8 มกราคม 2551 16:33 น.
กุหลาบน้ำตา
***เทวษท้นชนโศกเศร้าสลด
กาลกำหนดด้วยน้ำตามหาศาล
สิ้นพระชนม์แห่งเจ้าฟ้ามิ่งพิมาน
ชาติสยามร้าวรานอุราชน***
***มิ่งขวัญกัลยาเบญจาจริต
ทรงเปรื่องปรัชญ์อกนิษฐ์พิพัฒน์ผล
ด้านการแพทย์ทรงสืบเนื่องยุรยาตรยล
ต่างปรีดิ์เปรมซึ้งกมลมวลประชา***
***เบญจกัลยาณีศรีสยาม
ชนแซ่ซร้องทั่วเขตคามงามสง่า
ราชสกุลมหิดลเปี่ยมบุญญา
อุปถัมภ์องค์พุทธาราชาชันย์***
***กันดารถิ่นทรงประทับทรหด
ทรงแปลงเปลี่ยนชนบทอย่างสร้างสรรค์
พลาภาพแห่งชาวชนสราญอนันต์
ดั่งแสงจันทร์ส่องจ้าคณาจินต์***
***บัดนี้ชาติไทยช้ำกำสรวลเนื่อง
รุจีเรืองกลับสลดอย่างสูญสิ้น
ดรุณแรกเหล่ามนูทั้งแดนดิน
น้ำตารินนองหน้าอุราระทม***
***ข้าแต่ท้าวเทวัญแห่งชั้นสรวง
ขอรับดวงพระวิญญาณสราญสม
แห่งเจ้าฟ้ากัลยาสู่สุขารมณ์
สู่แดนพรหมดาวดึงส์ศฤงคาลัย***
27 ธันวาคม 2550 16:21 น.
กุหลาบน้ำตา
***ระนาดน้อยคอยเตือนแต่คำรัก
เสียงแห่งเจ้าเศร้านักระนาดเอ๋ย
แว่วคราใดเปลี่ยวเหงาอย่างคุ้นเคย
โปรดภิเปรยคำปลอบมอบแทนใจ***
***กาลจะเปลี่ยนเวียนวนระคนศก
หมู่วิหคจะเหินห่างไปทางไหน
แต่เพลงครวญหวนคะนึงซึ้งทรวงใน
ยังปลาบปลื้มเปรมใจไปทุกกาล***
***หากเหินห่างพรางกายแลพรางจิต
เสียงเพลงครวญตามติดประชิดม่าน
แม้นลมหวนหักเหให้ห่างมานย์
บทเพลงครวญยังสราญผ่านคีตา***
***โอ้ยอดรักครวญเพลงบรรเลงร่าย
พักตร์แห่งเจ้ายิ้มพรายเสน่หา
รักเรียบเรียงร้อยรักอักษรา
กลายคีตาอมตะประทับจินต์***
***ผืนระนาดเรียงลูกผูกกันแน่น
เสมือนแม้นทวิมานย์ประสานศิลป์
ขอเพลงครวญรักแห่งเราจงเรืองภิญญ์
จวนตราบสิ้นชั่วกัลป์นิรันดร์กาล***
22 ธันวาคม 2550 23:13 น.
