10 กุมภาพันธ์ 2548 10:53 น.

คนกับควาย

กุ้งหนามแดง

บุคคลที่ปลูกข้าว.............คนดังกล่าวเรียกชาวนา
พลิกดินให้มีค่า...............สร้างอาหาร..เพื่อเลี้ยงชน
หนึ่งคนแบกคันไถ...........หนึ่งลากไปในสถล
กี่รอบกี่เวียนวน..............เหงื่อไหลตก ซกซกกาย
กว่าข้าวจะทิ้งรวง............กว่าผลพวงจะรอขาย
ผู้ทนคนกับควาย.............กับความหมายเรื่องทำนา

บุคคลอีกประเภท............คนพิเศษเปรตโลกา
หลังคนยังทำนา..............สร้างเงินตรา..เพื่อเลี้ยงกาย
หนึ่งคนถือคันไถ..............หนึ่งหาใช้ตามกฏหมาย
เรียกว่านโยบาย...............ดอกเบี้ยต่ำอำนวยผล
ผลผลิตจะมีไหม.............ไม่สนใจผ่อนให้ทน
สมควรกับคำคน?.........ใช้เล่ห์กลบนแรงควาย
เดินทางมาเรียกร้อง.........เพื่อปากท้องทั้งหญิงชาย
สมควรกับคำควาย?......ใช้แรงกายแลกสัญญา..				
9 กุมภาพันธ์ 2548 10:20 น.

เล่าเรื่องทศชาติ...พระเวสสันดร (ตอน๒)

กุ้งหนามแดง

ครั้นพระชนมายุลุสิบหก			
บิดายกอำนาจวาสนา
เสวยราชสมบัติกษัตรา
และสู่ขอธิดาคู่บารมี (๒๖)

คือธิดาแห่งสกุลมาตุลราช
งามพิลาสยิ่งนักสมศักดิ์ศรี
นามของท่านนั้นหรือคือมัทรี
จัดพิธีอภิเษกสมรสพลัน (๒๗)

0 ทรงยินดีในจาคะจัดสถาน
ตั้งโรงทานหกแห่งแจ้งเขตขัณฑ์
ประตูเมืองทั้งสี่มีเหมือนกัน
อีกสองนั้นคือหน้าวังและกลางนคร (๒๘)

เสด็จออกทอดพระเนตรเขตไกลใกล้
โปรดการให้โดยตลอดมิถอดถอน
ช่วยแบ่งเบามิขาดทุกข์ราษฎร
จนถึงตอนมัทรีมีประสูติกาล (๒๙)

หนึ่งโอรสนามชาลีคนพี่คลอด
รับกายสอดตาข่ายทองของถักสาน
หนึ่งธิดานามกัณหาก็คลานตาม
รับกายงามหนังหมีคลี่ปกคลุม (๓๐)

0 วาระนั้นกาลิงครัฐพิบัติมาก
เกิดข้าวยากหมากแพงน้ำแล้งหลุม
ฝนฟ้าผิดฤดูกาลชาวบ้านประชุม
ร้องเรื่องกลุ้มหน้าพระลานผ่านราชา (๓๑)

กาลิงคราชดูพระองค์ทรงพินิจ
ทศพิธราชธรรมทำรักษา
จึงถือศีลเบ็ดเสร็จเจ็ดเพลา
ฝนไม่มาเหมือนเดิมเพิ่มพูนทุกข์ (๓๒)

เสียงร่ำร้องตะเบ็งก็เซ็งแซ่
พิธีแห่นางแมวตั้งแถวปลุก
ระดมสาดสายชลจนขนลุก
วอนให้รุกขเทวดาอารักษ์เมือง (๓๓)

ฝนยังแล้งติดต่อต่างท้อแท้
ต้นไม้แย่เกรียมกรอบมอบใบเหลือง
พระราชาปรึกษาตามเรื่องความเมือง
อำมาตย์ผู้ปราดเปรื่องทูลบดินท์ (๓๔)

0 ข้าพเจ้าได้ยินถิ่นสีพี
เป็นบุรีอุดมสมบูรณ์สิน
เพราะพระเวสสันดรเจ้าธรณิน
ทรงคชสารในถิ่นสิ้นกันดาร (๓๕)

