26 มีนาคม 2554 12:18 น.
กุหลาบน้ำตา
หยาดนภาพร่างพรมห่มพิภพ
บาดาลกลบบรรจบดินทุกถิ่นที่
นับแต่..บัดนั้น..จวนบัดนี้
สายวารียังไหลหลากกระชากมนู...
จึ่งรังสรรค์วรรณศิลป์ขึ้นชิ้นหนึ่ง
จะซาบซึ้งฤๅไม่..ไป่สวยหรู
ชะวากเวิ้งทุกเพิงพักหนักน่าดู
โอ้อดสูหนอสยาม..แหละความจริง...
ฤๅโลก..ย่างสู่..ทุรยุค
อาเพศร้ายหมายบุกถ้วนทุกสิ่ง
โปรดเถิดทวยเทพอย่าท้วงติง
เหล่ามนุษย์ล้วนประวิงจึ่งอิงความ...
กลัวแล้วยอมแล้วหนอธรรมชาติ
จงนิราศกลับไปอย่าไถ่ถาม
นับแต่นี้สืบไปให้งดงาม
อย่าปราบปรามด้วยวิกฤตฤทธิ์ทำลาย...
2 กุมภาพันธ์ 2553 11:50 น.
กุหลาบน้ำตา
***โอ้อนาถหวาดหวั่นพลันระทึก
ถ้อยสบถโฉดทราม ณ ยามดึก
หากกาลใดระลึกร้าวดวงจินต์***
***พิศสถานผ่านหาดอำมหิต
ห้วงหนึ่งแห่งความคิดอยากลืมสิ้น
แต่สาส์นเสียงกรีดทรวงร่วงเรี่ยดิน
น้ำตารินหลั่งหล่นลงปนทราย***
***พิศอัมพุท ณ อัมพรสะท้อนระทด
เกลือกกาฬมัวหมดหมองมิหาย
จันทร์ยังจมระทมหนอท้อทั้งกาย
ชีพจวนวายวูบหวิดเพียงนิดเดียว***
***อับปางอัปรีย์ธุลีอุบัติ
เคราะห์ซ้ำกรรมซัดสุดรั้งเหนี่ยว
ยาวิเศษเฉทใดไร้จะเยียว
ดั่งควงเคียวเคว้งคว้างกลางพนา***
***พิษร้ายพ่ายรักกระอักโลหิต
รักนี้ทวีพิษจนจิตหว้า
เวเหวี่ยงเลี่ยงแล้วยังไล่มา
ดั่งมัจจุราชพิฆาตฆ่าให้จาบัลย์***
***ควานหาปลายแห่งทางระหว่างชีวิต
ชีพก็หวิดเวียนว่ายปลายอาสัญ
ปลายแห่งชีพดับวูบลงเพรียบพลัน
สรรพางค์สั่นหวั่นว่าจะอาลัย***
***หากเลือกได้เลือกแล้วแหละความรัก
เลือกที่จินต์ผูกสมัครมิผลักไส
เลือกที่รักเป็นรักแท้...แหละบางใคร
บ้างตอบ...เถิดใจจะรอฟัง***
***อย่าให้เคียดกระเดียดแค้นเหมือนรักนี้
อย่าให้รักอัปรีย์ชี้ความหลัง
อย่าให้รัก...หละเลี่ยนเปลี่ยนเป็นชัง
เพลงรัก...หลังจากนี้ให้ดีจริง***
***ฤๅความช้ำต้องควบอยู่คู่เคียงรัก
เคียงกันอยู่อย่างอุปสรรคยากสาดทิ้ง
แต่กลเล่ห์หลอมไล้ยากไหวติง
ปล่อยทุกสิ่งตามชะตาเวลากรรม***
6 กุมภาพันธ์ 2552 19:09 น.
กุหลาบน้ำตา
...แสงระยิบพริบพราย ณ ปลายฟ้า
กระจ่างจ้าเจิดจรัสประภัสสร
เมฆินทร์มองคล้ายนางละคร
ระบำจรร่อนละล่องผ่านผองดาว...
