24 กรกฎาคม 2551 00:23 น.
กุ้งก้ามกราม
๑...นิราศร้างห่างเหจากเคหา
เคยอิ่มเอมเกษมสุขอยู่ทุกครา
จำใจลาหอยใหญ่ไปเมืองกรุง
๒...หิ้วไข่แดงย่องไปใส่ท้ายรถ
น้ำมันหมดเข้าปั๊มทำหน้ายุ่ง
เปิดกระจกเอาไว้เพื่อไล่ยุง
นั่งเกาพุงยิ้มหยันน้ำมันแพง
๓...ถึงพุนพินถวิลหวามถึงความหวาน
เคยโดยสารรถไฟไปทุกแห่ง
คนเคียงข้างผมยาวสาวแก้มแดง
ดั่งฟ้าแสร้งส่งมาบัญชาเรา
๔...ชีวิตผู้ต้องหาในอาณัติ
เพื่อสมบัติจำต้องทนหมองเศร้า
อีกพ่อตาแม่ยายร้ายไม่เบา
ผู้ดีเก่าหนำซ้ำสุดร่ำรวย
๕...ถึงท่าฉางเคยอิ่มยิ้มสดใส
กินผัดไทยอร่อยล้นกับคนสวย
เธอชอบโชว์ให้เห็นว่าเป็นมวย
โชคหรือซวยกันนี่ที่มีเมีย
๖...ขับรถไปไชยานั่งหน้าคว่ำ
พรั่นพรึงคำสาบานพาลใจเสีย
ชะลอรถครุ่นคิดเข้าผิดเกียร์
เหมือนดื่มเบียร์หมดลังนั่งตาลอย
๗...องค์พระธาตุไชยาพุทธสถาน
เด่นตระการลายเลื่อมมิเสื่อมถอย
บ้านพุมเรียงผ้าไหมงามใช่น้อย
อิ่มอร่อยหอยขาวชาวพุมเรียง
๘...เหยียบคันเร่งผ่านมาถึงท่าชนะ
ถูกเมียฉะจนล้ามิกล้าเถียง
เรื่องโด๊ปยาเธอรู้ดึงหูเอียง
มิร่วมเตียงหรอกหนาอย่าหวังเลย
๙...ได้แต่ปลงเรื่อยมาถึงละแม
หยอกเย้าแหย่เธอยิ่งทำนิ่งเฉย
คืนนี้หนอเราคงยากลงเอย
จะเอื้อนเอ่ยอย่างไรคงไม่ยอม
๑๐...เวลาล่วงง่วงจังที่หลังสวน
แม่เนื้อนวลให้ช่วยปอกกล้วยหอม
จึงจอดรถสองมือรื้อชะลอม
ปอกแล้วน้อมป้อนกล้วยด้วยยินดี
๑๑...แล้วเร่งรุดหมายมุ่งทุ่งตะโก
มิได้โม้ผืนดินแถวถิ่นนี้
ต้นตะโกเคยเรียงรายมากมายมี
ผ่านหลายปีหายเกลี้ยงเหลือเพียงตอ
๑๓...มิเหมือนรักของพี่ที่มอบน้อง
แม้นหม่นหมองเพียงใดมิให้ฝ่อ
ผ่านหลายปียังเฝ้าพะเน้าพะนอ
มิร่อยหรอสักนิดสนิทนาน
๑๔...เพลินเพ้อพร่ำรำพึงถึงสวี
เคยชิมฟรีอร่อยล้ำระกำหวาน
เช่นระกำสั่งสมบ่มดวงมาน
เมื่อพ้นผ่านหวานชื่นเช่นระกำ
๑๕...ยามบ่ายคล้อยแดดรุมถึงชุมพร
สาวละอ่อนผิวนวลชวนถลำ
หลงลืมคำเมียกำราบมิหลาบจำ
แทบล้มคว่ำเพราะเมียตบหลบไม่ทัน
๑๖...กราบขอพรเสด็จพ่อกรมหลวงฯ
ชวนพุ่มพวงนวยนาดหาดสวรรค์
หาดทรายรีเราเคยเผยใจกัน
จะคงมั่นดั่งทะเลกล่อมเห่ทราย
๑๗...ถึงปะทิวเมืองท่าชายทะเล
พายุเกย์เคยถล่มแทบล่มสลาย
ดั่งอารมณ์กราดเกรี้ยวเสียววางวาย
อาจถึงตายนะนวลควรผ่อนปรน
๑๘...บางสะพานผ่านมาอีกคราหนึ่ง
ยังซาบซึ้งความหลังครั้งสุขล้น
เคยเคียงคู่ท่องเที่ยวเกี่ยวกมล