ช้างปัจจัยนาเคนทร์เห็นวิเศษ
เข้าแคว้นเขตใดเล่าคนกล่าวขาน
นำฝนตกชุ่มฉ่ำน้ำเต็มธาร
พระราชาให้ประสานวานยืมมา (๓๖)

อำมาตย์ตอบว่ายากลำบากอยู่
ด้วยว่ารู้ช้างคู่บุญค้ำจุนหนา 
อีกทั้งเป็นพาหนะพระราชา
อีกเสียงว่ามีหวังเมื่อฟังความ (๓๗)

พวกหม่อมฉันได้ยินในถิ่นนั้น	
องค์ราชันทรงธรรมนำเขตขาม
ชอบให้ทานเป็นนิจจิตใจงาม
ลองจัดพราหมณ์ไปทูลขอดูสักที (๓๘)

0 จึงดำรัสจัดแปดพราหมณ์ตามที่ขอ
ไม่รีรอเดินทางกันขมันขมี
เมื่อไปถึงดินแดนแคว้นสีพี
ตามถึงที่พระองค์ทรงช้างไป (๓๙)

จึงทูลขอคเชนท์ประเด็นหลัก
ตรัสถามซัก, ตอบตามตรง, พ้นสงสัย
ทุกข์ประชาฝืดเคือง ณ.เมืองไกล
เมตตาไปทั่วหล้าต่างธานี (๔๐)

จึงสละช้างทรงองค์บริจาค
พราหมณ์ลาจากขี่ช้างไปในวิถี
พวกชาวบ้านเห็นทั่วกันด่าทันที
ตราหน้าชี้เป็นโจรปล้นช้างมา (๔๑)

ไม่รู้จักที่สูงต่ำดูทำเข้า
ขี่ช้างเจ้าไม่สำนึกรู้สึกรู้สา
พราหมณ์แถลงความจริงสิ่งเจรจา
ว่าได้มาโดยธรรมนำชี้แจง (๔๒)

0 แล้วขับช้างเข้าเมืองกาลิงครัฐ
ได้ขจัดทุกรอบตัวทุกหัวระแหง
ฝนก็ตกข้าวงอกแตกชุ่มแทรกแซง
หยุดแห้งแล้งกันหนอพอกันที (๔๓)

ชาวประชายิ้มหัวทั่วสถาน
อภินิหารช้างทรงส่งสุขี
อำนาจคุณบุญญาบารมี
ร่มโพธิ์ศรีโพธิ์สัตว์ป้องปัดภัย (๔๔)

0 ฝ่ายชาวเมืองสีพีนั้นตรงกันข้าม		
เกิดลุกลามแค้นเคืองเป็นเรื่องใหญ่
ประชาชนรวมกลุ่มก่อไม่พอใจ
ยกช้างได้ต่อไปคงยกเมือง (๔๕)

พวกเราคงไม่พ้นความพินาศ
ไม่สามารถดำรงชีพถีบกระเดื่อง
คงหมดสิ้นความสมบูรณ์และรุ่งเรือง
ขอเจ้าเมืองสญชัยได้จัดการ (๔๖)

ประชาชนโห่ร้องพ้องความโกรธ
ให้ลงโทษเวสสันดรก้องสถาน
องค์สญชัยเสด็จออกนอกพระลาน
บอกพวกท่านจะดูให้ไม่ช้าพลัน (๔๗)

ประชาชนเรียกร้องต้องเดี๋ยวนี้	
พระภูมีบอกอย่างไรให้ห้ำหั่น
ต้องประหารเวสสันดรหรือไรกัน
เสียงเงียบพลันชั่วขณะก่อนตะโกน (๔๘)

เราต้องการให้พระองค์ทรงเนรเทศ
ขับพระเวสสันดรผ่อนหลานโหลน
ยกแผ่นดินปล้นทุกอย่างไม่ต่างโจร
แจก-จ่าย-โอน เปลี่ยนระบบกบเลือกนาย (๔๙)

โปรดไตร่ตรองจะเดือดร้อนทุกท้องที่
เรื่องภาษีก็หนักหนาว่าเสียหาย
เปลี่ยนแผ่นดินเปลี่ยนโผนโยบาย
รอวันตายอย่างเดียวเชียวราษฎร (๕๐)

