5 พฤศจิกายน 2547 13:49 น.
กุ้งหนามแดง
ยามสงบเตรียมพร้อมซ้อมทหาร
รักษาการเตรียมเสบียงเคียงเสถียร
ซ่อมหอรบลอกคูประตูเวียน
ม้าใช้เวียนส่งข่าวเข้าดินแดน (๔๒๗)
เห็นพระเจ้าสังขพลกะ
เตรียมพละฝึกการทหารแสน
อยู่ที่แคว้นกัปปิลรัฐมิขาดแคลน
ไม่รู้แผนจะรบทัพกับใครกัน (๔๒๘)
ส่งนกแก้วแสนรู้ไปดูหน่อย
นกตัวน้อยจัดแจงแรงขยัน
แถมให้อีกหนึ่งเมืองเฟื่องพอกัน
อุดรปัญจาละพระนคร (๔๒๙)
พระเจ้าจุลนีพรหมทัต
เป็นกษัตริย์ครองธานีมีครูสอน
นามเกวัฏนักปราชญ์สามารถขจร
อุบายก่อนมากมายขยายความ (๔๓๐)
ยกกองทัพล้อมเมืองถึงหนึ่งร้อยเอ็ด
บังคับเสร็จบรรณณาการส่งให้หลาม
ยินดีมอบไมตรีไม่ตีตาม
ทุกเขตคามยอมสยบหลังทบทวน (๔๓๑)
จึงเดินทางถึงธานีมิถิลา
พระราชาจุลนีบอกตีด่วน
เจ้าเกวัฏคัดค้านไปว่าไม่ควร
สมบัติล้วนมากมายอยู่ในมือ (๔๓๒)
ทั้งชื่อเสียงมโหสถปรากฎอยู่
จะต่อสู้เสียเวลาข้าไพร่หรือ
โลภสมบัติเล็กน้อยปล่อยคนลือ
อย่ายืดยื้อควรมองข้ามด้วยย่ามใจ (๔๓๓)
ก่อนกลับถิ่นบ้านเกิดควรเปิดฉลอง
สุราดองพร้อมเพรียงเรียงไว้ให้
เชิญราชาทั้งร้อยเอ็ดมาอวยชัย
ฉลองในวาระสามัคคี (๔๓๔)
ความจริงคือในสุรามียาพิษ
หมายจะปลิดชีพให้วายตายคาที่
จะได้เข้ายึดเมืองเขาคิดเข้าที
แต่เรื่องนี้ไม่มีใครรู้นัยเลย (๔๓๕)
พอเริ่มงานเกิดวิวาทโกลาหล
เสียงชอบกลดังโพล๊ะโอ้อกเอ๋ย
ไหเหล้าแตกแหลกยับกับตาเลย
แผนที่เอ่ยพังสิ้นกลิ่นเหล้ากระจาย (๔๓๖)
เหตุเพราะเป็นคำสั่งมโหสถ
เทให้หมดแหล้าพิษคิดสลาย
ช่วยชีวิตเอาไว้ใช้ลวดลาย
โดยส่งสายเข้าปะปนพลศัตรู (๔๓๗)
เมื่อทำลายข้าวของยังร้องผ่าน
เราทหารมโหสถยินเต็มหู
อยากพบตัวเชิญได้ตามไปดู
มิถิลาพร้อมอยู่รับรู้เอย (๔๓๘)
พระเจ้าจุลนีกับเกวัฏ
เห็นได้ชัดเคียดแค้นแน่อกเหวย
แผนการร้ายถูกทำลายไม่น่าเลย
พระราชาร้อยเอ็ดเอ่ยก้างขวางคอ (๔๓๙)
พระเจ้าจุลนีทรงตรัสว่า
ไปดูหน้ามโหสถกันเถิดหนอ
ทุกคนนั้นพอใจไม่ต้องรอ
เกวัฏขอไปลำพังกับเจ้านาย (๔๔๐)
ด้วยตนเองไม่แน่ใจจะชนะ
เมื่อปะทะมโหสถหมดหน้าขาย
ถ้าแพ้พ่ายอายเขาเจ้าอุบาย
ไปกับนายพร้อมทัพขยับล้อม (๔๔๑)
คิดกักน้ำโดยวางสร้างทำนบ
บอกมีครบน้ำท่าทุกหญ้าหย่อม
มีทั้งบ่อก่อสระเต็มกระพ้อม
