.........แม้นในยามที่หลับตาภาพเหล่านั้นยังผุดให้แลเห็นในมโน ในโสตยังได้ยินเสียงที่อื้ออึง ยามลืมแลตาพินิจเห็นภาพตรึงให้จ้องมองคือภาพโกลาหนถึงขั้นตะหนกตื่นกันทั่วทั้งเมืองไทยในยามนี้ พร้อมๆกับมอง เหล่าแม่ทัพนายกองแห่งกรุงสยามได้แต่ต่างเบิกตาตื่น วิ่งตั้งรับกันฉุกละหุกล้มลุกล้มหงายสู้พลางถอยพลาง ความจอกแจกจอแจพลันบังเกิดแล้ว ทั้งที่หลายแม่ทัพนายกองให้ความมั่นใจมาตลอด สงครามที่เมืองไทยกำลังรบกองทัพอันทรงพลัง ไทยถุกกองโจรแนวหน้าแอบต่อตีมิหยุดหย่อนจากกองทัพวารี อันมีจอมทัพนามพระแม่คงคา ..........จึงอดชวนให้กังขาจนถึงกังแขนสงสัยว่าทัพวารีนี้คงไปลอกเรียนตำหรับพิชัยยุทธสงครามของเมืองพม่าเป็นแน่แท้ เพราะครั้งในอดีตกองทัพของพม่านั้นก่อนจะยกทัพโยธามาตีกรุงอโยธยา เมืองหลวงแห่งสยามประเทศครั้งใด ย่อมศึกษาตำราพิชัยสงคราม จับยามสามตา หาฤกษ์บุก พร้อมวางกลยุทธ วางกองสอดแนมมาล่วงหน้า พร้อมๆกับไล่ตีจากหัวเมืองรอบนอกกรุง โดยเน้นลงมาจากทางเหนือ ไล่ลงมา แล้วกวาดต้อนไพร่พล จนมาล้อมกรุงศรีฯ บันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ว่ากรุงศรีอยุธยาต้องแตกถึง ๒ ครั้ง ( ในบางตำราบอกว่าเสียกรุง ๓ ครั้งหมายถึงรวมสงครามช้างเผือก ก็ลองไปหาอ่านกันนะครับ หุหุ ) มาครานี้กองทัพพระแม่คงคาพญาวารี ใช้กลยุทธไล่ตีมาจากทางเหนือเหมือนกัน แรกเริ่มถล่มเมืองอกแตกสองแคว เข้าสู่พิจิตร ผ่านนครสวรรค์ ล่วงลพบุรี ย่ำอยุธยา แลสิงห์บุรี จวบอ่างทอง โดยใช้กองหน้าเข้าตีขยี้เมืองจนแตกแหลกราน ชนิดเอาไม่อยู่ ......พร้อมกันนั้นยังดาหน้ามุ่งเข้าหาใจกลางเมืองกรุงรัตนโกสินทร์ แต่เจอทัพหน้าของเมืองกรุง คือ ด่านปทุม ที่มีฐานเป็นกำลังพื้นที่ภาคเศรษฐกิจรวมอยู่ สี่ห้านิคมฯสุดท้ายก็ต้านไม่อยู่ เอาไม่อยู่ดังคำจอมทัพนารีขี่ม้าสีหมอก บอกแต่แรก กองทัพน้ำยังคงบุกต่อไม่สนหอกสนดาบอะไรเลย ด่านนนท์ ซึ่งทุ่มสรรพกำลังเข้าต่อตี สุดท้าย เอาไม่อยู่ แม้นหน่วยโคดโวยวายจะตะโกนกันตะเบ็งเซ็งแซ่ หนีๆๆๆ มีบางเสียงบอก เฮ้ยไม่หนี ๆๆ เล่นเอางง ก้าวขาไม่ออกว่าจะเอาไงดีกะชีวี จนบัดนี้กำลังรบกับทัพหลวงที่มีฐานตั้งมั่นสุดท้ายต้องเกณฑ์ลุกเด็กเล็กแดงเขียวเหลืองม่วงชมพู น้ำเงินดำ ขาว เอามาหมด เพราะเราถอยไม่ได้อีกแล้ว.....สู้ๆๆ สู้เว้ยๆๆๆๆ ........