27 กุมภาพันธ์ 2550 19:36 น.
กุหลาบน้ำตา
รามราชท้ายน้ำ เป็นเรื่องเล่าของปู่ย่าตายาย เท็จจริงอย่างไร
กุหลาบน้ำตา ไม่สามารถรู้ได้ ว่ากันว่า เป็นเรื่องราวการเดินทาง
ของเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช ( พระเจ้าศรีธรรมโศกราช ) โดยเสด็จ
ทางชลมารค ณ คลองเลียบเมือง และเมื่อมาถึง บ้านท้ายน้ำ ได้เกิด
เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น โปรดติดตามต่อไป ในกาพย์ห่อโคลง นะครับ
กุหลาบน้ำตา ลองนำคำเล่าขาน มาแปลงเป็นกานท์กลอน
ศรีธรรมโศกกษัตริย์ รามราช
เสด็จเยือนถิ่นทรงประพาส เรือหลวง
จากเลียบเมืองถึงบ้านกาศ ท้ายน้ำ
ถือฤกษ์เก้าเดินดวง ดารดาษราชรัตน์ เรือนา
ถือฤกษ์นพรัตน์ จอมกษัตริย์ยุรยาตร
จากเลียบเมืองบ้านกาศ ถิ่นท้ายน้ำย่ำฟ้าสาง
พร้อมพลทหารรักษ์ ประดับศักดิ์อัษฎางค์
ราชรัตน์นามเรือกลาง ถือมงคลประโคมครัน
เรือล่อง ณ ทางถิ่น ปักษีบินระกาขัน
พร้อมสรรพราชภัณฑ์ รพีภัทรกระจัดเรียง
ผ่านไทรและโพธิ์พฤกษ์ ย่ำยามดึกสงัดเสียง
หมู่ภมรอ่อนสำเนียง ยุรยาตร ณ กลางชล
พระพายส่ายโหยหวน ดูเรรวนแลสับสน
มองทั่วทุกตัวคน ยิ่งเคลือบแคลงสำแดงเดช
พระพายโหยโรยเรื้อ เรือหลวง
จันทราทรเด่นดวง ดื่นดาษ
ยามราตรีกาลลวง ลึกลับ
ดั่งเทพสำแดงประกาศ กู่ก้องร้องชัย
สายชลไหลวนกลับ ดั่งเปรียบกับกึ่งอาเพศ
ฤกษ์ลดหมดสังเกต เสมือนเหตุจะร้ายแรง
ฝนบ้าเมฆาคลั่ง ทุ้งกระทั่งสิ้นคลังแสง
เดชฤทธิ์ผิดสำแดง ระเดียดาษจะฟาดฟัน
เรือหลวงโคลงแคลนคลอน ท้ายเรือร่อนระส่ายสัน
ธงริ้งปลิวอนันต์ ดูอนาถเกินคาดคิด
กิ่งพฤกษ์ผนึกหัก บรรจงปักบนเรือติด
การณ์ร้ายกลายเป็นพิษ สุดจะพร่ำหรือคร่ำครวญ
เหรามานอนขวาง ณ ชลกลางดูผันผวน
ชนม์ชีพเหมือนติดตรวน สุดจะตรึกรำลึกลา
อ้าโอษฐ์เหมือนโกรธจัด หางสะบัดขัดช่วงขา
ร่อนกายฝ่ายธารา สายชลร่ายเป็นกลายเกลียว
พลทหารพาลเข้ายุทธ แขนขาหลุดดูน่าเสียว
เลือดทรุดสุดจะเยียว ถ้าเข้ายั้งต้องพลั้งตาย
เลือดสาดชาดแดงสด สุดสลดทรุดสลาย
เลือดหลากธาราราย ทั้งชลสายเลือดกายกอง
เหราขวางทางชล ชลาราศ
อาเพศกลายร้ายกาจ กึ่งสลอน
พลทหารพาลถึงฆาต คราคร่ำ
ทุกข์หลากยากจะย้อน ยลเบื้องเมืองหลวง นครนอ
เหรามุดยุดเรือ จนหางเสือขาดสยอง
พลทหารพาลลงกอง เกลือกกลิ้งกลับลงทับกัน
จอมกษัตริย์สุดขัดจิต รำลึกคิดผิดสิ่งสรรพ์
พลฆาตอนาถครัน สุดจะครวญหวนถึงดวง
ถอดทรงบรรจงกราบ ศิโรราบพิธีหลวง
ร่ายเวชเดชกลลวง ฤาจะเลื่อนหรือเคลื่อนกาย
โอมศรีรุจิเรจ ฤทธิ์อาเพศวินาศสลาย
จอมเหราเพรียกพากาย หาย ณกลางชลธี
ฤทธิ์เวชจอมกษัตริย์ เหราบัดบ่ายร่างหนี
เหตุร้ายกลับกลายดี ด้วยฤทธีเจ้านคร
ฟ้าสางสร่างทั่วหล้า พื้นนภาประภัสสร
ด้วยเดชฤทธิรอน รามราชจอมณรงค์
รามราช ณ ท้ายน้ำ มุ่งจะนำจุดประสงค์
เมืองนครสิธำรงค์ ฉลองราชประกาศไกล
นิยายแต่เบื้องบรรพ์ มาเสกสรรค์พิศมัย
ลูกหลานจึ่งเข้าใจ บรรจงน้อมประนอมคุณ
26 กุมภาพันธ์ 2550 19:08 น.
