29 พฤศจิกายน 2549 13:44 น.
กุมภ์
เพลงพิณพรมแผ่วพริ้ว บรรเลง
ดื่มด่ำในเสียงเพลง กล่อมฟ้า
พรมพิณแว่วครื้นเครง เพลงแห่ง สวรรค์
หวานกล่อมไกลในหล้า ห่างฟ้า วิมาน สู่ดิน
เพลินเพลงพิณแว่วร้อย สำเนียง
ครวญคร่ำครายินเสียง แผ่วเศร้า
เพลงพิณกล่อมดินเพียง เคียงห่าง
หวามหวั่นหวานใจเจ้า แค่เย้า หยอกดิน
คราพิณเพลงเร่งเร้า สายลม
ดอมกลิ่นดอกดินพรม กรุ่นห้อง
โชยลมกล่อมกมล หอมห่ม ขวัญข้า
วานว่าไกลถึงน้อง ห่มห้อง เนื้อนวล
หอมลมพรมห่มห้อง หอนาง
หวานหว่านกำจรจาง พร่างพริ้ม
รวยรินกลิ่นดินฟาง จางห่าง
พรมแต่งแต้มรอยยิ้ม ก่อนสิ้น เสียงพิณ
27 พฤศจิกายน 2549 12:26 น.
กุมภ์
มิ่งไม้มนต์โมกลมโบกพัด
รายรัดเรียงร้อยถ้อยคำหวาน
ฝากฝังไฝ่ฝันในวันวาน
หวิวหวานหวามไหวใช่เพียงลิ้น
แพรพิณพรรณพรายสายโมกขาว
พริ้มพราวแพรวเพริศบรรเจิดศิลป์
พริ้วพรมพร่างพรูสู่แดนดิน
เพลงพิณพระพายกระจายจาง
โมกไม้ไม่มอดขจรกลิ่น
รวยรินร่ำไรในรุ่งสาง
กอดก่ายกกเกยเขนยนาง
เปรมปรางค์ปลิดปลิวระริ้วลม
ชมชอบแช่มชื่นระรื่นกลิ่น
รวยรินร่มรื่นชื่นสุขสม
โยกเย้ายักย้ายในสายลม
เพลงพรมแพรพริ้วปลิวบรรเลง
กลุ่มก้านกวัดไกวไยโมกสาย
ริ้วรายเริงรำระบำเร่ง
สร้อยสายส่ายสั่นลั่นบทเพลง
ครื้นเครงคราคร่ำดื่มด่ำตา
มนต์โมกมิ่งไม้ได้ชมชื่น
ดาษดื่นเด็ดดวงปวงบุปผา
ผะผ่าวแผ่วเผยรำเพยมา
พัดพาพวงพุ่มชอุ่มใจ
เยื่อใยยืนยงยังคงมั่น
ยืนยันยินยอมถนอมไฝ่
เฝ้าฝันฝากฝังจากฝั่งใจ
คำใครคมคายไม่หน่ายรัก
เพียงเพราะพริ้วเพลินเจริญหู
เคียงคู่คนเคยเอ่ยแน่นหนัก
จริงใจแจ้งจบเพียงพบพักต์
ร้อยรัดรักร้อยแน่งน้อยนาง........
23 พฤศจิกายน 2549 13:01 น.
กุมภ์
ราตรีหนึ่งในไพรเถื่อนแสงเดือนสาด
ดาระดาษทะเลดาวพราวเวหน
แสงจันทร์นวลแต้มจุดขาวดาวเบื้องบน
กระจ่างจนประสานแสงดั่งแกล้งจันทร์
หนึ่งราตรีไพรคีรีอาบแสงฟ้า
แสงจันทร์จ้าซ่อนแสงดาวพราวดั่งฝัน
ดาวน้อยใหญ่ดูสุกใสในแสงจันทร์
ดั่งรางวัลแห่งภาพฝันจันทร์ดารา
แสงราตรีในคีรีอาบความเหงา
ลำแสงเศร้าเร้าอารมณ์เที่ยวค้นหา
ในป่าเหงาทะเลดาวบนนภา
ล่วงเวลามาสุดคืนขมขื่นใจ
ใต้ฟ้าใหญ่ไพรวิเวกดั่งเสกสร้าง
จันทร์กระจ่างแต่ใจหนึ่งไม่สดใส
หยาดน้ำค้างต่างน้ำตากลางป่าไพร
ปลอบหัวใจที่ทุกข์ทนคนคีรี
แสงฟ้าดาวพราวน้ำค้างต่างเพื่อนขวัญ
ทุกคืนวันปลอบใจกันไม่ห่างหนี
บนนภาจันทร์ดารามากมายมี
ต่างกับป่าในคีรีหามีใคร
อกสะท้อนเหม่อมองฟ้าในคืนหนาว
ในแสงดาวมีความเหงามาห่มให้
อยากมีบ้างความอบอุ่นไว้ปลอบใจ
วานดาวใสช่วยไขแสงแจ้งเธอที
บ้านคีรีแห่งนี้มีคนไกลบ้าน
มีลำธารแห่งดวงดาวกระพริบถี่
มีแสงเย็นของจันทร์เพ็ญในราตรี
และแสงสีของหิ่งห้อยที่ลอยลม
พรมน้ำค้างห่มแสงดาวที่พราวฟ้า
บนยอดหญ้าราวเกล็ดเพชรวิเศษสม
ธรรมชาติอันห่างไกลช่างน่าชม
คงสุขสมหากมีเธอนั่งคลอเคียง
แต่เป็นได้แค่ชมฟ้าคืนฝันหลั่ง
เพียงลำพังเคียงแสงจันทร์รำพันเสียง
โอ้ลมหนาวพาใจเหงาลำพังเพียง
หวังว่าเสียงที่ฝากลมพรมถึงเธอ.................
20 พฤศจิกายน 2549 14:34 น.
กุมภ์
ก่อนหลับตานอนพักในคืนเหงา
หากเธอเศร้าซึมเซาเฝ้าสงสัย
ค่ำคืนนี้กลางดึกนึกถึงใคร
จงปล่อยใจลื่นไหลในราตรี
ใต้แสงดาวพราวระยิบกระพริบจ้า
ใกล้เวลาดาราคล้อยจะลอยหนี
พักสายตาได้แล้วหนา"คุณคนดี"
ต่อจากนี้เป็นหน้าที่ของฉันเอง
เพียงเธอพักหลับตาฉันมาเฝ้า
เป็นเหมือนเงาเฝ้าฝันใช่ข่มเหง
ยามนิทราฉันจะมาหาเธอเอง
หากวังเวงแค่ครั้งคราในบางคืน
ใต้ปีกฝันซ่อนความฝันอันอบอุ่น
หอมละมุนกรุ่นกลิ่นฝันอันสดชื่น
ความหวังดีอีกไมตรียังหยัดยืน
ไม่เคยขืนส่งใจไปใกล้ใกล้เธอ
คนเฝ้าฝันอย่างฉันทำหน้าที่
นำฝันดีมาให้เธอเสมอ
แม้บางคืนขาดหายใช่เผลอเรอ
เพียงเพราะเจอภาระกิจติดเรื่องงาน
ต่อคืนนี้ตลอดไปในทุกค่ำ
ขอส่งคำคิดถึงมาประสาน
จะอยู่เฝ้าฝันเธอนั้นนานนาน
เธออย่าคร้านให้ฉันเฝ้าเท่านั้นพอ........
20 พฤศจิกายน 2549 12:17 น.
กุมภ์
ความห่วงไยจากคนไกลอยู่ปลายฟ้า
อาบวิญญาเธอส่งมาเป็นของขวัญ
ในสายลมกระซิบแผ่วแว่วรำพัน
เป็นจำนรรฝากลมพามาปลอบใจ
ลมหายใจที่เข้าออกบอกคิดถึง
ห้วงคะนึงความคิดถึงที่ส่งให้
ข้ามขอบฟ้าฝากลมพามาห่มใจ
ฉันรับได้ความรู้สึกอันแสนดี
บางค่ำคืนยามดึกดื่นอาจเหงาเหงา
เพื่อนคือเงาอารมณ์เศร้าไม่หน่ายหนี
ในคืนหนาวใต้แสงดาวพราวคีรี
หนึ่งไมตรี"คุณคนดี"ฝากลมมา
ความทุกข์ท้อทรมานคือห่างหาย
เหมือนแหนงหน่ายเพราะฉันหายไม่มาหา
ใช่เป็นสุขที่หายไปหลายเพลา
เหมือนร้างลาจากกันไปคนใจดำ
ไม่แก้ตัวกลัวเธอนั้นจะยิ่งโกรธ
คำขอโทษโอดครวญไปยิ่งน่าขำ
เพียงบทกลอนใช่ยอกย้อนแทนน้ำคำ
คนใจดำขอนำกลอนช่วยผ่อนคลาย
จะทุกข์สุขจากนี้ไปจะเคียงข้าง
ไม่ขอร้างลาจากเธอให้ขวัญหาย
มิตรไมตรีสิ่งดีดีอีกมากมาย
มีความหมายในอุราค่าตราตรึง
แม้เวลาอาจมีน้อยไม่เหมือนก่อน
เพียงบทกลอนจากใจนึกระลึกถึง
จะส่งกลอนห่มลมฟ้าดาวดึงษ์
ฝากไปถึง"คุณคนดี"ที่อยู่ไกล
หวังว่าเธอยังใจดีไมตรีตอบ
ยังคงมอบความหวังดียินดีให้
คนภูผาจะรีบมารับน้ำใจ
จากนี้ไปไม่ขอไกลให้สัญญา..............