ระหว่างทนนั่งทนนอนรำพึงรำพัน ฝันๆ เพ้อๆ อยู่ขณะนี้ชักเริ่มจะเบลอแล้วกิ่งโศกเห็นสายน้ำทะลักทะลวงฝ่าแนวต้านได้ทุกจุด พร้อมทั้งงอ่านและทั้งฟังจากหน่วยโคดโวยวาย ทั้งพลเดินสาร ที่อ่านรายงานกันแทบจะทุกสิบนาทีเห็นจะได้ โดยเห็นจากกรอบกล่องเสียงภาพสี่เหลี่ยมมหัศจรรย์ (ทีวี) และอ่านค้นหาจากแหล่งกระแสจิต ในเครื่องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติ ทําหน้าที่เสมือนสมองกล( คอมฯ) ..........ภาพผู้คนวิ่งหนีตายตะลอนๆเอาชีวิตรอดจากสายน้ำที่บ่าท่วมกระหน่ำมาแบบเกินพิกัด (ต่อไปต้องเปลี่ยนจากพิ เป็น มิ มิกัด มั่งดีก่า) ต่างก็ขนข้าวแบกหิ้วของ และมีเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือ โดยไม่รู้จากเหน็ดจากเหนื่อยจริงๆ โดยเฉพาะ เจ้าหน้าที่ทหาร กลุ่มมูลนิธิ และเหล่าจิตอาสา นักศึกษา โดยที่กลุ่มเหล่านี้สื่อทางทีวีแทบจะไม่ได้ออกให้เห็นกันนัก ที่เห็นออกเสนอหน้าปั่นป่วนก็เป็นกลุ่มชาวบ้านชาวช่องบอกได้คำเดียวว่าปวดหัว เง้อ...(ไม่อยากตำหนิเล้ยพับผ่า) .........แต่ละคนรวมทั้งคนที่ไปช่วยและถูกช่วยสภาพเปียกปอนกระปลกกระเปลี้ยพอๆกัน เห็นแล้วชวนสงสารยิ่ง แต่สิ่งหนึ่งที่เราพบเห็นจาก กลุ่มนิสิต กลุ่มจิตอาสา กลุ่มทหาร กลุ่มมูลนิธิ ที่เข้าช่วยเหลือชาวบ้านในครั้งนี้ จนเกิดความประทับใจในน้ำจิตของคนไทยจริงๆ ซึ้งใจต่อการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน นี่แหละน้ำใจ ที่มากกว่าสายน้ำที่ท่วมอยู่ในขณะนี้ .........ผู้ที่ไม่ทุกข์ก็ช่วยเหลือผู้ที่ทุกข์ ผู้ที่ทุกข์น้อยกว่าก็เอื้อเฟื้อกับผุ้ที่ทุกข์มากกว่า ลำบากก็ลำบากด้วยกัน มะร้อกมะแร็กก็เหมือนๆกัน.....อืม...ในครั้งนี้บนความทุกข์ ยังพอมีบางสิ่งบางอย่างให้ปลาบปลื้มอยู่บ้าง.... วันนี้ กิ่งโศกอยากจะขอมอบบทเพลงในแนวร็อคดูบ้างครับ จะได้ดึงภาพความเป็นเด้กโบฯ ขึ้นมาบ้าง 555 เพลงนี้ออกแนวร็อคเพลงดังเพลงหนึ่งในสมัยขะโน้น เพลงนี้ทำเอาวัยสะรุ่นยุคนั้นชูมือขวากันสลอนเรียงเป็นแถวฝักถั่วเลยละครับ กิ่งโศกชอบเพลงนี้ ในท่อนที่ว่า เรามั่นใจ..เราจะฝ่าฟันเรารู้เรา มีกันและกัน...เราจะแบ่งปันจะบวกใจ ให้เป็นหนึ่งเดียว. มันให้พลังกำลังใจตัวเองและคนอื่นๆได้ดีนัก เพลงนี้ชื่อ รักปอนปอน ครับเป็นเพลงของวงไมโคร จะขอกล่อมน้องพี่ที่ผจญทุกข์กับน้ำท่วม ทั่วประเทศ ด้วยเพลงนี้คร๊าบบบบบ ....