กุหลาบน้ำตา
เราเกิดมาเป็นมนุษย์นั่นจุดเหมือน
ความเป็นเพื่อนการผูกมิตรสนิทนิสัย
ความแตกต่างแห่งรูปชนบนทางใจ
ความเป็นไปบนภพจรคอยสอนเตือน
เมื่อดาวเดือนเลื่อนตกวิหคลับ
มนุษย์กลับสู่เคหาพาเสมือน
บางกลุ่มเข้าบางกลุ่มออกนอกชานเรือน
ความสับสนทนกลับเกลื่อนเลือนความจริง
เกิดเป็นชายกายเหมือนกันทุกส่วนสัด
กามกำหนัดคือเขตแบ่งแห่งชายหญิง
ความสุขทุกข์บุกหรือบั่นขั้นตอนจริง
เกิดบ่วงกรรมซ้ำท้วงติงคือสิ่งลวง
เกิดเป็นหญิงสิ่งที่เหมือนคือเรือนร่าง
ความแตกต่างมิใช่น้อยคอยห่วงหวง
มีรูปรสกลิ่นแลเสียงเพียงสิ่งลวง
แล้วแต่ดวงขึ้นกับกรรมกระทำมา
ทุกความเหมือนย่อมมีสิ่งแตกต่างแฝงอยู่
บทความนี้พิสูจน์แล้วว่าเป็นสัจธรรม
23 กุมภาพันธ์ 2550 17:55 น.
กุหลาบน้ำตา
ลิลิต เป็นบทประพันธ์ที่ขึ้นต้นด้วย ร่าย
บรรยายความต่อ ด้วยโคลง สลับกันไป
รักแปลงหมดแรงรัก ต้องตระหนักแก่ใจหญิง รักจริงหรือหลอนหลอก
รีบบอกเถิดโฉมศรี ในฤดีพี่เศร้าตรม ทุกข์ระทมจมกรรม
จิตชอกช้ำซ้ำเติม รักที่เพิ่มกลับพ่าย มาแหนงหน่ายบ่ายรัก
ช้ำหนักกระอักจิต รักสลายกลายเป็นพิษ พ่ายแล้วหญิงลวง นางเอย
รักแปลงหมดแรงรัก ร้างอก
รักหม่นจนหล่นตก เบื้องต่ำ
รักฝืนตื่นตระหนก แหนงหน่าย
รักเผลอเจอทุกข์กรรม กล้ำกลืนฝืนทน รักเอย
พ่ายรักหนักดวงจิต เพราะเราผิดมากไป หรือใจเธอทดลอง
ใยเราหมองหม่นเศร้า มิบรรเทาความโศก รักโบกวิโยคบ่าย
มีชายมาขวางแทรก รักเลยแหลกรานร้าว รักว่างเปล่าสลายสูญ
ยิ่งอาดูลย์ชอกช้ำ เพราะถ้อยคำที่แถลง เธอชี้แจงแกล้งเส
คิดจะเขวใจจาก รักพ่ายต้องพรัดพราก พ่ายรักร้างแรม หญิงเอย
พ่ายรักหนักดวงจิต จุ่งจำ
รักผลาญการกระทำ กระแทกอก
รักด้อยด้วยถ้อยคำ ฆาตใจ
รักพรากยากจะยก ยื้อหวงทวงคืน หญิงเอย
23 กุมภาพันธ์ 2550 17:42 น.
