ่งปุโรหิตกัณฑหาล
รับสินบนว่าการพิพากษา
ถูกเป็นผิดอย่างที่เอ่ยเคยทำมา
ผู้ปราชัยก้มหน้าน้ำตาริน (๔)
คนผู้นั้นร่ำไห้ใกล้ทางผ่าน
จันทกุมารเสด็จไปในท้องถิ่น
จึงสอบถามความเป็นมาเหตุราคิน
เล่าจนสิ้นเรื่องราวคราวเคราะห์กรรม (๕)
พระโอรสฟังความตามที่เล่า
จึงให้เจ้าปุโรหิตจิตใจต่ำ
ไปหยิบเรื่องข้อพิพาทปัดฝุ่นทำ
นำมาย้ำสอบสวนใหม่ในทันที (๖)
ฝ่ายถูกนั้นจึงชนะผละจากทุกข์
ฝ่ายสิ้นสุขเคืองขัดยากปัดสี
ตัดสินใหม่กลับจากเดิมเสริมความดี
ยุติธรรมนำชี้วิถีทาง (๗)
ประชาชนฟังคำพิพากษา
ต่างหรรษาทั่วรัฐมิขัดขวาง
ปุโรหิตแสดงตนคนปล่อยวาง
จิตใจสร้างอาฆาตพลาดเป็นตาย (๘)
เสียงโห่ร้องก้องกู่สู่กษัตริย์
มีดำรัสถามความตามขยาย
เหตุไฉนราษฎร์ยินดีช่วยคลี่คลาย
ฝ่ายอำมาตย์ทูลถวายในเนื้องาน (๙)
เหตุเพราะราชโอรสได้ปลดแอก
ได้เข้าแทรกพิพากษาว่าความศาล
ยุติธรรมดำรงทรงประทาน
พวกชาวบ้านแซ่ซ้องยินก้องไป (๑๐)
พระราชามีรับสั่งตั้งแต่นี้
ทุกคดีอุปราชตัดสินได้
กัณฑหาลพ้นตำแหน่งแจ้งทันใด
ประชาชนอวยชัยถวายพระพร (๑๑)
0 ณ.ราตรีพระราชาเอกราช
บรรทมลาดเสวยสวรรค์บรรจถรณ์
ทรงสุบินนิมิตติดขาดตอน
เมื่อทรงย้อนคำนึงจึงเสียดาย (๑๒)
ฝันว่าได้ไปเข้าดาวดึงส์
สาวสวรรค์สุดซึ้งพึ่งสลาย
อีกสมบัติขององค์อินทร์อันมากมาย
ยังงมงายอยากฝันต่อขอเรื่องเดิม (๑๓)
ทำอย่างไรก็ไม่ฝันเรื่องนั้นหนา
รุ่งเช้าว่าราชการงานส่งเสริม
จึงสอบถามปุโรหิตคิดต่อเติม
ทำอย่างไรได้เพิ่มทรัพย์เทวา (๑๔)
ปุโรหิตบอกไม่ยากลำบากนิด
พลีชีวิตบูชายัญมันหนักหนา
สมบัติทิพย์แลกของรักหนักอุรา
บุตรธิดามเหสีปลิดชีวัน (๑๕)
อีกอาชาช้างแก้วหาแคล้วคลาด
มิผิดพลาดรวมเศรษฐีต้องพลีขันธ์
เลือดลำคอไหลบ่าบูชายัญ
ทรัพย์สวรรค์ตกถึงมือคือคำลวง (๑๖)
ด้วยความโลภบังตาราชานั้น
เตรียมการพลันไม่คิดตะขิดตะขวง
จันทกุมารทัดทานมิผ่านทรวง
ยังติดบ่วงโลภะตะกรุมตะกราม (๑๗)
ปุโรหิตเร่งรุดให้ขุดหลุม
เตรียมฆ่าสุมบูชายัญบั่นขวากหนาม
ความเคียดแค้นรอสะสางช่างใจทราม
ใจของพราหมณ์กัณฑหาลยากผ่านกรรม (๑๘)
ครั้นโอรสธิดามาขอร้อง
ทรงเห็นพ้องว่าจิตคิดถลำ
กัณฑหาลกราบทูลว้าวุ่นทำ
ตรัสคืนคำถูกครหานินทาเอย (๑๙)
พระราชาโมหะคลุมตกหลุมพ่วง
ฆ่าทั้งปวงใครพูดมากปากเสียเหวย
เตรียมพิธีพร้อมหรือยังฆ่าฝังเลย
อย่าอยู่เฉยเตรียมการไว้ให้ทันควัน (๒๐)
พระเจ้าหลวงผู้ชนะเคยปะศึก
บอกให้ตรึกตรองก่อนจงผ่อนผัน
พระราชาไม่รับฟังยังดึงดัน
สมบัติสวรรค์อยากได้ในปฐพี (๒๑)
จึงให้คุมมเหสีและโอรส
พระธิดาปรากฏรวมเศรษฐี
อีกช้างแก้วม้าแก้วอย่างละสี่
เตรียมมาพลีร่างกายหมายบูชา (๒๒)
จันทกุมารกล่าวว่าสมบัติทิพย์
ได้โดยริบชีวิตคิดแลกหา
ไยพราหมณ์เว้นสละบุตรภริยา
เจตนาเห็นชัดใช่สัตย์จริง (๒๓)