รักปอนปอน ..... วงไมโคร ( ชุดร็อคเล็กๆ) ตัวฉันคนอย่างตัวฉันใครจะมาสนใจ คนสวยคนที่ดีพร้อมเขาก็มองข้ามไป เพราะฉันมันเป็นคนแบบปอนปอนทั่วไป ไม่เห็นจะมีดีที่ใดปล่อยชีวิตไปวันวัน ได้แต่ฝันจะมีใครอยู่ข้างเคียง ยามเหงาได้แต่ทนเอาเราเกิดเป็นผู้ชาย เจียมไว้ได้แต่เจียมหัวใจได้แต่คอยซักวัน และแล้วมาเจอคนแบบปอนปอนเหมือนกัน ตัวฉันจึงมีคนรู้ใจไปไหนก็ไปกันต่างก็รู้ในใจกัน เรามั่นใจ..เราจะฝ่าฟันเรารู้เรา มีกันและกันเราจะแบ่งปันจะบวกใจ ให้เป็นหนึ่งเดียว..บางครั้งถ้าหากเจอฝน เราจะทนด้วยกันเราหนาวเราเปียกปอนเท่าใด เดินต่อไปไม่หวั่นเพราะรู้ว่าเราเป็น แบบปอนปอนเหมือนกันมีร่มเพียงคันเดียวก็พอ เท่านั้นก็พอใจหากลมฝนจะแรงไปเราไม่กลัว (Solo....) และแล้วมาเจอคนแบบปอนปอนเหมือนกัน ตัวฉันจึงมีคนรู้ใจไปไหนก็ไปกัน ต่างก็รู้ในใจกันเรามั่นใจไปไหนก็ไปกัน ต่างก็รู้ในใจกันอย่างนี้บางครั้งถ้าหากเจอฝน เราจะทนด้วยกันเราหนาวเราเปียกปอนเท่าใด เดินต่อไปไม่หวั่นบางครั้งถ้าหากเจอฝน เราจะทนด้วยกันเราหนาวเราเปียกปอนเท่าใด เดินต่อไปไม่หวั่น กิ่งโศก คนยากฝากถ้อย.....ร้อยแบบ ฉันท์ห่อโคลง ๏.. ยอมสิโรราปแล้ว .. ๏ ๏ แหลมคมล่มขย้ำ ....... เถือยาง หยาดเฮย โซมเลือดเชือดโลมสาง ... เสพเหล้น เทวษถวายวาง ........ ชีพบัด- พลีเนอ ตรองสติข่มเต้น........ ต่อข้อพิบัติกลัว ๚ะ๛ ๏ คมแหลมเจาะแกมจิก ........ อริริกแปรลุรั่ว หอกเงื้อชะแง้งัว ........ กะจะย่ำระยำยี ๚ะ ๏ อกอ้านราโอ้ ........ สติโถถะถั่งตี รวดร้าวฤทัยชี- ........ วิตแค่นผุแผ่นผาย ๚ะ ๏ ใดใดลุกรรมก่อน ........ มสิย้อนมิพรากย้าย มัวเงาคุเช้างาย ........ ผงะถอยชะรอยร้าง ๚ะ ๏ ขอปราศนิราศปก ........ บ่วิตกตริถึงต่าง สุขพบประสบวาง ........ ชลหลั่งประดังเด ๚ะ ๏ ไกลเถิดเทวษทุกข์ ....... สรนุกสนานเท ท่วมท้นมนาเอ- ........ กผิกางณ หว่างห้วง ๚ะ ๏ ยอกรประนมนบ ........ ศิวภพสวรรค์สรวง ให้ทานมนุษย์ปวง ........ ปริอบายขจายบุญ ๚ะ ๏ วารีชะล้างพร่อง ....... ปะทุปล่องสติตุน ท้ายผุดพิศุทธิ์คุณ ........ ศิระเอี่ยมสะอางองค์ ๚ะ๛ +กิ่งโศก+