ไม่ตรมตรอมล้อมเป็นปียังมีกิน (๔๔๒)
คิดกักข้าวกักฟืนยื่นความอด
มโหสถบอกอุดมสมบูรณ์ถิ่น
อยู่ในเมืองปลูกทั้งปีดีทั้งดิน
เกวัฏสิ้นความคิดเรื่องริดรอน (๔๔๓)
จึงทูลองค์จุลนีมีกลยุทธ
จะสิ้นสุดใช้ปัญญางดฆ่าก่อน
เสียกำลังเปล่าประโยชน์โปรดไตร่ตรอง
ในสมองเฒ่าปราชญ์ประกาศการ (๔๔๔)
ตั้งกฎไว้ใครไหว้ก่อนเป็นฝ่ายแพ้
คิดว่าแน่เพราะแก่กว่าจึงกล้าหาญ
อ่อนวัยกว่าต้องคารวะพบปะงาน
แอบหน้าบานภูมิใจในหัวคิด (๔๔๕)
มโหสถคิดรอบแผนตอบโต้
คิดว่าโตแล้วจะยอมน้อมน้อมจิต
จึงขอยืมแก้วมณีที่แรงฤทธิ์
พระราชาให้สิทธิ์บัณฑิตตน (๔๔๖)
พอรุ่งเช้าเผชิญหน้าทั้งสองฝ่าย
แก้วแพรวพรายก็นำไปใช้ส่งผล
มโหสถถามเกวัฏหมายมัดกล
แก้ววิเศษทุกหนเรานำมา (๔๔๗)
เพื่ออะไรท่านรู้ไหมท่านเกวัฏ
เราจะจัดให้ท่านนั่นแหละหนา
ให้ทำไมปราชญ์เฒ่าถามเห็นงามตา
ปรารถนาแต่สงสัยใยมอบเรา (๔๔๘)
มโหสถว่าท่านทำให้รอดพ้น
ศึกผ่านพ้นงดสูญเสียยังไงเล่า
จึงตอบแทนด้วยมณีที่พริ้งเพรา
เฏวัฏเข้าไปหาแทบคว้าครอง (๔๔๙)
มโหสถส่งให้ตั้งใจจับ
ตะกายรับแก้วหล่นพ้นมือสอง
ด้วยเสียดายเฒ่าก้มเก็บเจ็บเป็นรอง
เสียทีของมโหสถกดหัวไว้ (๔๕๐)
ท่านอาจารย์ให้เกียรติคารวะ
เรารุ่นลูกพบปะโปรดละไหว้
ภาพที่เห็นในสนามเกินห้ามใจ
เพราะว่าใครต่างเห็นเป็นทางเดียว (๔๕๑)
เมื่อเป็นที่ประจักษ์จึงผลักใส
พวกพลไพร่เสียขวัญแลกันเหลียว
ยอมเขาง่ายอย่างนี้หนีลูกเดียว
กำลังใจแห้งเหี่ยวหมดเรี่ยวแรง (๔๕๒)
มโหสถไม่ยอมเสียโอกาส
อย่าให้พลาดตีกระหน่ำคำแถลง
ทัพแตกยับถอยกลับไปได้แสดง
ความแข็งแกร่งของปัญญาและอาวุธ (๔๕๓)
ฝ่ายพระเจ้าจุลนีหนีกลับบ้าน
ยังสะท้านเสียทีมิคิดหยุด
เกวัฏจึงวางแผนอีกหนึ่งชุด
ราชธิดามาฉุดยุดหน้าตา (๔๕๔)
แสร้งบอกไปจะยกให้ธิดาท่าน
ทรงประทานด้วยไมตรีดีหนักหนา
สร้างสัมพันธ์คล้องเมืองมิถิลา
พระราชาวิเทหะต้องเดินทาง (๔๕๕)
เราจะจัดพิธีอภิเษก
ณ.เมืองเอกปัญจาละอย่าขัดขวาง
เรื่องเก่านั้นอย่าคิดบ่อยควรปล่อยวาง
โปรดใช้ทางสันติมิแค้นเคือง (๔๕๖)
มโหสถเตรียมการจะซ้อนแผน
จึงได้แล่นตั้งเมืองใหม่ให้กระเดื่อง
ใกล้ปัญจาลนครก่อนเข้าเมือง
ยังคิดเรื่องขุดอุโมงค์ตรงเข้าวัง (๔๕๗)