กุหลาบน้ำตา
***ลับเร้นลวงร่างลางเลือน จริงกลับเสมือน
ท่ามกลางทางกลับแทบกลาย***
***ดึกเร้นดับร่างดาวราย ทางปลอดทอดปลาย
ราตรีแต่งร่างต่างรอย***
***ชนพฤกษ์ชักพลั่นหวั่นคอย ตึงเครียดตาคล้อย
ยากหลับลับเนตรเหตุกาล***
***จักจั่นหรีดร้องกังวาน สร่างเรื่องสำราญ
ควานมองความมืดครอบคลุม***
***ร้อยเรื่องลึกลับเร้ารุม จินต์ดั่งไฟสุม
กลับมอดกลางมานย์กลัดหมอง***
***โอ้จันทร์อาจแจ้งองก์จอง เสียงเพรียกเรียกร้อง
คำขอความขาดคลาดความ***
***เปลี่ยนฉากปัจฉิมเยือนยาม ต่างต้องติดตาม
ความลับช่างเร้นราตรี***
***ยากย่างเยือนอย่างย่ำยี ยกหยิบบัดพลี
เซ่นสู่พระกาฬเทวัญ***
***กลายทางกลางเถื่อนกลับกั้น ฤทธิ์เวชลงทัณฑ์
ด้วยข่ายมนตราอาคม***
***ราตรีร่ำร้องอย่างตรม ทนทุกข์ระทม
รอยทางจึ่งเร้นเลือนลาง***
***สังเวชอาดูลย์นวลนาง คำสาปอำพราง
เยี่ยงยามเย็นย้อนยลญาณ***
***ราตรีลับเร้นจึ่งจาร ผองชนสราญ
เบื้องบรรพ์สรรเล่นอักษรา***
21 ธันวาคม 2550 21:37 น.
กุหลาบน้ำตา
***ยลจรยุรยาตรเยื้อง ยลจันทร์
พิศเพ่งเฉิดโฉมพรรณ พิศพร้อม
สูงเทียมเท่าห้องสวรรค์ สูงเด่น โดดแฮ
ดุจดั่งเพชรพลอยล้อม หลบเร้นลวงชน***
***แสงจันทร์จลน์จรัสจ้า จรดรอง นวลเอย
สาดส่องสรรพสลับทอง ทั่วถ้วน
ลับแสงสู่ฉากฉลอง จรดหลั่ง
เสียงเปล่งสำราญล้วน รูปร้างลางลืม***
***เปรมปลื้มจึ่งแซ่ซร้อง ทรงบรรเลง
เตรียมแต่งดนตรีเพลง เพื่อพ้อง
บทวจีช่างวังเวง วิเวกล่อง โศกนา
เพียงเพื่อกำหนดร้อง ร่ายล้อเล่นกล***
***ผจญสุขกลับทุกข์ท้อ ระทมจินต์
หลากหลั่งน้ำตาริน หลั่งย้อน
มอบกายแด่คีตศิลป์ สืบส่ง
เพียงเร่งชีพดับร้อน หลากล้นกลเชาวน์***
<
***จันทร์เอยเจ้าช่างเร้น ลวงตา
ลวงแต่เบื้องบรรพ์มา หม่นเศร้า
สาดแสงสองปริศนา นานเนิ่น
หวังแต่ชายชะโลมเล้า ลับเร้นจึ่งแสดง***/font>
18 ธันวาคม 2550 22:44 น.
กุหลาบน้ำตา
***กาลครั้งหนึ่งเคยเศร้าโศกสลด
รักกำหนดบทช้ำนำวิถี
ตีบทแตกแยกทางระหว่างชีว์
ปิดคดีรักดับระงับจินต์***
***กายสัมผัสพลัดพรากแยกจากจิต
หละหลวมตัวคิดผิดมิสุดสิ้น
นึกว่าต้องเพียงลมที่หลากริน
อีกลมลิ้นกลิ่นโอษฐ์ที่โฉดช้า***
***อยากจะยั้งถ้อยหยาบกำราบฤทธิ์
แต่สิ่งผิดปิดป้องปราถนา
ริจะเรียงร้อยรสอักษรา
เหยียดกริยาหยาบด้านระร่านทรวง***
***เบี่ยงสบถคำหยาบดั่งคราบเลือด
ดูข้นขอดแห้งเหือดอย่างหึงหวง
คิดจะปลีกกายก่อด้วยล่อลวง
เฉกเช่นบ่วงพยาบาทอาฆาตแค้น***
***จากน้ำถ้อยกร่อยกลัดเป็นน้ำเนตร
ด้วยเล่ห์รักเป็นเหตุอาเพสแสน
อ้างฤทธีกามเทพทั่วด้าวแดน
จงทดแทนระทมทุกข์เป็นซากชล***