. ถ้อยวลีคำว่า อาสา..คือการนำเสนอตัวโดยไม่ได้มุ่งหวังสิ่งใดๆเป็นการตอบแทนหรือหวังในอามิสสินจ้าง เพียงแต่มุ่ง เจตนาที่พิสุทธิ์ เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ช่วยเหลือสังคม ด้วยอันเต็มกำลังเต็มสติของตนเป็นการเสนอตัวและใจทุ่มเทเข้าช่วย สิ่งเหล่านี้ยังคงอยู่และเพาะบ่มอยู่ในสายเลือดและไม่เลือนหายไปจากสังคมไทย แม้นว่าสังคงทุนนิยมจะเข้าครอบงำ มายาวนาน แต่ภายใต้ในสำนึก ความเอื้ออาทรต่อกัน ยังคงมีอยู่ ในภพปัจจุบันเราๆท่านๆ จะยังเห็นได้จากการระดม ทุน ระดมแรง ฟันฝ่าภัยพิบัติต่างๆ อยู่บ่อยๆ เช่นเดียวกับภาวะอุทกภัยครั้งใหญ่ครั้งนี้ ก็มีภาพสื่อทางทีวี ที่กระจายข่าวและระดมทุน สิ่งของเข้าช่วยเหลือคนเดือดร้อน ดูเหมือนจะกลบกับศูนย์ชื่อะไรนั่นของรัฐบาลไปเสียแล้ว . เพื่อนของกิ่งโศก ที่อาศัยอยู่ย่านนครชับศรี แถวๆนครปฐมเขาเล่าให้ฟังว่าตอนนี้พวกเขาระดมกลุ่มชุมชนช่วยเหลือกัน เพื่อรองรับการระบายน้ำ ลงมาทางฝั่งตะวันตก เขายเอมเสียข้าว หรือไม่ก็ระดมช่วยกันเก็บเกี่ยวแม้จะไม่ถึงเวลาเก็บเกี่ยว ยอมให้เทือกสวนพืชผลไม้ เพื่อให้น้ำไหลมาขังเพื่อผ่อนการท่วมในพื้นที่อื่น เพื่อเผื่อแผ่ทุกข์ของพี่น้องในส่วนอื่นๆ แบบนี่สิน่าเคารพในน้ำใจยิ่งนัก ดีกว่าการเพียงออกสื่อเสนอหน้า ซึ่งดูแล้วไม่ได้ช่วยการแก้ปัญหาได้อย่างเป็นระบบ และทันเหตุการณ์เลย ตามข่าวเราจะพบเห็นเพียงมูลนิธิของเอกชน และหน่วยงานทหารที่ยังคงช่วยกันเต็มกำลังซึ่งก็ยังไม่เพียงพอกับสถานการณ์แบบนี้ ยังไม่พบว่าจะมีแผนที่บอกว่าบูรณาการนั้นเป็นแบบใด งบประมาณ กำลังคน อุปกรณ์การช่วยเหลือ มีความพร้อมแค่ไหน และจะลงมือเมื่อใด....เราประชาชนคงต้องพึ่งตนเองก่อนละกันตามธรรมบท ..อัตตาหิ อัตโนนาโถ . ๘ -๙ ตุลาคม ที่ผ่านมา ที่บริษัทฯกิ่งโศก ระดมรับการบริจาคสิ่งของตามกำลังพนักงาน และนำไปช่วยพี่น้องน้ำท่วมแถวลพบุรีกัน เสียดายกิ่งโศกไม่ได้ไปด้วย เพราะไปร่วมกิจกรรม อาสา เช่นกัน คือกิจกรรมจิตอาสา เติมสีแต้มฝัน แบ่งปันน้ำใจ โดยไปช่วยกันทาสีโรงเรียน ของเด็กนักเรียนตัวน้อยๆ ที่อยู่ในถิ่นกันดารในแนวป่าลึกเมืองเพชรบุรี กับกลุ่มสมาชิกหลายกลุ่มรวมบ้านกลอนไทยแห่งนี้ด้วย นับว่าเป็นความปีติอย่างหนึ่ง ในจิตอาสาด้วยใจและกายแบบนี้เกิดความสุขในใจสำหรับตัวเองเช่นกัน ส่วนเรื่องราวและภาพเร็วๆนี้คาดว่าสมาชิก คงนำภาพกิจกรรมมาให้ชมกัน . เรื่องน้ำท่วม แม้นจะมีคำพูดชวนขำๆว่า อันที่จริงสยามประเทศเราเผชิญกับน้ำท่วมมานมนานแล้ว น้ำหลากมาทีไรกองทัพพม่าที่กำลังล้อมกรุงศรี ฯ จำต้องรีบยกทัพกลับ เพราะน้ำท่วม แสดงว่าน้ำท่วมก็ยังเป็นคุณต่อภัยรุกรานอื่นได้ แต่ทว่าครั้งนี้มันแสนจะหนักเกินทนจริงๆ ...