เมื่อพระเจ้าวิเทหะไปเมืองใหม่
มิถิลาไม่มีใครอยู่คุมหลัง
พระจุลนีเข้ายึดเมืองเมลืองมลัง
หัวเราะดังเย้ยเยาะเพราะยินดี (๔๕๘)
มโหสถมิตกใจทำไปเถิด
เขาจึงเปิดอุโมงค์ตรงสู่ที่
สู่ปัญจาละนครซ้อนกลดี
มเหสีธิดารวบมาพลัน (๔๕๙)
ลำเลียงจากอุโมงค์ตรงเมืองใหม่
ไม่ว่าไรคำเปรยหรือเย้ยหยัน
พอรุ่งเช้าพระจุลนีไพรีพัน
ยกมากันที่เมืองใหม่ไม่รู้ความ (๔๖๐)
มโหสถเห็นพระเจ้าจุลนี
ดูหรือมีความสุขทุกข์จะหาม
คิดจะมาจับเราเฝ้าติดตาม
จึงเอ่ยปรามกับองค์จุลนี (๔๖๑)
ขอพระองค์อย่าเล็งผลว่าตนเลิศ
ไปดูเถิดเมืองพระองค์พระทรงศรี
มเหสีธิดาในธานี
ยังอยู่ดีหรือเปล่าเจ้าประคุณ (๔๖๒)
พระจุลนีอกสั่นแทบขวัญหาย
ใจสลายห่วงใยให้หัวหมุน
มโหสถเพียงจับไว้ให้สมดุลย์
สร้างว้าวุ่นเท่านั้นอย่าหวั่นใจ (๔๖๓)
แล้วพาองค์จุลนีทัศนา
และราชาทั้งร้อยเอ็ดลงไปได้
ดูอุโมงค์นำทางที่วางไว้
ขังข้างในเบ็ดเสร็จร้อยเอ็ดองค์ (๔๖๔)
องค์จุลนีมโหสถประจันหน้า
บัณฑิตหนุ่มเงื้อง่าอาวุธส่ง
ทำทีท่าจะประหารให้ซ่านองค์
มีประสงค์ขอสัตย์ปฏิญาณ (๔๖๕)
ต่อไปนี้ไม่คิดร้ายขยายเขต
ไม่ก่อเหตุเดือดร้อนถอนทหาร
คืนบ้านเมืองมเหสีมีศีลทาน
งดรุกรานสักทีวจีรวม (๔๖๖)
พระจุลนีได้บุตรธิดาคืน
ต่างหยิบยื่นไมตรีมาลีสวม
อภิเษกตามเดิมเริ่มมารวม
ไม่กำกวมบอกพ่อก่อนตอนจับไป (๔๖๗)
ทางเมืองนั้นดูแลและให้เกียรติ
ไม่เคยเหยียดหยามเราเข้าอยู่ใกล้
แสนสะดวกสบายเขารับใช้
พระจุลนีจึงชวนไปอยู่ด้วยกัน (๔๖๘)
มโหสถมิอาจจะรับไว้
เพราะไม่ใช่บ่าวสองนายขายคำมั่น
ถ้าสิ้นบุญราชาค่อยว่ากัน
จะตามกันไปอยู่คู่ธานี (๔๖๙)
ตราบจากนั้นก็อยู่อย่างสันติสุข
มีความสุขตามประสาสง่าศรี
อายุขัยหมดไปได้ไปดี
บารมีในปัญญาขอลาพลัน (๔๗๐)
พวกเราได้อะไรจากเรื่องนี้
ปัญญามีใช้ให้เป็นที่เห็นนั่น
สร้างประโยชน์แก่สังคมเหมาะสมพลัน
จงแบ่งปันกันเถิดเกิดสุขเอย (๔๗๑)
อวสาน..เรื่องมโหสถบัณฑิต ...
คติธรรม : บำเพ็ญปัญญาบารมี
ปัญญาอันล้ำเลิศนั้นย่อมทำคุณให้แก่บุคคล ยิ่งกว่ามีทรัพย์นับแสน แม้มิมีปัญญาดั่งปราชญ์ แต่ถ้าเป็นผู้รู้จักคิดให้รอบคอบก่อน ก็ย่อมเป็นผู้มีปัญญาและประพฤติชอบแล้ว
3 พฤศจิกายน 2547 19:10 น.
