30 ธันวาคม 2547 09:36 น.
กุ้งหนามแดง
ขอความสุข แวดล้อม เพียบพร้อมลาภ
สุขภาพ สมบูรณ์ เพิ่มพูนผล
สมประสิทธิ์ จิตตะ นิรมล
ธรรมะดล นำทาง สว่างเย็น..
..
ขอความสุข สวัสดี จงมีแด่พี่น้องชาวไทยโพเอ็มทุกท่าน..
ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย จงดลบันดาลให้ชาวไทยและทั่วโลก
มีความสุข สงบ ร่มเย็น ปลอดภัยตลอดปี ๒๕๔๘..
...
28 ธันวาคม 2547 09:48 น.
กุ้งหนามแดง
เห็นภาพเสียหาย....เกินคำบรรยาย....หญิงชายปนเป
ผู้ใหญ่และเด็ก....รถเล็กตังเก....คลื่นลมหันเห....กระจัดกระจาย
ซากศพกองสุม....กู้ภัยชุมนุม....ลำเลียงเป็นสาย
บาดเจ็บโอดครวญ....กระบวนระบาย....เพื่อจะคลี่คลาย....ความทุกข์พ้นไป
ร้านรวงปิดตาย....เพราะเหตุวอดวาย....คลื่นร้ายลูกใหญ่
เป็นภัยพิบัติ....เกิดปัดป้องภัย....รับรู้หวั่นไหว....เสียใจเสียจริง
แม้ไม่ใช่ญาติ....เกี่ยวดองผูกขาด....ร่วมชาติพักพิง
ส่งกำลังใจ....มิได้ทอดทิ้ง....ร่วมบริจาคสิ่ง-....ของตามกำลัง
ช่วยเหลือเร่งรุด....หาได้หย่อนหยุด....บ้างฉุดบ้างรั้ง
ขอบคุณอาสา-....สมัครชายฝั่ง....แพทย์พยาบาลยัง....ตามไปเยียวยา
คนอยู่ทางนี้....ห่วงใยน้องพี่....ชาวใต้หนักหนา
อีกนักท่องเที่ยว....ข้องเกี่ยวทัศนา....ขอให้กลับมา....สวัสดิภาพทั่วกัน..
.....
ขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ที่ร่วมแรงร่วมใจช่วยพี่น้องชาวใต้ ทหารเรือ..กองทัพอากาศ อาสาฯ แพทย์พยาบาล..ฯลฯ และขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่ประสบภัยทุกท่าน..
และขอแสดงความอาลัย ต่อการจากไปของคุณพุ่ม เจนเซ่น..ไว้ ณ.ที่นี้..
...
26 ธันวาคม 2547 08:02 น.
กุ้งหนามแดง
ขอสิทธิ์แค่คิดถึง
จากคนหนึ่งซึ่งแสนเหงา
หมายถ้อยร้อยบรรเทา
อารมณ์เหงายามร้างรา
ขีดเขียนเพียรคำร่าง
มิแตกต่างเจรจา
รู้นัยอักษรา
รจนาจากจิตใจ
ถึงเธอเพียงคนเดียว
ที่ยึดเหนี่ยวเกี่ยวสายใจ
ราตรีนี้ผ่านไป
หาจันทร์ไหนจะทดแทน
ด้วยรักและผูกพัน
งามบุหลันเคยหวงแหน
ร้อยดาวในเมืองแมน
พันหมื่นแสนแคลนเทียบเคียง
..
26 ธันวาคม 2547 07:59 น.
กุ้งหนามแดง
นวลคู่เคียงเรียงคำย้ำเศร้าโศก
ธรรมวิโยคโลกกลับดับความหมาย
ถลำรักหักครืนสุดฝืนกาย
ทรุดส่งท้ายพ่ายยับเกินรับฟัง
ฟังรับเกินยับพ่ายท้ายส่งทรุด
กายฝืนสุดครืนหักรักถลำ
หมายความดับกลับโลกวิโยคธรรม
โศกเศร้าย้ำคำเรียงเคียงคู่นวล..
25 ธันวาคม 2547 09:36 น.
กุ้งหนามแดง
พระนารท
0 มิถิลานครแต่ก่อนเก่า
มีพระเจ้าอังคติราชเสวยสวรรค์
ทั้งนางในสนมน้อยนับร้อยพัน
พระทรงธรรม์มีธิดาพระองค์เดียว (๑)
ราชธิดานามรุจาสง่าศรี
ดูราศีงามแท้ต้องแลเหลียว
ตั้งมั่นในศีลธรรมนำกลมเกลียว
กึ่งเดือนเทียวแจกทานหวังหว่านบุญ (๒)
มีอำมาตย์น้อมใจจอมไท้สาม
หนึ่งนั้นนามวิชัยได้เกื้อหนุน
สองนั้นชื่อสุมานะพระการุณย์
อลาตะกองหนุนชอบรบรา (๓)
0 คราววันเพ็ญสิบสองจันทร์ส่องฟ้า
น้ำเปี่ยมท่าโกสุมปทุมหนา
ชูสะพรั่งสองฟากฝั่งช่างงามตา
มีบัญชาเฉลิมฉลองต้องธรรมเนียม (๔)
พระราชาทรงประพาสพิลาสสถาน
ทรงเบิกบานหทัยแจ่มใสเปี่ยม
เป็นวันดีในวัสหาทัดเทียม
ข้าราชเตรียมรับใช้ถวายงาน (๕)
ทรงประทานดำรัสตรัสถามว่า
ในเวลารื่นรมย์เหมาะสมสถาน
ควรทำกิจอันใดให้สมกาล
อำมาตย์วานตอบทีเรานี้รอ (๖)
อลาตะว่าฤกษ์งามต้องตามศึก
ใจคักคึกขยายแดนแคว้นเราหนอ
ทั้งเสบียงทหารดีก็มีพอ
ควรเริ่มก่อสงครามลุกลามไป (๗)
พระราชาว่าศึกไม่นึกอยาก
กรรมมันมากเป็นเงาเข้าใจไหม
คนต่อไปสุมานะว่ากระไร
จงขานไขเรียบเรียงอย่าเกี่ยงงอน (๘)
สุมานะชี้ทางวางสมาน
ให้จัดงานราตรีสโมสร
มโหรีขับกล่อมรายล้อมพร
เพื่อดับร้อนเรื่องวุ่นวายคลายอารมณ์ (๙)
พระราชาว่าดีแต่มิโปรด
เห็นประโยชน์น้อยไปยังไม่สม
เจ้าวิชัยว่าอย่างไรใจปรารมภ์
ควรนิยมสิ่งใดว่าไปที (๑๐)
ฝ่ายวิชัยแนะนำทำสงบ
จึงปรารภเข้าหาปราชญ์เป็นศาสตร์ศรี
สนทนาในธรรมล้ำพาที
บารมีเพิ่มพูนพร้อมคุณงาม (๑๑)
พระราชาพอพระทัยเป็นยิ่งนัก
แล้วสำนักอยู่ไหนท่านใคร่ถาม
วิชัยว่าชีวกะผู้ละนาม
ปฏิบัติตัวงามตามลัทธิ (๑๒)
ไม่สวมใส่เสื้อผ้าลาละทิ้ง
เป็นของจริงแน่ใจไร้ที่ติ
ตัดกิเลสหลีกหนีมีวุฒิ
อังคติราชันย์ดั้นด้นไป (๑๓)
0 ครั้นพอถึงศาลาคุณาชีวก
เชิญสาทกข้อธรรมตามสงสัย
อันกษัตริย์ปฏิบัติตนเช่นไร
ต่อคนใกล้และไกลในปกครอง (๑๔)
เมื่อตายลงจึงไปสู่สุคติ
และดำริเรื่องโทษภัยนัยยะสอง
ตกนรกเพราะอะไรในทำนอง
ตามครรลองโปรดแจ้งแถลงการณ์ (๑๕)
ชีวกนั้นเห็นชัดนอกลิทธิ
ไม่กล่าวติเว้นละตอบฉะฉาน
ทุกสิ่งจัดอนัตตานฤบาล
ไม่มีใครบันดาลผ่านคารม (๑๖)
ธรรมชาติเจ็ดอย่างที่วางสุม
ดินน้ำไฟประชุมลมประสม
อีกทุกข์สุขและชีวิตเข้าชิดชม
เมื่อแตกปมจึงพลัดกระจัดกระจาย (๑๗)
ลอยอยู่ในอากาศเป็นธาตุคว้าง
เกินกล่าวอ้างเป็นพ่อแม่แปรความหมาย
เจ็ดสิบสี่กัลป์กลวนเวียนตาย
อย่าระคายนรกสวรรค์นั้นไม่มี (๑๘)
0 อลาตะสมอ้างทางผิดพลาด
ระลึกชาติได้บ้างสร้างวิถี
ชาติก่อนโน้นฆ่าโคมากตัวมี
ทั้งชาติก่อนและชาตินี้เป็นเสนา (๑๙)
จึงเห็นว่าบาปบุญไม่หนุนเนื่อง
จะสิ้นเปลืองคิดไปทำไมหนา
ข้าพเจ้าเสวยสุขอยู่ทุกครา
บาปไม่มาติดตามเกรงขามไย (๒๐)
อันความจริงหนหลังอดีตภาพ
อลาตะเคยกราบเจดีย์ใหญ่
อานิสงค์ในครั้งนั้นนั่นประไร
ส่งผลให้ได้ดีวันนี้เอย (๒๑)
ส่วนบาปกรรมที่สร้างยังไม่ถึง
วาระหนึ่งไม่ช้านั่นพลันเฉลย
เพียงระลึกได้บางชาติบ้างขาดเลย
เข้าใจผิดกลับเอ่ยเผยบุญกรรม (๒๒)
0 ขณะนั้นมีคนยากนามวิชกะ
นั่งปนปะฟังอยู่หดหู่สำ
น้ำตาไหลนองหน้าครายินคำ
พระทรงธรรมถามไถ่ในอาการ (๒๓)
วิชกะจึงย้อนชาติก่อนนี้
เป็นเศรษฐียิ่งใหญ่ในสถาน
ทั้งทำบุญเกื้อกูลอุดหนุนทาน
เมื่อตายผ่านเกิดใหม่ใยจึงจน (๒๔)
ทั้งลำบากยากไร้ในชาตินี้
บุญไม่มีบาปกรรมไม่นำผล
สนับสนุนอลาตะท่านอีกคน
เกิดสิบหนสิบอย่างไม่อ้างอิง (๒๕)
ในความจริงชาติต้นเหตุก่อนเศรษฐี
มีหน้าที่เลี้ยงโคพาลพะโลสิง
พระรูปหนึ่งไร้หลักจะพักพิง
ท่านเดินดิ่งตรงหามาถามทาง (๒๖)
ด้วยอารมณ์โทสะผละโคหาย
ดูคลับคล้ายไม่ยินหมิ่นตาขวาง
พระถามซ้ำกลับตวาดกราดเกรี้ยววาง
ว่าพระช่างเซ้าซี้เป็นหนี้กรรม (๒๗)
บาปกรรมนั้นส่งผลเป็นคนยาก
ต้องลำบากตกตระกูลจัณฑาลต่ำ
ระลึกชาติไปไม่ถึงหนึ่งเคราะห์กรรม
ยืนยันคำทำดีไม่มีคุณ (๒๘)
0 พระราชาได้ฟังทั้งสองเล่า
ตรัสว่าเจ้าอย่าเสียใจใฝ่เกื้อหนุน
ทศพิธราชธรรมนำค้ำจุน
ไม่เคยเห็นผลบุญจะทดแทน (๒๙)
ต่อไปนี้จะหาสุขสนุกสนาน
งดทำทานเก็บทรัพย์นับหวงแหน
จะเสพสุขต่อเนื่องในเมืองแมน
แม้แต่แดนสำนักนี้จักมิกราย (๓๐)
นับแต่นั้นพระองค์ทรงเกษม
ทรงปรีด์เปรมสุรานารีหลาย
มโหรีขับกล่อมล้อมมากมาย
หลงอบายไม่สนใจในราชการ (๓๑)
ราชกิจน้อยใหญ่ให้อำมาตย์
คุมเด็ดขาดทั้งอำนาจศาสตร์ทหาร
ลดละเลิกศาลาและโรงทาน
ทรงสำราญในสุขทุกคืนวัน (๓๒)
0 สิบห้าค่ำราชธิดามาเข้าเฝ้า
เพื่อทูลเจ้าจอมกษัตริย์เพื่อจัดสรร
พระราชทานทรัพย์ให้ไปแบ่งปัน
ผู้ยากนั้นแต่จิตใจไม่ยินดี (๓๓)
ความประพฤติที่แย่แพร่สะพัด
องค์กษัตริย์มีมิจฉาหมดราศี
ราษฎรชาวเมืองต่างรู้ดี
ชีวกนี้สอนสั่งจึงพลั้งตน (๓๔)
พระธิดานั้นหนาหาใกล้ชิด
มิทราบจิตบิตุรงค์หลงสับสน
นางกำนัลเล่าขานทุกการกล
ในบัดดลอัดอั้นตันพระทัย (๓๕)
ทำไมหนอบิดาของข้านี้
สนทนาทั้งทีไม่ตรองไตร่
ไม่เลือกคนแนะนำกระทำไป
สั่งสอนให้ตรงข้ามกับความจริง (๓๖)
ควรจะถามสมณะสาระเรื่อง
กลับฟุ้งเฟื่องคำชีวกวิตกสิง
ทำอย่างไรจึงแก้ไขหนักใจจริง
คิดแล้วยิ่งแค้นใจในสิทธา (๓๗)
พระธิดาระลึกชาติได้นานนัก
สิบสี่ชาติรู้หลักศาสนา
อยากจะแก้ทิฐิผิดของบิดา
จึงเข้าเฝ้าพร้อมข้าบริวาร (๓๘)
กราบทูลขอราชทรัพย์ก่อนกลับออก
ราชันย์บอกไม่เห็นคุณขุ่นเคืองขาน
สิ้นเปลืองกันทำไมงดให้ทาน
ทรมานกายารักษาธรรม (๓๙)
เปล่าประโยชน์ทั้งนั้นเลิกปันเถิด
จะประเสริฐหาสุขสนุกขำ
คราครั้งก่อนพ่อเขลาให้เจ้าทำ
บาปและกรรมไม่มีหนารุจาเอย (๔๐)
ทรัพย์ทั้งหลายเอาไปเลยเสวยสุข
ยังมีชุกใช้ทางถูกนะลูกเอ๋ย
นำใช้จ่ายเป็นทานจงผ่านเลย
มิชมเชยวิธีการงานเมตตา (๔๑)
ไปส่งเสริมช่วยชีวีพวกขี้เกียจ
สักกระเบียดสักหุนไม่หนุนหนา
บาปกรรมใดไม่ส่งผลทนทำมา
ท่านคุณาสอนสั่งครั้งเยี่ยมเยือน (๔๒)
อลาตะเสนาเด่นก็เช่นนั้น
วิชกะยืนยันเสมอเสมือน
พระธิดาค้านคัดดำรัสเตือน
ไยจึงเชื่อคนเถื่อนเลื่อนลอยกัน (๔๓)
ถ้าบุญบาปไม่มีไยชีวก
มิปิดปกด้วยเสื้อผ้าช่างน่าขัน
บำเพ็ญพรตพากเพียรไปทำไมกัน
รับจังหันครบครันอันหวานคาว (๔๔)
ยังต้องการยอมรับและนับถือ
เยี่ยงนี้หรือควรเชื่อฟังยังว่ากล่าว
อลาตะวิชกะเล่าเรื่องราว
ระลึกชาติในคราวเพียงชาติเดียว (๔๕)
มากล่าวอ้างให้หลงลมชื่นชมหรือ
ควรเชื่อถือหรือแก้ไขให้แลเหลียว
กระหม่อมฉันระลึกนั่นเหมือนกันเชียว
รู้แท้เทียวเพราะกรรมนำจิตตี (๔๖)
ในชาติก่อนหน้านี้ที่ลูกเห็น
ก็เคยเป็นอัครมเหสี
ชวนะเทพบุตรคือสามี
ชั่วนาทีจุติเป็นเทพธิดา (๔๗)
เพียงสามีเดินออกนำดอกไม้
ประดับให้หม่อมฉันนั่นแหละหนา
แค่เวลาน้อยนิดกระพริบตา
จุติมาเป็นธิดาของพระองค์ (๔๘)
และชาติหน้าจะเปลี่ยนเพศครองเดชฤทธิ์
เทพบุตรนิมิตตามบุญส่ง
ขอบิดาละวางทางเสื่อมลง
เลิกลุ่มหลงอบายมุขนำทุกข์เอย (๔๙)
พระราชาผู้หลงคงสดับ
ชื่นชมกับธิดาปรีดาเผย
แต่ก็ยังปฏิบัติชัดเช่นเคย
ไม่เปลี่ยนเลยพฤติกรรมนำอบาย (๕๐)
พระธิดาเห็นพูดไปไร้น้ำหนัก
อธิษฐานด้วยภักดิ์ก่อนจักสาย
แม้บุญญาของบิดาหามลาย
ขอเทพไท้ทั้งหลายมาช่วยที (๕๑)
0 ร้อนถึงท้าวพรหมนารถบนสวรรค์
เหตุใดกันกันร้อนอาสน์ปราศสุขี
ทิพย์เนตรเห็นราชามิจฉามี
รีบเร็วรี่เหาะมาในทันใด (๕๒)
จำแรงกายเป็นชายชาญกาญจน์กาสา
ทองลูกฟักหาบมาลอยอยู่ใกล้
เหนือวิมานเศวตฉัตรพระฉัตรชัย
ทอดพระเนตรทันใดกลัวภัยพาล (๕๓)
พระธิดาเห็นเหมือนมิเลือนหลง
อธิษฐานนี้คงส่งสมร
คงแก้ไขบิดาได้ดังใจวอน
มาถอดถอนมิจฉาบิดาเรา (๕๔)
พระราชาเกรงเดชาคณานับ
มิประทับบนบัลลังก์เหมือนดังเก่า
เสด็จลงพื้นราบเพื่อบรรเทา
ความกลัวเข้าครอบงำดำรัสตาม (๕๕)
ท่านผู้มีฤทธิ์เดชแจ้งเจตน์เถิด
ผู้ประเสริฐมาจากไหนเราใคร่ถาม
ท่านประสงค์สิ่งใดให้บอกความ
จงเอ่ยนามออกมาอย่าปิดกัน (๕๖)
0 เรานั้นชื่อพระนารทประกาศชัด
และยังจัดเป็นพรหมสมสวรรค์
พระราชาเอะใจสงสัยพลัน
อะไรกันฟังมาว่าไม่มี (๕๗)
แต่จิตตรงสนใจในพระเวทย์
อยากทราบเหตุเหาะได้ในวิถี
ท่านอาศัยสิ่งใดให้บอกที
พระนารทบอกทำดีมีศีลธรรม (๕๘)
ประกอบด้วยศีลห้าเป็นอาทิ
อย่าได้ริเมามัวทำตัวถลำ
กิจวัตรบุญทานงานประจำ
สมบัติล้ำมากมายได้เดชา (๕๙)
พระราชาฟังแสดงแคลงใจนัก
ได้ยินนักนรกสวรรค์นั่นแหละหนา
ทั้งพระพรหมเทวบุตรเทพธิดา
และโลกนี้โลกหน้าว่ามีจริง (๖๐)
ท่านคิดเห็นอย่างไรให้ตอบด้วย
พระนารทช่วยยืนยันมั่นทุกสิ่ง
จงทำดีเถิดหนาอย่าประวิง
เป็นเรื่องจริงทั้งนั้นราชันย์เอย (๖๑)
พระราชาว่าอย่างนั้นขอปันทรัพย์