ขอรับพระแม่คงคาท่านประทานความอุดมสมบูรณ์สายน้ำเมากกินความจำเป็น . ในสถานะการณ์แบบนี้นอกจากช่วยเหลือกันตามกำลังเงิน สิ่งของตามกำลังทรัพย์แล้ว ก็อยากส่งกำลังใจให้กับผู้ประสบภัย หน่วยงานที่เข้าไปช่วยเหลือทั้งภาครัฐและเอกชน ตลอดจนเหล่าจิตอาสาทุกๆท่าน ด้วยบทเพลง กำลังใจ ของ วงโฮป หรือวงแห่งความหวัง หวังในสิ่งดีๆที่จะหลั่งไหล รินรดสู่ชีวิตเราๆ เชิญร่วมแสดงกำลังใจกัน เพลง / Title : กำลังใจ ศิลปิน / Artist : วงโฮป ญ - ในยามที่ท้อแท้ ขอเพียงแค่คนหนึ่ง จะคิดถึงและคอยห่วงใย ในยามที่ชีวิต หม่นหมองร้องให้ ขอเพียงมีใครปลอบใจสักคน ช - ในวันที่โลกร้าง ความหวังให้วาด มันขาดมันหาย ใครจะช่วยเติม เพิ่มพลังใจ ให้ฉันได้เริ่ม ต่อสู้อีกครั้งบนหนทางไกล * ญ - กำลังใจจากใครหนอ ขอเป็นทานให้ฝันให้ใฝ่ ช - ให้ชีวิตได้มีแรงใจ ให้ดวงใจลุกโชนความหวัง ญ - กำลังใจจากใครหนอ ขอเป็นทานให้ฉันได้ไหม ช - ดั่งหยาดฝนบนฟากฟ้าไกล ที่หยาดรินสู่ผืน ดินแห้งผาก (ซ้ำ*) กิ่งโศกคนยากฝากถ้อย ............ ๏ อย่าพิรี้พิไร ............... ตื่นเคียงใต้โคมแสงตั้ง- ฉายเปล่งพร้อมประดัง ..... ประเดเด่นประโดยดี ๚ะ ๏ หยุดพร่ำร่ำพิรี้- ......... พิไร เถิดแม่ สติตั้งโสตไข ............ เทวษเคล้า ยืนวาดหยัดวางใจ..... เฉกหลัก- ศิลาเนอ อย่าเช่นลมลู่เผ้า....... พัดโย้ปลิวสยาย ๚ะ ๏ ดาวรายเรียงดื่นฟ้า....... ลำดับ ฉายนา ในมโนพึงนับ................ ถี่นั้น วางทอดจอดเคียงจับ ....จรายจ่อ ความแฮ แลปฏิบัต้ขั้น ............... คำรบก้าวครองการ ๚ะ ๏ ศานติ์พิสุทธิ์ผุดซ้อน ....... จิตผสาน ปรุงแต่งแปลงเติมมาน .... นิมิตแต้ม อาสาสมัครสมาน ........ รวมหมู่ มิตรเฮย หยอดเพิ่มเติมพรูแย้ม....... พร่างซ้องสังคม ๚ะ ๏ อคติถอดทิ้ง ........ ไกลทาง มิแปดเปื้อนระคาง .... ขุ่นคล้ำ บรรเลงเร่งสะสาง .... ทุกข์ส่อ สบเนอ บังเกิดกุศลล้ำ ......... ล่วงปลื้มเปรมปรีย์ ๚ะ ๏ ประมุขศิลป์เปล่งสร้าง ....... สำแดง ทักษะเฮย อย่ากุดหยุดแขยง.............. ยุทธ์ก้าว พลิกฝ่าบ่าฟันแทง .......... ทุบเถิด ปัญหานา โน้มเพิ่มเติมเล็งน้าว ........ ปลูกเนื้อหน่ออุดม ๚ะ ๏ หยุดพร่ำร่ำพิรี้- .......... พิไร เถิดพ่อ ร่วมก่อต่อกลไก ........ แก่กล้า ป้องผองภยันภัย ........ ประชาชาติ คลายผ่อนบรรเทาล้า .... สุขล้ำฉ่ำเหลือ ๚ะ๛ + กิ่งโศก + ขอบคุณภาพจากอินเทอเนต และตามที่ต่างๆ