กุ้งหนามแดง
สี่ปราชญ์เฒ่าประจำราชสำนัก
อิจฉานักวุ่นไหวในสมอง
เห็นเขาดีเกินหน้าแทบบ้าครอง
ทั้งเงินทองลาภยศหดหายลง (๓๖๒)
จึงรวมหัวคิดร้ายหมายกลั่นแกล้ง
คิดแอบแฝงขโมยของต้องประสงค์
ทั้งสี่ชิ้นของราชันเห็นกันตรง
ด้วยความหลงเมายศหมดคุณธรรม (๓๖๓)
เสนกะแอบหยิบปิ่นปักผม
คลุมบรรทมกามินทร์ลักไว้ตอนค่ำ
ดอกไม้ทองปุกกุสะสมัครทำ
รองเท้าทองหยิบจ้ำด้วยเทวินทร์ (๓๖๔)
แผนบรรลุเริ่มแผนสองต้องไปขาย
หมายใส่ร้ายให้ยับลักทรัพย์สิน
มโหสถไม่รอดพ้นมีมลทิน
ต้องหมดสิ้นอนาคตหมดวันดี (๓๖๕)
เสนกะให้ข้าเลี้ยงนำเปรียงขาย
ใส่หม้อใหญ่สะพายในวิถี
ปิ่นปักผมซ่อนไว้ในหม้อมี
เรียกนารีศรีอมรวอนซื้อเปรียง (๓๖๖)
นางอมรเห็นท่าทางยังสงสัย
ไม่เดินไปที่อื่นยืนส่งเสียง
เรียกเข้ามาถามเปรียบยืนเทียบเคียง
แม่ค้าเอียงแอบเผลอเธอล้วงมือ (๓๖๗)
จึงพบของซ่อนไว้อยู่ในหม้อ
ยังคุยต่อบ้านไกลไหมอยู่ไหนหรือ
ฉันอยู่บ้านท่านเสนกะปราชญ์ระบือ
ขายของคืออาชีพเสริมเธอเติมคำ (๓๖๘)
นางอมรว่าดีล่ะเธอจะซื้อ
แม่ค้าถือหม้อมาวางข้างงามขำ
ยกให้เลยทั้งหม้อไม่ต่อคำ
นางจดจำลงลายลักษณ์รักษ์ปิ่นทอง (๓๖๙)
พอรุ่งเช้าแม่ค้าขายดอกไม้
แวะมาใกล้ทำทีมาขายของ
ดอกไม้ทองซ่อนไว้อยู่ในกอง
ใช้ทำนองเดียวกันซื้อกันไป (๓๗๐)
ส่วนกามินทร์ให้ทาสีตรงรี่ขาย
ผ้าหลากหลายแพรพรรณอันสดใส
คลุมบรรทมซ่อนวางอยู่ข้างใน
นางซื้อไว้ลงบันทึกผนึกแพร (๓๗๑)
รองเท้าทองกองมัดกับข้าวโพด
แม่นางโปรดรับให้หมดของสดแน่
นางตรวจสอบวนเวียนมิเปลี่ยนแปร
เลิกวอแวรับซื้อพลันสวรรยา (๓๗๒)
สี่ปราชญ์เห็นฮึกเหิมเริ่มแผนสาม
ควรติดตามทรัพย์คืนตื่นถามหา
ขณะเฝ้าวิเทหะพระราชา
เจตนาตามหาจุฑามณี (๓๗๓)
พระราชาสรวลดังช่างสังเกตุ
ไม่รู้เลศสี่ปราชญ์ร้ายหมายป้ายสี
เรียกนางในไปหยิบมาให้ข้าที
หายไปหลายนาทีมีเสียงอึง (๓๗๔)
จุฑามณีหายไปไม่ทราบเหตุ
ในขอบเขตราชฐานทหารขึง
ตรวจสอบให้ถี่ถ้วนล้วนตะลึง
คาดไม่ถึงหายครั้งนี้สี่รายการ (๓๗๕)
เสนกะทูลความตามประสงค์
ใครหรือตรงเข้าออกนอกราชฐาน
คงมีแต่ปราชญ์ทั้งห้าข้าราชการ
มีสิทธิ์ผ่านถวายงานตามบัญชา (๓๗๖)
ข้าพเจ้าเคยได้ยินก่อนหน้านี้
ราชาภรณ์เหล่านี้เขามีหนา
เขานี่ใครคือคำถามของราชา
มโหสถพระเจ้าข้ากล้าเพ็ดทูล (๓๗๗)
สายรายงานถึงชานบ้านปราชญ์หนุ่ม
จึงรีบดุ่มมาเข้าเฝ้าเจ้าไอศูรย์