มิเคยสนสายตาใครมามอง
๑๙...ต้องกล้ำกลืนฝืนหลับถึงทับสะแก
หิวแทบแย่จึงชวนนิ่มนวลน้อง
ข้าวขาหมูมิขาดผักกาดดอง
ฟาดเสียสองจานรวดเดินอวดพุง
๒๐...พออิ่มหมีพีมันพลันฮึกเหิม
ความเร็วเพิ่มด้วยใจอันหมายมุ่ง
อยากเห็นความศิวิไลซ์ในเมืองกรุง
ผ่านท้องทุ่งสามร้อยยอดอย่างปลอดภัย
๒๑...ตะลุยผ่านปราณบุรีเคยหนีเที่ยว
จะแอบเกี้ยวสาวปราณอ่อนหวานไว้
หว่านคารม-ทรัพย์เสริมจนเคลิ้มใจ
เมียจับได้ไล่คว้าตบตาลอย
๒๒...เลยจำจรจากมาอำลาถิ่น
ถึงหัวหินถิ่นที่มากมีหอย
เคยอกหักเสียท่าน้ำตาปรอย
ยังเหลือรอยฝังไว้ในทรงจำ
๒๓...จากหัวหินเร็วไวเพราะใจหาย
เสียเชิงชายถูกหลอกจนชอกช้ำ
รีบเร่งรุดเร็วไวไปชะอำ
เกือบเพลี่ยงพล้ำหลับในตกไหล่ทาง
๒๔...จึงแวะปั๊มพักก่อนจนค่อนดึก
พอรู้สึกหายห่วงความง่วงสร่าง
เริ่มเดินทางต่อมาถึงท่ายาง
เมียก็ช่างบ่นอู้จนหูชา
๒๕...สี่ทุ่มถึงเมืองเพชรเคล็ดขัดยอก
คำที่บอกจากเอวกลมสมน้ำหน้า
โถ!ช่างพูดตอกย้ำไร้น้ำยา
เถอะคราวหน้าไอ้แก่จะแก้มือ
๒๖...ผ่านเมืองเพชรรีบรุดสมุทรสงคราม
โอ้คนงามคอพับหลับแล้วหรือ
ส่งเสียงกรนดังเยี่ยงเสียงกระบือ
แก้มกระพือพรึบพรับรับเสียงกรน
๒๗...จนสมุทรสาครยังนอนต่อ
แถมหน้างอผมยุ่งพุงหลามล้น
เหลือบมองเห็นขนลุกฮือนี่หรือคน
แม่หน้ามนหมดสภาพใช่หยาบคาย
๒๘...ผ่านสมุทรสาครตอนเที่ยงคืน
เห็นเธอฝืนลืมตาพาใจหาย
ทำไม่รู้ไม่ชี้ไม่มีอาย
ดูขวาซ้ายบอกว่าขับช้าจัง
๒๙...ถึงกรุงเทพเข็มชี้บอกตีหนึ่ง
รีบตะบึงเข้าบ้านปานกระหัง
ความหิวโหยลุกโรมโหมประดัง
เมียน่ารักน่าชังสวยจังเลย
๓๐...เร่งอาบน้ำอาบท่าทาแป้งหอม
ตระเตรียมพร้อมร่วมเรียงเคียงเขนย
วิมานฝันพลันล่มอดชมเชย
นิจจาเอ๋ยมิ่งมิตรติดไฟแดง
๓๑...ตื่นตั้งแต่ไก่โห่ไปโคราช
จิตมุ่งมาดไหว้พระวัดเก้าแห่ง
ได้ทำบุญอุ่นดวงแดตามแต่แรง
เที่ยงจัดแจงดอกไม้ไหว้ย่าโม
๓๒...จะเยี่ยมชมฟาร์มโชคชัยในยามบ่าย
น่าเสียดายบัตรหมดอดเลยโก๋
จึงเลี่ยงมาสระบุรีมิได้โม้
ขึ้นเขาโชว์กราบพระฉายมิอายลิง
๓๓...พอเย็นย่ำสุรีย์ลับกลับกรุงเทพฯ
อดเสาะเสพแสงสีที่งามยิ่ง
นอนกอดก่ายหมอนข้างอ้างว้างจริง
หลับตานิ่งนับแกะน้อยตั้งร้อยตัว
๓๔...ตื่นแล้วไปนครปฐมชมตลาด
ไหว้พระธาตุขอบุญอบอุ่นทั่ว
เห็นสาวสวยสดใสใจเต้นรัว
หากทิ้งจั่วหามเสาคงเร้าใจ
๓๕...แล้วแวะไปราชบุรีหุ่นขี้ผึ้ง-
งามประหนึ่งของจริงแสนยิ่งใหญ่
อนุสรณ์สถานตำนานไทย
แสดงไว้หมดจดสิ่งงดงาม
๓๖...และไม่พลาดตลาดน้ำเมืองดำเนิน
ได้ดุ่มเดินตามใจไร้คนห้าม
ก๋วยเตี๋ยวเรือลิ้มลองชิมสองชาม
ดื่มน้ำตามอิ่มแปล้จีบแม่ค้า
๓๗...คิดถึงคนบ้านกลอนคนคอนหวัน
ที่หมายมั่นได้พบประสบหน้า
เพราะเราจำจากจรก่อนเวลา
ก่อนเธอมาราชบุรีมิได้เจอ
๓๘...พอเย็นย่ำอัมพวาได้มาเที่ยว
เดินเลาะเลี้ยวชมสาวงามยามเมียเผลอ
มีอาหารให้ชิมอิ่มจนเรอ
ต้องแก้เก้อแกล้งไอหากใครมอง
๓๙...ถึงทุ่มครึ่งนั่งนิ่งชมหิ่งห้อย
โดยสารเรือลำน้อยลอยลัดล่อง
แสงกระพริบวิบวับประดับคลอง
ดูเรืองรองงามล้ำแนวลำพู
๔๐...กลับกรุงเทพฯพักผ่อนตอนตีหนึ่ง
นอนคิดถึงเนื้อทองเหล่าน้องหนู
หากเมียไม่ตามมาคงน่าดู
เพราะว่าปู่โด๊ปยามามากมาย
๔๑...ตื่นเที่ยงวันพร้อมสรรพจะกลับบ้าน
จากมานานห้าวันมิทันหน่าย
แต่เพราะงานกองรวมสูงท่วมกาย
จำเคลื่อนย้ายกลับบ้านสางงานเอย
15 กรกฎาคม 2551 17:46 น.
กุ้งก้ามกราม
สู้วางแผนเอาไว้ไปกรุงเทพฯ
หวังเสาะเสพศิวิไลซ์ในเมืองหลวง
สาวเมืองกรุงเขาว่างามน่าควง
ปู่ไม่ห่วงเตรียมพร้อมขั้นยอมตาย
ทั้งยาเทศยาไทยจัดไว้เสร็จ
กลเม็ดเรียนรู้ดูหลากหลาย
หวั่นพลาดท่าเสียทีต้องหนีอาย
เสียเชิงชายเจ้าชู้ประตูดิน
อาหารเสริมสรรหามาเร็วรี่
อุ้งตีนหมีดีงูอย่าดูหมิ่น
ของหวงเสือเนื้อปลาไหลหาไว้กิน
เพียงแตะลิ้นงุ่นง่านควานหาโพรง
กระเทียมโทนกระชายดำน้ำผึ้งแท้
มะเขือแจ้แรงเหลือว่านเสือโคร่ง
โด่ไม่รู้ล้มดองในไหเหล้าโรง
ช้างทั้งโขลงยอมสยบแค่สบตา
จันทร์...เรียกหา มังกรสะบัดหาง
อังคาร...กร่าง สาวน้อยตกเตียง เรียงตรงหน้า
พุธ...พระกระโดดกำแพง ฤทธิ์แรงยา
พฤหัส...คว้าโหลแน่น แสนนางวาน
ศุกร์...กำลังเสือโคร่ง เจาะจงจิบ
เสาร์...กระซิบสั่งมา พญาช้างสาร
อาทิตย์...ม้ากระทืบโรง คงได้การ
ทุกวันวารแม้เมาวิ่งเอาแรง
คืนพรุ่งนี้ปู่กุ้งถึงกรุงเทพฯ
จะรีบเสพเต็มที่ดงสีแสง
วันนี้ยามสนธยาเหมือนฟ้าแกล้ง
เมียโทรแจ้งเปลี่ยนใจไปด้วยนะ
..........................................
เอวังด้วยประการฉะนี้แล......
หมายเหตุ......
กลอนนี้เขียนเพื่อความฮาเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
และกรุณาช่วยฮาเพราะลงทุนยอมแก่เป็นปู่เชียวนะนั่น
แล้วจะขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งครับ
8 กรกฎาคม 2551 21:35 น.