องค์สญชัยได้ฟังประชามติ
มีดำริดังว่า, ประชาถอน
ดำรัสความตามหาเวสสันดร
เล่าความย้อนให้ฟังยังบุตรา (๕๑)

องค์พระเวสสันดรขอผ่อนผัน	
ขอสองวันให้ทานใหญ่ใจปรารถนา
ตรัสให้ฟังของนอกกายให้ช้างงา
แม้กายาจะยกให้ใครต้องการ (๕๒)

ฝ่ายสนมนางในได้ยินข่าว
ทั้งแก่สาวฟูมฟายในราชฐาน
ระงมร้องด้วยเสียดายหลายอาการ
จนข่าวผ่านสะพัดถึงมัทรี (๕๓)

นางจึงขอติดตามยื่นคำขาด
ขอรองบาททรงธรรม์มิหันหนี
จะบุกป่าฝ่าดงเข้าพงพี
ก็ยินดีตามเสด็จมิเท็จเลย (๕๔)

มิขออยู่ลำพังดังเป็นม่าย
ให้อับอายผู้คนหมองหม่นเอ๋ย
แม้มิได้สมจินต์ถิ่นสังเวย
ที่กองไฟนั้นเลยเป็นที่ตาย (๕๕)

เมื่อได้ยินดังนั้นท่านอนุญาต	
อนงค์นาฏพรรณนาป่าหลากหลาย
เขาวงกตหิมพานต์งามมากมาย
สัตว์ทั้งหลายในพนาพึ่งพากัน (๕๖)

อัศจรรย์บรรยายคล้ายตาเห็น
ทั้งร่มเย็นเหมือนท่องแดนแสนหฤหรรษ์
ทั้งเพลิดเพลินอารมณ์ชมอรัญ
นางสร้างขวัญกำลังใจให้สามี (๕๗)

0 ฝ่ายพระนางผุสดีชนนีเจ้า
กำสรวลเศร้าเร่งรุดมาหาสองศรี
ปลอบประโลมเวสสันดรและมัทรี
จรลีไปเฝ้าท้าวสญชัย (๕๘)

ทูลขอร้องให้ยกเลิกเนรเทศ
ทุกข์เทวษกำสรดไม่สดใส
ทรงวิงวอนให้หยุดยั้งยังขัดใจ
แม้พระทัยจะเศร้าหมองก็ต้องทน (๕๙)

ผละเข้าเฝ้าโศกาไปหาลูก
รู้ผิดถูกแต่จำยอมพร้อมเหตุผล
ต้องให้เจ้าจำพรากลำบากลำบน
ประชาชนชี้ชัดเกินทัดทาน (๖๐)

0 สัตต.สดก.มหาทาน, งานสละ
ให้อย่างละเจ็ดร้อยเคลื่อนคล้อยผ่าน
สี่กษัตริย์ละทิ้งทรัพย์ศฤงคาร
มีแผนการสู่วงกตอันลดเลี้ยว (๖๑)

อัยกีอัยกามาเหนี่ยวรั้ง
ให้หลานอยู่ในวังยังแลเหลียว
นางมัทรีตัดพ้อต่อว่าเชียว
แม้ลูกชายคนเดียวยังไล่ไป (๖๒)

ทรงปกป้องมิได้ใครจะเชื่อ
จะกูลเกื้อหลานได้หรือไฉน
ยอมลำบากพ่อแม่ลูกพันผูกไป
สัญญาไว้ไม่ทอดทิ้งลูกหญิงชาย (๖๓)

...ยังมีต่อ..				
8 กุมภาพันธ์ 2548 09:14 น.

บอกหน่อยได้ไหม

กุ้งหนามแดง

..
บอกกับฉันอีกครั้งเธอยังรัก
แม้จะไม่แน่นหนัก..คำรักหลง
เพียงยืนยันสักครั้งยังมั่นคง
แม้ไม่เหลือซื่อตรงยังคงคอย

บอกกับฉันอีกครั้งเธอยังรัก
ยังรู้จักกันอยู่..เพียงครู่ถอย
สบตาฉันได้ไหมอย่าใจลอย
ยังเหลือรอยอำลาและอาลัย

บอกกับฉันสักครั้งเธอยังรัก
แม้ตระหนักว่าเลือนลางช่างเหลวไหล
ต่อแต่นี้แม้มีเธอ..มิเจอใจ
ประโยชน์ใดคำรัก..จะผลักทิ้ง..

