23 มีนาคม 2550 14:53 น.
กุมภ์
อัสดง ร่มรื่น ชื่นลมพลิ้ว
สายลมปลิว ทิวข้าว ไหวเอนหนุน
ทุ่งสีทอง ต้องแดด นพคุณ
หอมละมุน อุ่นดิน กลิ่นท้องนา
ตะวันลับ เลื่อนลง นกบินร้อง
แสงสีทอง อาบท้องทุ่ง งามหนักหนา
แดดสุดท้าย อุ่นร่ำ สนธยา
สุดปลายนา ส่องต้อง ปลายริ้วรวง
เป็นรวงทอง ที่รอเคียว จากเรียวนิ้ว
แตะปลายริ้ว รวงทอง ที่ห่วงหวง
เจ้าเหนื่อยยาก ลำบาก จนตั้งรวง
คราวหน้าฝน เลยล่วง ด้วยแรงเรา
จากนาร้าง กลายเป็นทุ่ง อันสวยสด
หยาดเหงื่อรด เคียงคู่ น้ำใจสาว
สู้แดดฝน รอจน ข้าวเหลืองพราว
สุกสกาว ทุ่งข้าว เราสองคน
แดดสุดท้าย ก่อนพักกาย ตอนพลบค่ำ
ฟ้าสีดำ คลี่คลุม แผ่นดินฝน
ขี่เกวียนกลับ บ้านทุ่ง ของคนจน
ชื่นรอยยิ้ม หน้ามล บนฟอนฟาง..................
22 มีนาคม 2550 00:42 น.
กุมภ์
เพียงสายลม บางบาง ที่หวามไหว
รำเพยไป ทางได ไกลเหมือนฝัน........
ทิศทางของ หัวใจ ระหว่างกัน
ช่วยบอกฉัน สักที เถิดสายลม
สายลมเอย ผ่านเลย อยู่เสมอ
ใครเล่าเออ เลยหาย ฝืนใจข่ม
เหมือนสำเนียง แว่วผ่าน ในสายลม
ผ่านฉันไป ดั่งลม พร่างพรมไป
ฝนตั้งเค้า หลังลม พรมระรื่น
ดูสดชื่น เม็ดฝน ช่างสดใส
ฝนเอยฝน ตกพรำ เปียกรดใจ
ขอเพียงพรม ไม้ใบ ให้ฉันที
คลายร้อนรุ่ม ห่อหุ้ม ไปทั้งโลก
ทั้งทุกข์โศก หมกหมุ้น โลกใบนี้
ฝนเอยฝน สั่งฟ้า มาสักที
ตั้งเค้ามา แล้วอย่าหนี ไปจากกัน
ฝนซาแล้ว คล้ายห่าง ลาลับล่วง
ยังเป็นห่วง ลมฝน พรมห่มขวัญ
ความคิดถึง ตราตรึง ยากรำพัน
หนึ่งสัมพันธ์ หวังดี มิคลอนคลาย
ยังละเมอ เพ้อพร่ำ กับลมฝน
หัวใจคน น้ำใจ ไม่ห่างหาย
แม้ห่างกัน เธอฉัน เพียงร่างกาย
ยังไม่ไร้ ขอใจ เธออย่าลืม.................
17 มีนาคม 2550 01:47 น.
กุมภ์
นอนมองแสง นีออน อยู่กลางห้อง
ตาจับจ้อง มองฝ้า เพดานสูง
แสนเปล่าเปลี่ยว อ้างว้าง สุดอาดูร
เหมือนสิ้นสูญ ความรู้สึก นึกถึงเธอ
สองเท้าพา แค่ตัว ใจลอยล่อง
ตาไม่มอง ทางไหน เพียงใจเหม่อ
คืนนี้ออก จากบ้าน แค่อยากเจอ
เพียงพบเธอ เมื่อคืน ลืมไม่ลง
ค่ำคืนนี้ ไม่ได้เตรียม ใจมาเที่ยว
คนใจเปลี่ยว คนเดียว เหมือนลุ่มหลง
มาดักรอ พบเธอ จิตพะวง
หวังว่าคง ได้เห็น ไม่เย็นชา
นั่งรออยู่ ในร้าน ขาประจำ
แม่งามขำ อย่าเคือง อย่าถือสา
ใจมันสั่ง บอกว่า เอ็งต้องมา
เพียงสบตา ก็พอ ไม่สนใจ
อยากบอกให้ รู้ว่า ฉันคิดถึง
เพียงคืนหนึ่ง คืนนั้น ฉันฝันไฝ่
แม้คืนนี้ เธออาจ มากับใคร!!!
ฉันทำใจ ฉันได้ อย่ากังวล
แต่ยังนั่ง รอเธอ จะมาไหม???