...เคียงชิดเยี่ยงมิตรสนิทนิ่ง
วอนวิงอิงร่างอย่างหนุ่มสาว
ปนแสงแย้งระยับกับเพ็ญพราว
ส่องสกาวราวสีมณีนิล...
...แสงน้อยด้อยกว่ากล้าประชิด
มิเคยเกรงเพ็ญพิศจ้าวฐานถิ่น
ยอมแม้แหลกสลายมลายภินท์
กู้เกียรติกินกลางกาลผ่านเมฆา...
...ล่วงละเมิดเกิดระบอบกรอบกำหนด
กำเนิดพจน์จรดจารผ่านภาษา
เมื่อดวงดาวก้าวล่วงห้วงจันทรา
อ่านอาญาค่าโทษทรชน...
...บัดนี้สืบไปในเบื้องหน้า
ห้ามดาราเปล่งแสงเกินแห่งหน
จงประพฤติตามธรรมเนียมในเขตตน
อย่าล่วงล้นก่นอ้างอย่างจันทรา...
...... สิ่งที่ควรระลึกไว้เสมอ...
๑.ห้ามท้าพระจันทร์เปล่งแสง
๒.ห้ามแสดงความกล้าท้าผู้อื่น
๓.ห้ามเพลิดเพลินเดินป่าท้ากลางคืน
๔.ห้ามข่มขืนฝืนตัวเองให้เกรงกลัว...
6 กุมภาพันธ์ 2552 01:55 น.
กุหลาบน้ำตา
***มั่นคงฤๅชีวิต...
ทุจริตสุจริตคิดแปรผัน
กฎแห่งกรรมค้ำชีพทุกวานวัน
โทษทัณฑ์เยี่ยงทาสอนาถใจ***
***แน่วแน่ฤๅแปรปรับ
ทุกข์โถมโหมทับเกินรับไหว
ไร้แล้วแววสุขสถานใด
ต้องเภทภัยพรากพลัดตามอัตตา***
***คลอนแคลนฤๅแน่นหนัก...
แหล่งหลักหลุดล่องต้องปัญหา
ความรักทรงจำเพียงคำลา
กาลเวลาลดสั้นน่าหวั่นกลัว***
***ล่วงล้ำฤๅยำเกรง...
พ่ายแพ้ตนเองอย่างสุดขั้ว
ปลายทางแห่งหนหม่นหมองมัว
อุปมาดั่งบัวกลั้วโคลนตม***
***บาดหมางฤๅสร่างโศก...
วิปโยคกลียุคทุกข์ทับถม
น้ำตาหลั่งไหลหลากร้าวระทม
คำชมกลับพร่าเป็นด่าทอ***
***โอ้อเนถอนาถ...
วิปลาสประหลาดจิตคิดถอยท้อ
ชีวิตติดหล่มจมซากตอ
แต่...ความหวังทางเดินต่อยังพอมี***
9 ตุลาคม 2551 20:32 น.
กุหลาบน้ำตา
...กลีกาลสมานหมองนองเลือด
ดังดาบเชือดกลางใจโอ้ไทยหนอ
สุภาพชนชอกช้ำน้ำตาคลอ
สยามรอชื่อร่วงโอ้ปวงไทย...
...สองชีพดับเหลือเพียงร่าง...หมางจินต์
เพียงแถลงฤๅต้องสิ้น...ชีพไร้
ท่านตริตรองมองเหตุเถิดเพื่อนไทย
มารหมู่ใดผลาญชนบนเสรี...
...สมานฉันท์ปิดฉากอย่างบัดซบ
กลายศพกลายน้ำตาน่าบัดสี
นั่นหรือ.ประชาธิปไตย.ที่คุณมี
เสียทีเสียชาติเกิดบนแดนธรรม...
...ยศศักดิ์สำคัญกว่าหรือไฉน
ซดเลือดไทยด้วยกันอย่างอิ่มหนำ
มิอยากเปรยคำหยาบ"ไอ้ระยำ"
ใจมึงทำด้วยอะไร"ไอ้ทรชน"...
...มองชาติมองศาสน์มองกษัตริย์
น้อมนมัสบรรจงกราบสักสามหน
ท่านจะได้ซึมซับ"ความเป็นคน"
"ทุรชน"จะกลายกลับ"สุภาพมนู"...