11 มกราคม 2550 14:02 น.

ดอกไม้ริมทาง

กุมภ์

วานเพื่อนพ้องช่วยเฉลยเคยบ้างไหม
ปลดปล่อยใจให้เลื่อนไหลตามวิถี
ไร้พันธะสิ่งเกะกะประดามี
สำนึกดีเพียงแค่นี้ที่ติดตัว

เหมือนสายลมที่พรมพรายทั้งไกลใกล้
รู้สึกได้ไร้จุดหมายกระจายทั่ว
คือไออุ่นในลมหนาวผ่าวระรัว
ไม่รู้ตัวรำเพยไปไร้ทิศทาง

เป็นอารมณ์ที่สั่งสมตามความคิด
ไร้ถูกผิดยามพินิจไม่หม่นหมาง
อิสระดั่งดอกไม้ริมข้างทาง
ไร้กระถางแต่เบิกบานในใจตน

ดอกไม้เถื่อนดูกลาดเกลื่อนริมทางเท้า
ทุกค่ำเช้าเย้าลมแดดละอองฝน
อวดดอกสวยระรวยกลิ่นยามหยุดยล
เพียงสักคนจะมีไหมใคร่เด็ดดอม

แต่ดอกไม้ริมทางเท้าดูด้อยค่า
เหมือนดอกหญ้าคุณค่าน้อยด้อยความหอม
คงมีเพียงหมู่ภุมรินทร์ที่บินตอม
ขอยินยอมเป็นดอกไม้ริมทางเดิน

เป็นดอกไม้ริมทางเท้าคนก้าวพ้น
ทั้งลำต้นและดอกใบไม่ขัดเขิน
ยังเย้าลมพรมแสงแดดแสนเพลิดเพลิน
ใช่ส่วนเกินอยากชวนเชิญลองเด็ดไป

ดอกไม้ป่าอีกดอกหญ้าบานสพรั่ง
ดูคล้ายดั่งสีภู่กันสบัดใส่
ไร้ระเบียบและกฎเกณฑ์ตามแต่ใจ
ใต้ฟ้าใสแต่งแต้มไปในสายลม................				
8 มกราคม 2550 01:27 น.

เสียงของความเงียบ.....

กุมภ์

ในลมหนาวฟ้าสกาวดาวระยิบ
เสียงกระซิบในสายลมพรมห่มขวัญ
เป็นความเงียบเปรียบประหนึ่งของกำนัล
รำเพยฝัน..รำพันหวน..นวลคำนึง........

เป็นความห่างเป็นความต่างที่สัมผัส
ดูแจ่มชัดในสายลมที่พรมถึง
มองไม่เห็นฟังไม่ออกแต่ตราตรึง
นวลคำนึงยังไม่ครึ่งของความเงียบ

ความเป็นไปของคนไกลดูเฉยนิ่ง
แต่ทุกสิ่งดำเนินอยู่อย่างราบเรียบ
เสียงระรัวของหัวใจยากจะเปรียบ
เศษส่วนเงียบกับทำนองของหัวใจ

นวลคำนึงถึงภูไพรไกลสุดฟ้า
สุดสายตามิอาจพบจบตรงไหน
เป็นรอยต่อความรู้สึกว่าห่วงใย
อย่าหลงไปเที่ยวสืบค้นอาจหลงทาง

ปล่อยสายลมห่มความเงียบดั่งเก่าก่อน
อย่าเร่งร้อนทอดถอนใจจนหม่นหมาง
ในความเงียบมีเสียงลมพรมบอกทาง
รำเพยบางคล้ายอ้างว้างเพียงลำพัง

ความคิดถึงห้วงคะนึงนั้นไร้เสียง
อาจเหลือเพียงเสียงสะท้อนแต่หนหลัง
ภาพคนไกลดูลางเลือนไม่จีรัง
กลับฝากฝังรอยอาธรอยู่ภายใน

ฟังลมกล่อมละมุนอ่อนตอนแดดสาย
อบอุ่นคล้ายอาบหัวใจให้สดใส
ภาษาลมห่มความเงียบมาปลอบใจ
สำเนียงไดไม่สำคัญสักสำเนียง

เพียงความเงียบเปรียบประหนึ่งครึ่งโลกร้าง
อาจอ้างว้างจนเคว้งคว้างเพราะหลงเสียง
ระวังตัวและหัวใจเสียงแค่เพียง
สรรพสำเนียงเพียงปรุงแต่งภาพมายา

ภาษาใจไร้สำเนียงภาษาสื่อ
หากยึดถือคงได้เพียงเสียงภาษา
ความใสซื่อสื่อถึงใจไร้มายา
เพียงหลับตาแม้เงียบกว่า...ทว่า...เข้าใจ........				
26 ธันวาคม 2549 00:07 น.