กุ้งก้ามกราม
รักประหนึ่งดาวระยับประดับฟ้า
แม้นบางคราดาวร้างลับห่างหาย
แต่บางคราวดาวกระจ่างงามพร่างพราย
เปี่ยมความหมายแฝงไว้นัยถ้อยคำ
รักประหนึ่งมหาชลาศัย
หล่อเลี้ยงให้ภพพื้นชุ่มชื้นฉ่ำ
คือเมตตาการุญน้อมหนุนนำ
จิตงามล้ำห่วงหาเอื้ออาทร
รักประหนึ่งสายลมชวยรวยระรื่น
ความชุ่มชื่นคืนกลับคลายดับร้อน
หากรักสมปรารถนาสิ้นอาวรณ์
ยากตัดรอนรักร้างห่างฤทัย
รักประหนึ่งหยดน้ำอำมฤต
ชโลมจิตขมขื่นฟื้นสดใส
ก่อเกิดความเข้มแข็งจากแรงใจ
มิโหยไห้ทดท้อทรมาน
รักประหนึ่งมาลีที่หอมหวน
กลิ่นยั่วยวนภุมราให้กล้าหาญ
แม้ร่างลับดับสิ้นไร้วิญญาณ
ปณิธานแห่งรักจักไม่สิ้น
รักประหนึ่งจันทร์งามอร่ามแสง
กระจ่างแจ้งสื่อความยามถวิล
ฝากคิดถึงห่วงใยคงได้ยิน
แม้ต่างถิ่นต่างหล้าฟากฟ้าไกล
รักประหนึ่งสุรีย์แสงอันแรงกล้า
สรรพสิ่งพึ่งพาอิงอาศัย
เพื่อสายพันธุ์สืบสานเนิ่นนานไป
และคงไว้นิยามแห่งความรัก
รักประหนึ่งพิรุณหลั่งราวสั่งฟ้า
เปรียบน้ำตาไหลตกยามอกหัก
ระทมทุกข์ฝังจำชอกช้ำนัก
มิประจักษ์แจ้งจริงสิ่งยื้อยุด
รักประหนึ่งมรสุมยามคลุ้มคลั่ง
คลื่นอารมณ์โถมถั่งยากยั้งหยุด
ไยหลงรสเสน่หาหนอมนุษย์
ต่างเร่งรุดไขว่คว้ามาครอบครอง
รักประหนึ่งเพลิงพิษริษยา
ต่างสรรหาเล่ห์กลความหม่นหมอง
ไร้ศีลธรรมนำจริตผิดทำนอง
รักเรียกร้องเร่าร้อนดั่งฟอนไฟ
รักประหนึ่งอะไรหลากหลายสิ่ง
ทั้งชายหญิงต่างสรรต่างฝันใฝ่
รักจริงแท้นั่นหรือคืออะไร
แล้วแต่ใครค้นหาจินตนาการฯ
6 กรกฎาคม 2551 17:22 น.
กุ้งก้ามกราม
แรกเกิดเราตะเบ็งเปล่งเสียงร้อง
ขณะคนทั้งผองยิ้มผ่องใส
ทุกแววตาตื่นเต้นเป็นแรงใจ
ยินดีให้เสน่หาเอื้ออาทร
แล้วไยจึงทดท้อต่อชีวิต
ปล่อยดวงจิตสับสนทุรนร้อน
เราเกิดมาครั้งหนึ่งพึงสังวร
อย่าให้ทุกข์กัดกร่อนจนอ่อนแอ
ความผิดหวังพลั้งพลาดอาจมีมาก
ล้วนคือขวากขวางกั้นในวันแพ้
อุปสรรคคือห่วงหลอนดวงแด
จงแน่วแน่แก้ไขหมั่นใคร่ครวญ
ทุกปัญหาหาใช่ไร้ทางออก
แม้นย้อนยอกขมขื่นยากคืนหวน
เพียงเปิดใจยอมพบและทบทวน
ทุกสิ่งล้วนมีมาเพื่อฝ่าฟัน
หากก้าวล่วงเส้นทางอย่างแกร่งกล้า
ด้วยดวงตาเห็นธรรมนำสุขสันต์
สรรพสิ่งผ่านมาล้วนสามัญ
ขวากหนามกั้นวันหน้าพร้อมท้าทาย
เถิดจงมีชีวิตลิขิตฝัน
คิดถึงวันเกิดมาหาความหมาย
แล้วจะมีรอยยิ้มอันพริ้มพราย
ในวันตายที่ใครใครร้องให้เรา
.....................................
ในวันที่เราเกิดเราร้องไห้ขณะใครใครยิ้มแย้มด้วยความยินดี
ในวันที่เราตายให้เรามีรอยยิ้มแห่งความสุข
และมีคนร้องไห้ให้เราด้วยห่วงหาอาลัย
อย่าตายไปอย่างไร้ความหมาย