เพราะพราหมณ์นั้นมีจิตอกุศล
คงหวังผลกำจัดลูกผูกเวรสิง
ทั้งฉ้อราษฎร์บังหลวงถูกช่วงชิง
แกจึงยิ่งเกลียดชังหวังให้ตาย (๒๔)
เพราะฉะนั้นบูชายัญเพียงหม่อมฉัน
สมใจมันหมดเคืองเรื่องทั้งหลาย
อย่าให้ใครร่วมชะตาพาวอดวาย
อย่ากระหายในทรัพย์โปรดปรับใจ (๒๕)
พระราชาไม่เชื่อเหลือจะกล่าว
พราหมณ์ให้บ่าวปิดประตูกันกรูใกล้
เกรงประชามาทำลายพิธีไป
เตรียมถาดไว้รองเลือดพระกุมาร (๒๖)
0 ฝ่ายจันทาเทวีศรีชายา
ของมหาอุปราชช่างอาจหาญ
ทรงอ้อนวอนให้ยกโทษพระกุมาร
โปรดประหารนางแทนเพื่อแคว้นเรา (๒๗)
พระราชาไม่โปรดตามคำขอ
ยังคงรอทำพิธีมีความเขลา
พระชายาทรงทราบว่ามัวเมา
นางจึงเฝ้าตั้งจิตคิดสัจจา- (๒๘)
อธิษฐานผ่านเทพไท้ให้เทวะ
ถ้ากัณฑะหาลพราหมณ์ทรามหนักหนา
ไร้ศีลธรรมทำบาปอาบบีฑา
เจตนาทำลายล้างอ้างทรัพย์ลม (๒๙)
ขอพิธีบูชายัญพลันสลาย
สวามีรอดตายหายขื่นขม
ด้วยสัจจาธิษฐานผ่านประนม
ทั้งอินทร์พรหมให้ทราบเหตุเลศนัย (๓๐)
0 ฝ่ายองค์อินทร์ร้อนอาสน์สาดทิพย์เนตร
หาสาเหตุอาเพททั้งไกลใกล้
เห็นองค์จันทกุมารนั้นมีภัย
เร่งรุดไปแก้ไขสถานการณ์ (๓๑)
ถือค้อนเหล็กเป็นอาวุธไปหยุดยั้ง
เหาะไปยังปรัมพิธีที่ประหาร
ถึงที่หมายตวาดลงตรงกลางงาน
*ไอ้พระยาอันธพาลหยุดสร้างกรรม (๓๒)
เคยมีเยี่ยงอย่างที่ไหนใครสั่งสอน
ฆ่าคนแล้วได้พรมาสุมสำ
จิตฝักใฝ่ตกอบายใจอธรรม
มีแต่กรรมตามติดมิใช่คุณ (๓๓)
ถ้าหากขืนดื้อด้านทำการต่อ
ไม่เกิดก่อประโยชน์ซ้ำโทษหนุน
เราจะตีเศียรเจ้าให้เป็นจุณ*
แถมยังหมุนค้อนตีที่ฉัตรธง (๓๔)
แหลกย่อยยับล้มลงระเนระนาด
จากแรงฟาดให้ยุติที่ลุ่มหลง
ในท่ามกลางความสับสนพราหมณ์ยืนงง
ประชาชนดิ่งตรงมาจับตัว (๓๕)
0 ประชาทัณฑ์เจ้าพราหมณ์จนร่างยับ
ซ้ำยังตรงหมายจับองค์เหนือหัว
จันทกุมารกอดพ่อไว้ด้วยกายตัว
ด้วยว่ากลัวจะทำร้ายพระบิดา (๓๖)
ประชาชนโห่ไล่ไม่ให้อยู่
ไม่ควรคู่บัลลังก์ตะโกนด่า
*ไม่ต้องการคนโหดร้ายปกครองข้า
ทั้งลูกเมียยังคิดฆ่าคนทารุณ* (๓๗)
แม้ได้ยกโทษตายยังหมายไล่
เนรเทศไปไกลไม่เกื้อหนุน
ขับไปอยู่บ้านจัณฑาลฐานการุณย์
งดอุดหนุนสมบัติมิจัดตาม (๓๘)
และราชาภิเษกองค์โอรส
ให้เรืองยศยิ่งใหญ่ไร้เหยียดหยาม
ทศพิธราชธรรมนำใช้ตาม
ทุกเขตคามร่มเย็นเห็นทั่วกัน (๓๙)
และเมื่อองค์ราชาพระองค์ใหม่
เสด็จไปประพาสป่าคราใดนั่น
ทรงไปเยี่ยมพระบิดาทุกคราครัน
พระองค์นั้นได้รับพรคำสอนใจ (๔๐)
นับแต่นั้นแผ่นดินสงบสุข
ไม่มีทุกข์ภัยพานผ่านสมัย
ครองแผ่นดินโดยธรรมทรงทำไป
จวบจนสิ้นอายุขัยของพระองค์ (๔๑)
..จบเรื่องจันทกุมาร
คติธรรม : บำเพ็ญขันติบารมี
เรื่องอาฆาตจองเวรนั้น ย่อมให้ทุกข์กลับคืนแก่ตนในที่สุด และความเขลาหลงในทรัพย์และสุขของผู้อื่นก็ย่อมให้ผลร้ายแก่ตัวได้ในไม่ช้าเช่นกัน
......