พระราชางดให้เฝ้าเศร้าเพิ่มพูน
ทวีคูณแจ้งจับหลังกลับไป (๓๗๘)
เขาจึงหนีไปซ่อนหมายผ่อนร้าย
สี่ปราชญ์ชายปรึกษาหน้าสดใส
ก้างขวางคอก็ไม่มีต่อนี้ไป
คิดไปไกลจีบดะนางอมร (๓๗๙)
จึงจัดส่งของกำนัลสู่บ้านน้อง
อยากครอบครองหัวใจในสมร
นางนัดมาต่างเวลาแสร้งอาทร
กลไกกลอนแอบไว้มิให้รู้ (๓๘๐)
เสนกะมาคนแรกเข้าแทรกที่
ห่างสามีคงเหงาเศร้าไหมหนู
นางต้อนรับขับสู้ว่าท่านครู
มาหาสู่คงเหนื่อยเมื่อยกายา (๓๘๑)
โปรดอาบน้ำอาบท่าเสียก่อนเถิด
ชุ่มฉ่ำเย็นบังเกิดประเสริฐหนา
ซ่อนกระดานกลไกนอกสายตา
เข้าสุขาตกหลุมพรางกลางอาจม (๓๘๒)
อีกสามคนตามทำนองก็ต้องตก
สกปรกหนักหนาทำสาสม
แช่ในบ่อหนึ่งคืนฝืนเป็นลม
สุดระทมรอตายหลายอาการ (๓๘๓)
ครั้นรุ่งสางนางอมรใช้ให้เก็บ
แสนจะเจ็บและอายหลายประสาน
ให้ชำระล้างตัวพวกตัวพาล
โกนกบาลให้หายแค้นแสนเคืองใจ (๓๘๔)
วานสาวใช้กวนแป้งเปียกเรียกให้วุ่น
ชุลมุนชโลมประโคมใส่
สี่ปราชญ์ทั้งเกรอะกรังยังน้อยไป
เอานุ่นใหม่โปะทับนับไม่ทัน (๓๘๕)
นำทั้งสี่ไปใส่ในกระชุ
นำเสื่อปรุมัดด้วยเชือกเสือกไม้คั่น
เตรียมแบกไปเข้าเฝ้าพระทรงธรรม์
พร้อมของนั้นที่รับซื้อนางถือตาม (๓๘๖)
นางเข้าเฝ้าทูลองค์พระทรงเดช
แสดงเจตน์ด้วยไมตรีมิผลีผลาม
ได้อาศัยบารมีทุกโมงยาม
นางนงรามจึงมาบรรณาการ (๓๘๗)
เทกระชุทันทีที่คำขาด
ตัวประหลาดเหมือนลิงขาวเกินกล่าวขาน
ทั่วทุกคนหัวเราะเพลินเกินคาดการณ์
เล่าเหตุการณ์ที่ประสบครบของคืน (๓๘๘)
ทรงสดับรับทุกสิ่งยังนิ่งไว้
คงปล่อยไปปราชญ์สี่มิขังขืน
ยุติธรรมคืออะไรให้กล้ำกลืน
สุดจะผืนจะทนบนโลกเรา (๓๘๙)
เทวดาผู้รักษากัมพูฉัตร
เห็นแน่ชัดความสอพลอก่อความเขลา
คิดสั่งสอนให้รู้อย่าหูเบา
ประกฎองค์ตอนเข้าแท่นบรรทม (๓๙๐)
ข้าแต่องค์วิเทหะเทวราช
ช่างสามารถในปัญญาสง่าสม
จงคลี่คลายปัญหาให้ข้าชม
เพียงสี่ข้อจะนิยมและชมเชย (๓๙๑)
หนึ่ง..ผู้ซึ่งตีผู้หนึ่งด้วยมือเท้า
กลับเป็นเจ้าหัวใจให้เฉลย
สอง..ผู้ซึ่งด่าผู้หนึ่งด้วยคุ้นเคย
เป็นที่เปรยสองคนนี้รักกัน (๓๙๒)
สาม..ผู้ซึ่งปดใส่กันทุกวันวี่
เปี่ยมไมตรีหนักหนาช่างน่าขัน
สี่..ผู้ซึ่งแสดงตนขนแบ่งปัน
กับผู้นั้นเรายินยอมนบน้อมใจ (๓๙๓)
ทั้งสี่ข้อตอบมาข้าอยากรู้
จะเชิดชูอนาคตให้สดใส
แม้ไม่ตอบจบกันเตรียมบรรลัย
จงรีบไปสะสางวางกฎเกณฑ์ (๓๙๔)
พระราชากลัวเกรงให้เหวงโหวง