ยืมหนึ่งกัปคืนให้ชาติใหม่เหวย
พระนาทว่าไม่ได้จอมไท้เอย
ราชาเอ่ยเพระเหตุใดไม่ให้เรา (๖๒)
เพราะพระองค์ประพฤติชั่วมัวเมานัก
นรกจักเป็นที่หมายเสียดายเปล่า
ไม่ประสงค์ลงไปตามถามทวงเอา
ไฟร้อนเร่าผลาญเผาเหลือประมาณ (๖๓)
ทั้งตัวท่านหมดทางออกข้างนอก
นำทรัพย์ออกคืนเราสูญเปล่าขาน
แต่ถ้าท่านประพฤติดีมีศีลทาน
จะประทานตามใจไม่ท้วงติง (๖๔)
หากพระองค์หลงทางปฏิบัติ
เห็นแน่ชัดนรกนี้เป็นที่สิง
รับโทษทัณฑ์ตามเวรเถรตรงจริง
ผลจากสิ่งที่ทำกรรมคู่กาย (๖๕)
ปีนต้นงิ้วหนามงอกถลอกถลก
ถ้ากลิ้งตกหมาขย้ำระส่ำระสาย
ยมบาลแทงหอกไล่ให้ขึ้นปลาย
อีการ้ายโฉบหัวตัวไม่ตาม (๖๖)
ตายแล้วเกิดวนเวียนเพียรปีนงิ้ว
เป็นรอยริ้วผิดศีลหมิ่นข้อสาม
เพราะมักมากผิดลูกเมียเสียในกาม
ตะกละตะกรามไปหนอเกินพอดี (๖๗)
บ้างถูกโยนลงไปในกระทะ
ไปปะทะน้ำทองแดงร้อนแรงนี่
ร่างละลายแหลกเหลวเปลวอัคคี
เกิดอีกทีโยนลงใหม่ไหม้อย่างเดิม (๖๘)
บ้างพูดปดยุแยงให้ยุ่งยาก
จับอ้าปากกรอกน้ำทองแดงเสริม
ไหม้ตับไตไส้พุงขาดไม่พลาดเติม
ชอบเฉลิมฉลองถองสุรา (๖๙)
บ้างวิ่งหนีคีรีกลิ้งมาทับ
บดให้ยับทั้งร่างอย่างไร้ท่า
ทรมานทุเรศน่าเวทนา
หวาดผวาโศกสลดจนหมดกรรม (๗๐)
บ้างมือโตปากจู๋เท่ารูเข็ม
ต้องแทะเล็มเลือดหนองตนทนเช้าค่ำ
เพราะทำร้ายบุบพการีนี้ประจำ
บาปลึกล้ำทำพ่อแม่แกทุกข์ใจ (๗๑)
ถ้าพระองค์ไม่เลิกหลงคงมิจฉา
ทิฐิพาลงอบายไม่พลาดได้
นรกนั้นเป็นที่หมายตายลงไป
เรานี้ไม่หลอกลวงถ่วงให้เปลือง (๗๒)
พระราชาเกิดกลัวภัยในขุมนรก
ทรงวิตกกังวลทนฟังเรื่อง
ทำอย่างไรจึงพ้นผ่านวานประเทือง
จิตกระเตื้องเชื่อครบนารทอบรม (๗๓)
พระนารทจึงสอนสั่งตั้งมั่นศีล
ครองแดนดินโดยธรรมนำผสม
ทศพิธราชธรรมนำนิยม
จึงเหมาะสมปกครองทั้งผองชน (๗๔)
0 นับแต่นั้นบ้านเมืองหมดเรื่องทุกข์
สงบสุขจริงแท้แน่ทุกหน
พระเมตตากรุณาประชาชน
ทั่วทุกคนอยู่เย็นเป็นสุขเอย (๗๕)
ดีได้ดี ชั่วได้ชั่ว เป็นตัวอย่าง
โปรดนำวางเป็นแม่แบบแนบเฉลย
กรรมเป็นเครื่องชักนำ..นำเกิดเอย
อย่าละเลยศีลธรรมค้ำจุนตน (๗๖)
..จบเรื่องพระนารท..