				
5 กุมภาพันธ์ 2548 11:00 น.

ขี้เซา..

กุ้งหนามแดง

ลืมตาตอนเช้าวันเสาร์....ที่นอนผืนเก่า
ยินเสียงเพลงดังกวนใจ
0 บ้านใครทำบุญหรือไร....จึงเปิดเครื่องไฟ
ลุกไปสังเกตเหตุการณ์
0 โธ่เอ๊ยไอ้เด็กข้างบ้าน.....น่าเขกกบาล
เกรงใจชาวบ้านไม่มี
0 ไอ้เรามันก็ไม่ดี...............ตื่นสายป่านนี้
ลุกมาก็ด้วยเสียงเพลง
0 โวยวายก็อายตัวเอง........ขี้เซาบรรเลง
ตาเป่งกินบ้านกินเมือง
0 พรุ่งนี้ไม่เปิดเป็นเรื่อง......ซึมเซาเมาเซื่อง
อาจเคืองเลือกตั้งไม่ทัน
0 ตื่นสายเปลี่ยนไม้ทันควัน...อาจต้องงงงัน
เปลี่ยนคนกินบ้านกินเมือง
..				
4 กุมภาพันธ์ 2548 10:08 น.

ต่างกัน..ตรงไหน

กุ้งหนามแดง

ดินสออยู่ในมือ..................สมองคือจินตนาการ
ถ้อยคำที่แสนหวาน................เลือกมาสานปานถักร้อย
0 โครงเรื่องภายในใจ.............ดำเนินไปเรื่องใหญ่น้อย
สะดุดก็หยุดคอย....................คนเลื่อนลอย, ใครตีความ
0 เปรียบเทียบกับคนอื่น.........อีกดาษดื่นหยิบยื่นหยาม
เวลาเสียเปล่า, ปราม..............ทั้งคอยห้าม, อย่าทำเลย
0 เขียนไปเพื่ออะไร...............ภาษาไทยก็คุ้นเคย
กาพย์กลอนสอนความเชย.....อยู่เฉยเฉยดีกว่ากัน

0 ฉันเขียน, ฉันหลบหนี..........ถ้อยพาทีประชดประชัน
ผลงานเราต่างชั้น...................บทประพันธ์, คำนินทา..
..				
Calendar
Lovings  กุ้งหนามแดง เลิฟ 56 คน

วฤก

โคลอน

หมอกจาง

เชษฐภัทร วิสัยจร

เพียงพลิ้ว

อัลมิตรา

ฤกษ์ ชัยพฤกษ์

พี่ดอกแก้ว

แทนคุณแทนไท

แก้วประเสริฐ

แมงกุ๊ดจี่

ประภัสสุทธ

รการต์

บินเดี่ยวหมื่นลี้

ร้อยฝัน

หิ่งห้อยน้อยใจ

ลักษมณ์

ผู้หญิงช่างฝัน

ก้าวที่...กล้า

กวีปกรณ์

-ร้อยแปดพันเก้า-

เพรง.พเยีย

เฌอมาลย์

ครูพิม

คอนพูทน

ก่องกิก

ลานเทวา

อินสวน

พิมญดา

ยาแก้ปวด

กันนาเทวี

กิ่งโศก

ครูกระดาษทราย

แก้วประภัสสร

KIRATI

virismara

แกงเขียวหวาน

คนกรุงศรี

มวลภมร

ดาวศรัทธา

cicada

เปลวเพลิง

หญิงบ้า

เ ที ย น ห ย ด

din

สีเมจิก

นักสืบไร้ชื่อ

ชากร

บุญพร้อม

แย้ม ไกลวันเกิน

พระจันทร์แสงนวล

Jackie

ไผ่ลู่ลมม

ศรีปาด เฟสเก่าโดนระบบลบเฉยเลย

Prayad

Parinya

Lovers  1 คน เลิฟกุ้งหนามแดง
Lovings  กุ้งหนามแดง เลิฟ 3 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกุ้งหนามแดง