กุหลาบน้ำตา
ขอยกเรื่องเบื้องทุกข์แห่งชาวนา
เกี่ยวรวงราเรียวตะขอตอสนอง
หว่านเมล็ดเริ่มรวงเขียวกลายรวงทวง
เพื่อใฝ่ปองผู้บริโภควิโยคแทน
เหงื่อเป็นหยาดย้อยหยดรดธรณี
เกี่ยวรวงทองเข้าเครื่องสีลำบากแสน
หล่อเลี้ยงชนคนทั้งชาติมิขาดแคลน
เปรียบดั่งแกนหลักใหญ่แห่งไทยชน
ต้องทนแดดแผดเผาเร้ากายร่าง
ร้อนสรรพางค์อย่างขยาดอนาถผล
หล่อน้ำเลือดเชือดน้ำเหงื่อมาเจือคน
ต้องทุกข์ทนบนความสุขแห่งยุคกาล
( กลอนสุภาพ )
ต้องทนแดดแผดเผา ผลิผลาญ
ยอมทุกข์ซ้ำทำทาน ทั่วทุกข์
ยอมเป็นทาสบาทบริวาร เวรกรรม
ร่างกระสันบั่นบุก เบื้องบรรพ์ชั้นชน
จากแรงมาเป็นรวง ชนทั้งปวงควรตรึกจำ
เมล็ดข้าวทุกคราวคำ ล้วนคละทุกข์แลเหงื่อคน
จากเมล็ดเป็นรวงเรียว กูต้องเกี่ยวด้วยเคียวผล
หยาดเหงื่อกูจารปน ให้สูชนชะรอยกิน
เปิบข้าวทุกคราวคำ สูจำเป็นอาจิณ สูกินนั่นเหงื่อกู
ตรึกตรูเป็นชนชาว ข้าวนี้นั่นมีรส ได้ชดชิมทุกชั้นชน
ทุกข์ทนทุกเบื้องบาท และขื่นขาดจนเขียวคาว ราวแรงมาเป็นรวง
ช่วงทางนั้นเหยียดยาว เห็นเม็ดพราวสกาวหลาก ล้วนทุกข์ยากลำเค็ญ
เส้นเอ็นกูโปนปูด จึงรูดรวงมาเปิบกิน น้ำเหงื่อรินเรื่อแดง
น้ำแรงกูหลั่งริน ทั้งสิ้นคือสายเลือด ที่ข้อนเขือดไหลพรู
ที่สูซดกำซาบฟัน จงตรึกผนึกอนันต์ คุณต่าแห่งข้าว มนุษย์เอย
( ร่ายสุภาพ)
23 กุมภาพันธ์ 2550 17:22 น.
กุหลาบน้ำตา
แสนเสียดาย........
เนื่องความรักมีชายมาแทรกขวาง
ค่ารักหมดต้องลดละแห่งช่วงทาง
เมื่อรักร้างต่างแตกต้องแยกกัน
เสียดายความรู้สึก........
ที่พี่ตรึกรำลึกรู้สู่ความฝัน
รักกลับแล่งแปลงปลงลงกลางคันธ์
ใจสะบั้นขาดสิ้นถวิลนาง
เสียดายความจริงใจ........
พี่บรรจงส่งมอบให้ใยเสื่อมสาง
รักจริงใจใยมิเห็นต้องเว้นวาง
ไร้รูปร่างโครงสร้างรักมาหักลง
เสียดายค่ารักแท้.........
พี่เผยแพร่แก่น้องหญิงผิดประสงค์
รูปแบบรักต้องต่างติดผิดจำนงค์
พี่ต้องปลงเมื่อแปลงแข่งกับชาย
เสียดายกาลเวลา..........
พี่อุตส่าห์ศรัทธาใจใยสลาย
รักเธอเพี้ยนเปลี่ยนปรับถึงกลับกลาย
ด้วยความหมายแห่งรักแท้มาแปรแปลง
เสียดายความหวังดี.........
ของตัวพี่ใยจึงขาดหยาดแขยง
รักของเธอมาหมดใจไม่แสดง
รักเธอแบ่งปันใจให้รักลวง
เสียดายนิยามรัก..........
ที่ประจักษ์รักขาดแคลนหมดแหนหวง
รักสลัดขัดขืนยากคืนทวง
รักหลอนถ่วงเถลไถลไม่คงเดิม