ท้องพระโรงไม่มีใครมาให้เห็น
ตามสี่ปราชญ์เข้าแดนแสนยากเย็น
ไม่อยากให้ใครเห็นยังอับอาย (๓๙๕)
จึงประทานหมวกแขกแจกกันใส่
เข้ามาได้ทูลความตามถวาย
พระราชาบอกความตามระคาย
ข้าต้องตายตอบไม่ได้ให้ร้อนรน (๓๙๖)
สี่ปราชญ์เฒ่าจนปัญญาหาช่วยไม่
เข้าคืนใหม่เทวดามาอีกหน
มีเพชรงามกลับใช้พลอยปล่อยเสียคน
จะตามผลอีกคราเพลาเดิม (๓๙๗)
พระราชาติดตามมโหสถ
ซึ่งปรากฎไปปั้นหม้อรอส่งเสริม
ตามกลับมาเข้าวังนั่งประเดิม
พระองค์เริ่มถามปัญหาตอบมาที (๓๙๘)
มโหสถว่าไม่ยากหากจะตอบ
คิดรอบคอบบอกองค์พระทรงศรี
หนึ่ง..นั้นคือลูกกับแม่แม้แม่ตี
ก็ด้วยมีความรักในบุตรตน (๓๙๙)
สอง..นั้นคือแม่กับลูกผูกพันค่า
แม้แม่ด่าก็ด้วยรักพิทักษ์ผล
สาม..นั้นคือผัวเมียละเหี่ยชน
ปดยังทนหวานค่าหน้าชื่นบาน (๔๐๐)
สี่..นั้นคือสมณะพราหมณ์ทั้งหลาย
ทั้งหญิงชายนอบน้อมพร้อมคาวหวาน
ประเคนให้ทุกอย่างช่างสมกาล
เทวดาสาธุการแล้วจากไป (๔๐๑)
ทรงประทานรางวัลกำนัลค่า
ปรารถนาถูกทางจัดวางให้
สี่ปราชญ์ให้ริษยายิ่งกว่าใคร
ทูลถามความไว้ใจจากพระองค์ (๔๐๒)
ธรรมดาผู้ซึ่งคิดการใหญ่
เขาคงไม่แพร่งพรายสิ่งประสงค์
ยิ่งความลับจะไม่บอกออกตามตรง
ถ้าไม่เชื่อถามลงคงได้ความ (๔๐๓)
พระราชาจึงตรัสถามในวันรุ่ง
ถามให้ยุ่งตามลำดับจับคำถาม
ความไว้ใจควรให้ใครในนิยาม
จงตอบตามความคิดบัณฑิตเรา (๔๐๔)
เสนกะว่าวางใจในตัวมิตร
ปุกกุสะครวญคิดน้องชายเขา
กามินทร์บอกแก่บุตรสุดบรรเทา
เทวินทร์เล่าควรบอกแก่มารดา (๔๐๕)
มโหสถว่าความลับไม่ควรเผย
สำเร็จแล้วจึงเอ่ยเผยปริศนา
พระราชาเสียพระทัยให้สงกา
เห็นมองหน้าปราชญ์เฒ่าจึงเข้าใจ (๔๐๕)
คงจะมีเรื่องอะไรให้พิรุธ
แต่ก็หยุดเรื่องเว้นเริ่มเย็นใกล้
พระราชาอนุญาตให้กลับไป
เดินคิดไปผ่านทิศบัณฑิตประชุม (๔๐๖)
บัณฑิตสี่ชอบชุมนุมที่ตรงนี้
ถังข้าวมีกองไว้ดังใครสุม
จึงแฝงตัวแอบฟังเอาถังคลุม
รอชุมนุมอีกครั้งตั้งใจคอย (๔๐๗)
ตามดำริพวกสี่เฒ่ามาเข้าที่
สามัคคีชุมนุมจับกลุ่มฝอย
เรื่องที่เราทูลกษัตริย์เพียงจัดลอย
หรือว่าร้อยเรื่องจริงอิงนิยาย (๔๐๘)
เสนกะว่าเรื่องของตนนี้
โสเภณีมาเกี่ยวอย่าเที่ยวขยาย
เราเคยนัดมาเจอเธอวอดวาย
เพราะวายร้ายอย่างเราเข้าบีบคอ (๔๐๙)
ด้วยประสงค์จี้ห้อยคอจึงก่อเหตุ
มีสาเหตุเพียงนี้น่ะพี่หนอ
ความลับนี้บอกแก่เพื่อนเตือนมิรอ