ดอกไผ่บาน

กุมภ์

มีคำกล่าวชายในฝันดั่งเงาพร่า
เหมือนมายาในแผ่นน้ำภาพเคลื่อนไหว
เหมือนเมฆลอยบนนภาเวิ้งฟ้าไกล
ลอยล่องไปไร้ตัวตนยามลมตี

ความคิดถึงมิอาจฝ่าธารากว้าง
ดูเวิ้งว้างดั่งคว้าเงาที่ลอยหนี
เมฆบนฟ้าลอยตั้งเค้าเหล่าเมฆี
ไม่คงที่เปลี่ยนแปลงไปไร้รูปเงา

ดั่งใจคนที่ไหวหวั่นกว่าทุกสิ่ง
ไม่อยู่นิ่งเปลี่ยนแปรง่ายคล้ายคนเขลา
ค่ำคืนนี้มิอาจฝืนแม้ซึมเซา
จะขอเมาให้ความรักที่จากไป.................

อยากโทษฟ้าโชคชะตาสวรรค์แกล้ง
นรกแสร้งสาปส่งรักดั่งผลักไส
เหลือแต่ตัวบาดรักท่วมทั้งกายใจ
หล่นจมในสายธาราแห่งวังวน

ดั่งกิ่งไผ่ที่ไหวเอนตามกระแส
สายลมแปร,เปลี่ยนราตรีให้สับสน
ลำนำป่าที่ขมขื่นน้ำคำคน
ยิ้มกลางฝนโต้สายลมเพียงลำพัง

หยดน้ำค้างที่พร่างพรูในลมหนาว
ละอองดาวพราวแสงหรี่ดั่งสิ้นหวัง
คล้ายหยั่งรู้ความอ้างว้างเปลี่ยวลำพัง
ดับความหวังกลางราตรีที่เปราะบาง

ดอกไผ่บานครั้งสุดท้ายคล้ายบอกกล่าว
ร้อยเรื่องราวถึงดอกไผ่ที่หม่นหมาง
บานเพื่อลาจากเจ้าคงต้องปล่อยวาง
วิถีทางพยานรักแห่งพงไพร

ดอกไผ่งามยังเบ่งบานกลางใจนี้
ความเข้มแข็งจงแทนที่ความอ่อนไหว
ไม่สำคัญว่าจะนานสักเพียงไร
รอเติมใจด้วยความฝันวันไผ่บาน......................				
19 ธันวาคม 2549 14:15 น.

ไผ่ผิว

กุมภ์

กิ่งไผ่ไหวตามลม          สานผสมลำต้นสี
เอียดออดเสียงดนตรี     ฟังเข้าทีคล้ายเสียงเพลง
กวัดไกวไหวกิ่งก้าน       ริ้วลม
ดาษดื่นเสียงผสม          ไผ่พลิ้ว
เอียดออดดั่งเพลงพรม    ลมแห่ง ดนตรี
เพลงไผ่ไพรระริ้ว            แผ่วพลิ้ว เสียงเพลง

ข่มใจในคืนเหงา             ฟังเสียงเศร้าไผ่บรรเลง
ดื่มด่ำเหงาวังเวง             วิเวกเพลงบรรเลงไพร
ดึกดื่นคืนขุ่นข้อง              หมองใจ
เสียงไผ่บรรเลงไพร          แผ่วเศร้า
คืนเหงาดื่มด่ำใน              ไพรใหญ่ วิเวก
เพลงกล่อมไพรหยอกเย้า   ร่วมเคล้า บรรเลง

เสียงไผ่ในไพรโศก           ยามต้องโสตสะท้อนใจ
ดนตรีในป่าไพร                 คีตไดจะเทียบเคียง
สำเนียงเสียงไผ่เศร้า          ไพรโศก
ขมขื่นยามต้องโสต              หม่นไหม้
ดนตรีป่าในโลก                   เพลงแห่งพงไพร
คุณค่าคีตไพร                      เด่นได้ เทียบเทียม