เธออาจไป ใกล้ไกล ฉันไม่สน
แต่คืนนั้น คืนสุข สิ้นกังวล
ฉันแค่คน ใจหนาว คาวโลกีย์
คนมากมาย หลากหลาย ในคืนค่ำ
ฉันยังจำ คืนนั้น เหมือนคืนนี้
ฉันอยากเปลี่ยน สัมพันธ์ ที่เรามี
ให้เป็น สัมพันธ์ที่ ไม่หลอกลวง
12 มีนาคม 2550 22:34 น.
กุมภ์
คนจนผู้ยิ่งใหญ่
ฝากชื่อไว้ใต้แผ่นฟ้า
อดีตคนตุลา
เคยอยู่ป่ามาอยู่เมือง
ชื่อสุวิทย์ วัดหนู
นักต่อสู้ผู้ลือเลื่อง
ที่พึ่งของคนเมือง
มีต่อเนื่องเสมอมา
เขาคือนักเคลื่อนไหว
พร้อมรับใช้มวลประชา
ทุกข์ยากลำบากมา
เรื่องที่นาที่อยู่กิน
เอ็นจีโอคนจน
อุทิศตนไร้ทรัพย์สิน
ทำงานเพื่อแผ่นดิน
เพื่อท้องถิ่นอุดมการณ์
อยู่กินกับคนจน
อุทิศตนเพื่อแรงงาน
ต่อต้านเผด็จการ
นักจัดการเรื่องมวลชน
คมคนคมความคิด
ชื่อสุวิทย์มิตรคนจน
ต่อสู้บนเหตุผล
ไม่ยินยลอำนาจได
น้ำตาบนแท่งเทียน
ดุจความเพียรที่หยดไป
แสงเทียนเกิดแต่ไส้
ที่เผาในเนื้อในเทียน
บัดนี้เทียนมอดดับ
พิไรลับกับแสงเทียน
คือคนคงความเพียร
เพื่อต่อเทียนเล่มต่อไป
ท้ายสุดจากใจรัก
ขอพี่พักวางใจได้
ชีพนี้เพื่อเมืองไทย
ผู้ยิ่งใหญ่ของคนจน
ตายสิบเกิดอีกแสน
เป็นตัวแทนไม่ย่อย่น
ต่อสู้ให้คนจน
ดั่งผลิตผลที่งดงาม........
12 มีนาคม 2550 09:57 น.
กุมภ์
สิ้นราตรีแสงสุรีย์อาบขอบฟ้า
ดูเหมือนว่าวันเวลายังไม่สาย
เร่งค้นหาค่าชีวิตทั้งใจกาย
ถึงเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายก็น่าลอง
เหมือนวิหกผกโผบินอยู่บนฟ้า
สุดสายตาบินเสาะหาให้ได้ของ
เที่ยวหาเหยื่อเผื่อลูกน้อยตามใจปอง
ตามครรลองของชีวิตลิขิตมา
เหมือนดั่งคนเกิดมาล้วนมีดีชั่ว
ห่อหุ้มตัวมีรวยจนคนค้นหา
มีความรักความต้องการมาฉาบทา
ธรรมดาหากผิดหวังต้องทำใจ
ถึงแผ่นฟ้าชลาลัยคอยกั้นขวาง
บนหนทางตามล่าฝันอันยิ่งใหญ่
เกิดครั้งเดียวชีวิตยังต้องฝ่าไป
อย่าปล่อยใจซังกะตายไปวันวัน
แม้ค่ำคืนยามดึกดื่นเดือนมืดมิด
แต่ชีวิตยังมีสิทธิ์จะคิดฝัน
ดุจแสงเทียนนำทางส่องผ่องอำพัน
ดั่งแสงสรรค์ของหิ่งห้อยในค่ำคืน
มีความกลัวตามหลอกตัวในคืนร้าง
เปลี่ยวอ้างว้างมิอาจวางมิอาจฝืน
ยังไม่ทันได้ค้นหาทั้งจุดยืน
กลับพังครืนเพราะความกลัวเผาตัวตน
แผ่นฟ้ากว้างภูผาสูงใครเคยข้าม
เพื่อติดตามฝันงดงามอย่าสับสน
ฟากฝั่งฝันแม้แสนไกลอย่ากังวล
บอกตัวตนหากข้ามพ้นย่อมค้นเจอ
เกิดเป็นคนทั้งทีลองมาล่าฝัน
เพราะรางวัลของความฝันใช่เพ้อเจ้อ
หนึ่งชีวิตเพียงหนึ่งฝันต้องหาเจอ
อยู่ที่เธอจะค้นหาหรือรามือ
ชีวิตนี้มีอะไรอีกเยอะแยะ
มีเกิดแก่เจ็บตายให้ยึดถือ
แต่ละคนมีความฝันอยู่ในมือ
เพราะคุณคือ"คนล่าฝัน"ที่ฝันเป็น