อย่าบอกต่อกลัวความผิดติดคุกเอย (๔๑๐)
ปุกกุสะบอกเป็นเรื้อนเกลื่อนที่ขา
พระราชาไม่รู้ความหรอกเพื่อนเอ๋ย
เราใช้ผ้าพันไว้ให้คุ้นเคย
แทนเขนยพระองค์ทรงหนุนนอน (๔๑๑)
ความนี้บอกแก่น้องชายมิขายพี่
มีไมตรีอย่าบอกใครเกรงภัยหลอน
กามินทร์ว่าเรามีโรคโศกทุกตอน
ต้องเห่าหอนแรมแปดค่ำเป็นประจำ (๔๑๒)
จึงต้องจ้างมโหสพเพื่อกลบเสียง
ทำบ่ายเบี่ยงหลบเลี่ยงเสียงถลำ
และความนี้บอกแก่บุตรอย่าหยุดทำ
ควรเก็บงำเอาไว้ไม่แพร่งพราย (๔๑๓)
เทวินทร์ว่าแก้ววิเศษเหตุให้ทุกข์
แก้วสีสุกของวงศ์เก่ามิเอาถวาย
เก็บเอาไว้เพราะสิริมิคลอนคลาย
ความทั้งหลายบอกตรงคงมารดา (๔๑๔)
ความลับของสี่ปราชญ์มิพลาดผิด
เร่งความคิดตามบัญชาถึงคราฆ่า
อาจจะก่อกบฏกฎหมายตรา
กลับคูหาทั้งสี่คนพ้นไปวัน (๔๑๕)
มโหสถกลิ้งถังยังอยู่ที่
พจนีย์กษัตริย์ช่างจัดสรร
ให้ประหารตัวเราในเร็ววัน
พระทรงธรรม์ทำได้ไม่น่าเลย (๔๑๖)
ฝ่ายราชาทรงคิดได้ในตอนค่ำ
สุดระกำทำไปกระไรเอ๋ย
มโหสถไม่เคยคิดร้ายเลย
และมิเคยหมายชีวิตจิตใจตรง (๔๑๗)
เราหูเบาไปเองละเลงทุกข์
ไม่มีสุขกระส่ายกระสับกลับความหลง
พระนางอุทุมพรเห็นร้อนองค์
เรื่องขี้ผงจงผ่อนคลายสลายความ (๔๑๘)
พระนางจึงเขียนสารถึงน้องว่า
ถ้าจะมาจงพาคนมาล้นหลาม
พอรุ่งเช้าเข้าเฝ้าประชาตาม
พระราชาทรงถามเป็นอย่างไร (๔๑๙)
จึงทูลว่าความลับของปราชญ์สี่
พระองค์นี้รู้หรือไม่ให้วุ่นไหว
ข้าพระองค์ขอถวายซึ่งความนัย
จงว่าไปพระราชาดำรัสความ (๔๒๐)
เสนกะฆ่าหญิงเพื่อชิงทรัพย์
ปุกกุสะโรคกลับเรื้อนล้นหลาม
กามินทร์พิษหมาบ้าน่าประนาม
เทวินทร์ตามลักดวงแก้วมณี (๔๒๑)
พระราชาสอบถามได้ความแจ้ง
มิเสแสร้งปิดปัดตัดความหนี
ต่างยอมรับเคยกระทำนำคดี
อาชญามีติดคุกเข้าทุกคน (๔๒๒)
พอรุ่งเช้าสั่งให้เฆี่ยนคนละร้อย
โทษยังน้อยควรตายขยายผล
ราชมัลนำเข้าที่ทั้งสี่คน
ก็ไม่พ้นมโหสถงามงดทูล (๔๒๓)
ทั้งสี่ปราชญ์ปัญญาล้วนมิควรฆ่า
เพราะอิจฉาข้าน้อยพลอยเสื่อมสูญ
โปรดประทานชีวิตจิตเกื้อกูล
จงเพิ่มพูนงานแผ่นดินจนสิ้นใจ (๔๒๔)
ข้าพระองค์ไม่คิดพยาบาท
ความอาฆาตควรทิ้งเริ่มสิ่งใหม่
เรายกให้เป็นทาสเจ้าจงเอาไป
ความเป็นไทคืนให้ใจเมตตา (๔๒๕)
ตั้งแต่นั้นทั้งห้าสามัคคี
ทำความดีต่อบ้านเมืองเฟื่องหนักหนา
ไม่ทะเลาะเบาะแว้งแจ้งเจตนา
นำปัญญารับใช้ใต้มนเทียร (๔๒๖)
2 พฤศจิกายน 2547 11:13 น.
กุ้งหนามแดง
เปลี่ยนจากเพื่อนเป็นแฟนจะได้ไหม
เปลี่ยนจากไปเป็นมาไม่ได้หรือ
เปลี่ยนจากชอบเป็นรักมิได้ฤา
เปลี่ยนจากตื้อเป็นห่วงใยดีไหมเธอ
เปลี่ยนจากเธอกับฉันเป็นเราสอง
เปลี่ยนจากจองเป็นประจำได้เสมอ
เปลี่ยนจากเงียบเป็นคำพร่ำละเมอ
เปลี่ยนจากเพ้อเป็นพร้อมน้อมรักเรา
เปลี่ยนจากแบ่งเป็นรวมสวมบทบาท
เปลี่ยนจากขาดเป็นเติมเต็มดีกว่าเก่า
เปลี่ยนจากทุกข์เป็นสุขเข้าคลุกเคล้า
เปลี่ยนจากเหงาเป็นเริงรื่นแสนชื่นบาน
เปลี่ยนจากเจอบางวันเป็นทุกเมื่อ
เปลี่ยนจากเหลือผู้เดียวเป็นสมาน
เปลี่ยนจากสร้อยเป็นแหวนหมั้นให้ทันการ
เปลี่ยนจากบ้านเป็นรังรักไว้กักเธอ..
......................................................................
กลอน: บัวบานกลีบ
รูปแบบ:
X X O O O O O O
ซ้ำ ๒ คำ ต้นวรรคทุกวรรค ใช้กระทู้เดียวตลอดจนจบความ
..
2 พฤศจิกายน 2547 10:05 น.
กุ้งหนามแดง
สรรหาดาวระยับประดับฟ้า
แทบพลิกฟ้าฝ่าทางเพื่อสร้างฝัน
ความสำเร็จคือเป้าหมายหลายประชัน
ทุกคืนวันเรียนรู้เพียงคู่ฟ้า
ความผูกพันเกิดกลางระหว่างแข่ง
มิได้แบ่งศัตรู-ผู้ปรารถนา
มิตรภาพปรากฏใกล้ในสายตา
เป็นรางวัลมีค่ากว่าของใด
จึงซาบซึ้งพึงประทับไว้กับจิต
คอยสะกิดความรู้สึกห้วงลึกไหว
เปลือกสร้างดาวกลับก้าวล่วงถึงดวงใจ
วิบวับไหวในกมลกับผลงาน
ขอขอบคุณแนวทางสร้างคุณค่า
จงค้นฟ้าต่อไปในพื้นฐาน
สร้างศรัทธาคำว่า*เพื่อน*ทุกเรือนชาน
สมกับงานค้นฟ้าเพื่อคว้าดาว..
1 พฤศจิกายน 2547 12:12 น.
กุ้งหนามแดง
ชีวิตเปลี่ยนเวียนไปหาใดกลับ
วันคืนลับผ่านไปอาลัยหวน
จมอยู่ในความคิดดังติดตรวน
บ่วงกำสรวลผูกพันกับวันตรอม
เจ็บไม่จำควรคำสมน้ำหน้า
ใช้น้ำตาเลี้ยงกายจนผ่ายผอม
ทรมานพลุ่งพล่านผสานกรอม
ยังไม่พร้อมรับรู้ผู้ปราชัย
ผิดตรงไหนคิดย้ำกระหน่ำดาบ
ยื้อยุดภาพวันเก่าซ้ำร้าวใส่
เหตุและผลใดเล่าไม่เข้าใจ
หรือฝันใฝ่รอเงาเขากลับมา
จึงซึมเซาหมองไหม้ในเงามืด
มิจืดชืดความช้ำซ้ำโบกหนา
อีกเมื่อไรพ้นเทวษเหตุมายา
ปรารถนาหยิบยืมความลืมเลือน..