ราตรีอันเปราะบาง               อาจอ้างว้างลำพังเพียง
ไร้คนคอยข้างเคียง              ร่ำไรเสียงเพียงไผ่ผิว
ราตรีนี้อ่อนล้า                      เปราะบาง
โดดเดี่ยวเปลี่ยวอ้างว้าง        ห่างเจ้า
คืนเศร้าห่างเหย้าร้าง            เคียงคู่ เขนย
เสียงร่ำไรเพลงเศร้า             ไผ่ริ้ว ผิวเพลง

ทอดกายตามแสงเดือน         รักลางเลือนลมหวีดหวิว
ใบไผ่ที่ปลิดปลิว                    ลอยละลิ่วไปบนทาง
ทอดร่างกายอยู่ใต้                 แสงเดือน
หากแต่รักลางเลือน               เลื่อนพ้น
ปลิดปลิวหล่นกลาดเกลื่อน      เพียงไผ่ ใบช้ำ
ละลิ่วล้ำจากต้น                      หล่นพ้น สู่ดิน

เพลงเหงาจากไผ่ผิว               บรรเลงพลิ้วจนรุ่งสาง
รักเอยไม่เคยจาง                   แม้นเปราะบางหัวใจนี้
เพลงเหงายังร่ำร้อง                 ไผ่ผิว
ละลิ่วตามลมปลิว                     ย่ำเช้า
รักเอยไม่เคยพลิ้ว                   แปรเปลี่ยน ตามลม
ยอมข่มหัวใจเศร้า                   อ่อนร้าว เปราะบาง				
15 ธันวาคม 2549 14:51 น.

" ฒ" ไม่เฒ่า

กุมภ์

คำดำรัสที่พ่อหลวงทรงตรัสไว้
เรื่องส่วนใหญ่ดำรัสไว้เป็นเนื้อหา
ทรงกล่าวถึง" คุณ" และ " ค่า" คนชรา
ให้นำพาคุณค่าปัจฉิมวัย

ทรงกล่าวถึงคนชราควรได้พัก
เหนื่อยมานักไยไม่พักน่าสงสัย
พักไม่ได้เรื่องบ้านเมืองต้องใส่ใจ
ยังห่วงใยละไม่ได้...ใครนำพา??

เรื่องการเมืองทรงตรัสชัดเราเบื่อแล้ว
นายกแม้วไม่สนองกลับอาสา
ทำปั่นป่วนเหนือใต้ออกหลอกประชา
ปากนำหน้าพูดไม่คิดผิดผู้นำ

สังคมไทยถือผู้ใหญ่ดั่งเสาหลัก
เพราะแน่นหนักหลักการมีดีคอยค้ำ
ไม่บุ่มบ่ามตามจริตคิดก่อนทำ
ไม่เพลี่ยงพล้ำไม่กรายกล้ำสิ่งหมองมัว

ให้กำลังใจคนเฒ่าเราก็แก่
แต่ไม่แย่ถึงจะแก่แต่มีหัว
คนรุ่นหลังมันเรียนสูงเลยลืมตัว
ไม่เคยกลัวกฏแห่งกรรมน่าขำจริง

พระองค์ท่านคงอึดอัดไม่อยากพูด
ให้พิสูจน์ตามดำรัสเน้นชัดยิ่ง
เฒ่าแก่แล้วต้องทำตนให้พึ่งพิง
เป็นเรื่องจริงที่ขมขื่นตื่นเถิดเรา

รัฐบาล" ฒ" ผู้เฒ่าเขาอาสา
ขอเวลาขำระล้างสิ่งเหม็นเน่า
ส.ต.ง., ป.ป.ช. หนักไม่เบา
จะขอเอาคนทำผิดติดตะราง

ขอประชาจงหันหน้ามาประสาน
อย่าเดือดดาล ค.ม.ช. ที่มาสาง
เรื่องยุ่งยุ่งมันจบแล้วตามแนวทาง
หยุดทุกอย่างเพื่อ" พ่อหลวง" ของปวงชน				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกุมภ์
Lovings  กุมภ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกุมภ์
Lovings  กุมภ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกุมภ์
Lovings  กุมภ์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกุมภ์