คำว่าทะโมน มักจะใช้กับเด็กๆ วัยซุกซน ที่ผู้ใหญ่พูดถึง..เช่นว่า... แม้....ไ...(คุณ) จอมทะโมนนักนะ... ซนยิ่งกว่าลิง ทะโมน ทะโมน จอมแก่นเลยแหละ เด็กคนนี้ ทะโมนในที่นี้ หมายถึงลิง พวกค่าง เพราะ สัตว์ประเภทลิงมัก กระโดด โลดเต้น ห้อยโหน ตามต้นไม้ เถาวัลย์ โลดแล่นไปมาแบบอยู่ไม่สุข แต่มีคำพูดเกี่ยวกับลิง ที่ดูเหมือนจะดูดี แต่ดูเหมือนประชดกระนั้น คือ คำว่าหัวแหลมเหมือนลิง..คือ เป็นคนหัวไว คิดเร็ว ปรู๊ดๆๆ เหมือนลิง..(ตรงไหน ดีอะ) หรือ ไม่ก็ ไว ปานวอก...อิอิ แล้วลิง จะมาเกี่ยวกับวันแม่อย่างไรละนี่ ! กิ่งโศก ...ได้รับ เมล์ จากเพื่อนๆที่ฟอร์เวิร์ด ต่อๆกันมาให้ เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับลิง พออ่านแล้วสะเทือนใจ..แลรันทดใจ บวกกับหลายๆ อารมณ์ พึงบังเกิดขึ้น..ใจความเนื้อหา บอกว่า เป็นเรื่องจริง จากประสบการณ์ ของนักร้องเพื่อชีวิต ท่านหนึ่ง คือ น้าหมู พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ..นักร้องผู้มีอารมณ์ขัน ลองอ่านดูนะครับ เรื่องราวเป็นแบบนี้ ครับ สมัยก่อน...คุณพงษ์เทพ กระโดนชำนาญ...ศิลปินเพลงเพื่อชีวิตแกอยู่ในป่ากับเพื่อน 5 - 6 คน ทุกวันก็จะเปลี่ยนเวรกันล่าสัตว์ป่ามาทำอาหาร. วันหนึ่งเป็นเวรของคุณพงษ์เทพ แกก็คว้าปืนยาวสะพายบ่า.เดินเข้าป่าไป อาหารโปรดของคุณพงษ์เทพคือแกงเนื้อลิง พอเดิน เข้าป่าไปได้สักพัก เห็นลิงตัวหนึ่งนั่งอยู่บนต้นไม้หันหลังให้ แกก็รีบยกปืนประทับบ่ายิงเปรี้ยงไปที่ตัวลิง.. เหตุการณ์แปลกประหลาดได้เกิดข ึ้น ปกติลิงพอถูกยิงจะหล่นตุ๊บจาก ต้นไม้ทันที แต่ลิงตัวนี้นั่งจับกิ่งไม้เฉยไม่ หล่นลงมา จะว่ายิงไม่ถูกก็ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะคุณพงษ์เทพแกยิงปืนแม่นระยะแค่นี้ เป้าใหญ่ขนาดนี้ไม่พลาดแน่นอน ในขณะที่กำลังสงสัยอยู่นั้นลิงตัวที่ถูกยิง ร้องโหยหวนเสียงดังมาก ฝูงลิงที่แยกย้ายกัน ออกหากินอยู่บริเวณใกล้ ๆ วิ่งแห่กันเข้ามาหา ลิงตัวที่ถูกยิงแล้วร้องโหยหวน.เหมือนกันหมด แกตกใจยืนตกตะลึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นสักครู่ลิงตัวที่ถูกยิง โยนวัตถุเล็กๆสีดำๆชิ้นหนึ่งให้กับลิงตัวที่อยู่ใกล้ที่สุด แล้วก็ หล่นตุ๊บ ลงมาจากต้นไม้คุณพงษ์เทพรีบวิ่งไปดูลิงถูกยิงเข้าที่หลังทะลุหน้าอกเลือดแดงฉานเต็มตัว คุณพงษ์เทพเห็นแล้วต้องเบือนหน้าหนีลิงที่ตกลงมาเป็นลิงแม่ลูกอ่อนขณะที่ถูกยิงเธอกำลังให้นม ลูกตัวน้อยกำลังดูดนมอย่างมีความสุขทันทีที่ถูกยิง ถ้าเป็นลิงตัวอื่นจะหล่นตุ๊บลงจากต้นไม้ แม่ลิงตัวนี้ยังหล่นไม่ได้ยังตายไม่ได้ เพราะเธอยังมีภารกิจใหญ่หลวงที่ต้องทำคือ รักษาชีวิตลูกน้อยให้พ้นอันตรายเธอกัดฟันโหนกิ่งไม้ไว้แม้จะเจ็บปวดแทบขาดใจ มองดูเลือดที่ไหลหยดเป็นทาง ด้วยความตกใจ พยายามรวบรวมพละกำลังที่ยังพอมี! เหลือทั้งหมด ตะโกนสุดเสียงร้องเรียกฝูงลิงเข้ามาใกล้ๆ แล้วก็ฝากฝังให้เลี้ยงลูกน้อยแทนเธอ หลังจากโยนลูกให้จ่าฝูงแล้วมองดูลูกถูกพาไป จนลับสายตาแล้ว แน่ใจว่าลูก ปลอดภัยแล้ว จึงหลับตาแล้วหล่นลงมาตาย.. คุณพงษ์เทพก้มมองหน้าลิงแล้วร้องไห้ เพราะที่เบ้าตาลิงมีหยดน้ำตาใส ๆ กำลังไหลริน คุณพงษ์เทพรีบเดินกลับที่พักเอาปืนไปเผาทิ้ง ไม่ยอมออกล่าสัตว์อีกเลย.ตลอดชีวิต และภาพความรักที่ยิ่งใหญ่ของแม่ลิงที่มีต่อลูกน้อย เป็นแรงบันดาลใจ ให้พงษ์เทพแต่งเพลงขึ้นมาเพลงหนึ่ง ชื่อว่า ' ลิงทะโมน. ' เพื่อยกย่องเชิดชูคุณค่าของความรัก.ที่แม่ มีต่อลูก.. อ่านแล้ว..ดูเหมือนขนจะลุกชูชัน ทั้งอดสู ทั้งโศกกำสรด ทั้งซาบซึ้ง ในความรัก ความแหนหวง ของเพศแม่ ..ที่ไม่เว้นแต่ สัตว์เดรฉาน ...อา แม่ลิงเอย...ใยมีสัญญาน ของผู้ให้ อันยิ่งใหญ่ยิ่ง... หากเป็นเรื่องจริง แสดงว่า ลิง ไม่ใช่แค่ โหนห้อย เฮฮา อยู่ในป่าในดง เท่านั้น แต่ สัญชาตญาน ของความเป็นแม่ กับ ฝังอยู่ใต้อนุสติ ของสิ่งมีชีวิต ที่เป็นผู้ให้กำเนิด..ลูกๆ..เพศแม่ เพศเมีย ... ..บทเพลงนี้ ชื่อ ลิงทะโมน ที่น้าหมู แต่งเอง จาก เหตุการล่า ยิงสัตว์ พรากลูก พรากแม่ในครั้งนั้น และเป็นผู้ถ่ายทอด บทเพลงๆ นี้ ร่วมรับฟังได้ครับ ลิงทะโมน พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ ..ลิง ทะโมน เอย กระโจนตามต้นไม้ โผเข้าต้นหมากไฮ หมากไม้ ไล่ ชิง.. คน ทะโมน เอย แอบซุ่ม ตามพุ่มไม้ ตาก็จ้องมองไป ปืนไฟ ก็ไล่ ยิง.. แม่ ลิงเอย ถูกยิงบนกิ่งไม้ กอดลูกน้อยกลอยใจ เพื่อนไป เร็ว จริง.. .ร้อง เรียกหา ว่า มารับลูกลิง แม่ถูกยิง พ่อลิง มารับไป. .ร้องเรียกหา ว่า มารับลูกลิง แม่ถูกยิง พ่อลิง มารับไป. ...... ..ลิง ทะโมน เอย กระโจนตามต้นไม้ ด้วยความกลัวปืนไฟ จะตาม ไล่ ยิง.. พ่อ ลิง เอย นั่งนิ่ง บนกิ่งไม้ มองไปตามแนวไพร ไปไหน เล่าแม่ ลิง. พี่ น้องลิง นั่งนิ่ง บนกิ่งไม้ มองลงห้วยรินไหล ไปไหน เล่าแม่ ลิง.. .ร้อง เรียกหา ว่า มารับ ลูกลิง แม่ถูกยิง พ่อลิง มารับไป.. .ร้อง เรียกหา ว่า มารับ ลูกลิง แม่ถูกยิง พ่อลิง มารับไป. ...... ..ลิง ทะโมน เอย กระโจนตามต้นไม้ โผเข้าต้นหมากไฮ รีบไปเอา ลูก ลิง.. คน ทะโมน เอย แอบซุ่ม ตามพุ่มไม้ ตาก็จ้องมองไป ปืนไฟ ก็ไล่ยิง.. พ่อ ลิง เอย ถูกยิงบนกิ่งไม้ กอดลูกน้อยกลอยใจ รีบไป เถอะลูก ลิง.. .ร้อง เรียกหา ว่า มารับ ลูก ลิง พ่อ ก็ถูกยิง ลูกลิง เจ้ารีบ ไป.. .ร้อง เรียกหา ว่า มารับ ลูก ลิง. พ่อ ก็ถูกยิง ลูกลิง เจ้ารีบ ไป. ...... .ลิง ทะโมน เอย กระโจนตามต้นไม้ โผไปตามแนวไพร ไปไหน เล่าลูกลิง.. .ลิงทะโมน เอย กระโจนตามต้นไม้ โผไปตามแนวไพร ไปไหน เล่าลูก ลิง ..แม่เอย จักสิ่งมีชีวิตใด ก็เหอะ..รักลูก ในอุทร นั้นเกินกว่าชีวิต ... ๏ โอบมืออ้อมแม่อุ้ม.............แนบอิง นุ่มเฮย ซุกอุ่นอกหยุ่นผิง...................ผ่าวเอื้อ ไร้พิษฤทธิ์ภัยพิง...................ฤาพราก หนาวหน่ายสิพ่ายเนื้อ............กล่อมโน้มขานหนอ ๚ะ ๏ โอบมืออ้อมแม่อุ้มแนบนุ่มอิง อุ่นเนื้อผิงแทนผวยห่มผ้าผืน พริ้มเกษมสุขสันต์..ทุกวันซืน มิรู้ตื่นรู้สาสุขาลัย ๏ เสียงเห่ขับขานลั่นรำพันร้อง มือไกวป้องพร้อมปัดโบกพัดไหว ทำนองท่วง กาเหว่าพิรี้พิไร โอดกระไอ,กระแอม,แอร่มรัว ๏ บทเพลงเอ่ยเผยว่า โอ้วัดโบสถ์ ซังข้าวโพดแห้งเฉาสาวหนีผัว ลูกร้องลั่นงอแงชะแง้งัว ล่วงสลัวยิ่งร้างอ้างว้างจม ๏ เอื้อนเสียงเนิบน้าวเห่ผลักเปลหิ้ว แตะผ่านพลิ้วต้องแผ่วไล้แถวผม สายตาส่งสะท้อนอาทรพรม ดวงใจบ่มบอกรักตระหนักนัย ๏ รักของแม่ต่อมิ่งเกินสิ่งเทียบ หาไหนเปรียบเคียงปรับลำดับได้ ท้องนทีล้นห้วงฟ้ากว้างไกล จักเทียมเจียวเสี้ยวใจ.....ที่แม่มี ๚ะ + กิ่งโศก +
..วันนี้ อยากกล่าวถึงดาว ไม่ใช่ดาวน์น้อย ผ่อนนานนะครับ แต่เป็นดวงดาว และเป็นดาวศุกร์ หรือดาวพระศุกร์ ดวงดาว หรือ กลุ่มดาวนพเคราะห์ ในระบบสุริยจักวาล และไม่ใช่ละครเรื่องดาวพระศุกร์ แต่อย่างใด ช่วงปีที่แล้ว 2552 และปี นี้ เราเคยทราบ เคยดู เคยเห็นกันด้วย เกี่ยวกับพระจันทร์ยิ้ม หมายถึง ดวงจันทร์จันทร์เสี้ยว ดาวพฤหัส และ ดาวศุกร์ ที่โคจร มาวางในตำแหน่ง ให้คนบนโลก มองเห็นเป็น ลักษณะ ใบหน้าคนที่กำลังยิ้ม เป็นที่ฮือฮา ดาวศุกร์ เป็นดววพระเคราะห์ ที่เคียงคู่กับโลก มานาน และใกล้ชิดกับชาวโลกมากที่สุด เพราะสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า ...สุภาษิตไทย ก็ มีกล่าว ว่า พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก เป็นความหมาย คือ ความทุกข์ยากลําบากที่เกิดซ้อน ๆ เข้ามาในขณะเดียวกัน. แต่หากเป็นความเชื่ออีกซีกหนึ่ง ชาวโรมันให้สมยา ดาวศุกร์ คือ เทพีแห่งความรัก วีนัส ( VENUS) .. หรือ แม้แต่คนไทยเอง ยังมีมุมมอง เกี่ยวกับดาวศุกร์ เป็นดวงดาว ที่สวยงาม..เช่น หากเห็นตอนหัวค่ำ เบื้องทิศฝั่งตะวันตก จะเรียก ว่า ดาวประจำเมือง หรือ เมื่อย่ำรุ่ง ท้องฟ้าตอนช้ามืด ฝั่งตะวันออก ดาวประกายพรึก หรือ ดาวรุ่ง ดูตามความชื่อขานเรียกน่าจะเป็นแต่ ชื่อที่ให้คุณ ให้สิ่งดีๆ แต่ไฉน ..ภาษิตไทย จึงออกมาแนวไม่ดี หนอ ..น่าคิด น่าคิด น่ามอง ในมุม ของเทพีวีนัส หรือ ดาวประกายพรึก จักมีมุมมองในด้าน ที่ไม่สวยงามได้ไง..อย่างไร ลองหาข้อมูลในอินเทอเนต เจอ ข้อมูลทางด้านโหราศาสตร์ ท่าน กล่าวไว้ดังนี้ครับ.. พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก หมายถึงพระศุกร์ได้เข้าเสวยอายุของคนใดคนหนึ่ง แล้วพระเสาร์คู่ศัตรูเข้ามาแทรกทำให้เกิดจุดแตกดับของชีวิต ซึ่งหมายความว่าคนเรามีโอกาสที่จะเสียชีวิตก็ได้ เมื่อมีดาวดวงหนึ่งเข้าเสวยอายุแล้วมีดาวคู่ศัตรู เข้ามาแทรก..... ที่มา . บ้านหมอชื่อ ..... โดย อ.วิเชียรชุตินาท คงก็ว่ากันไปตามหลักของศาสตร์ความเชื่อกันแต่ละสาขาละครับ เพราะ วิถีการดำเนิน ชีวิตของคนเรา ที่เป็นไปตามหลักทางพุทธศานา คือ มีเกิด มีแก่ มีเจ็บ และมีตาย ว่า กันว่าแต่ละช่วง แต่ละลำดับ หลายๆคน ตั้งแต่เกิด ก่อนจะไปถึงตาย ย่อมมีเส้นทางการเดินที่แตกต่าง กัน ก่อนจะไปพบจุดสุดท้ายคือตาย นั้น อาจขึ้นตามแต่สภาพ สิ่งแวดล้อม ตามสถานะฐานะ เลยทำให้คนมีวิธีการดำรงค์ตนที่แตกต่างกัน ภาษา ความเชื่อ ความคิด และจินตนาการ..หากเชื่อในเรื่องกรรมแล้ว ก็คงเป็นการเกิดมาเพื่อใช้กรรม นั่นเอง ลำนำ ถึงบทเพลงแล้วมีเพลง ที่เกี่ยวกับดาวศุกร์ หรือดาวพระศุกร์แล้ว คือเพลงประกอบละคร ขับร้องโดย คุณ ศรัณย่า ส่งเสริมสวัสดิ์ ก็ไพเราะยิ่งนัก แต่ในสไตล์กิ่งโศก คนยาก มักจะนำบทเพลงแนว เก่าๆ นิดหนึ่ง นะขอรับ วันนี้ อยากนำเสนอบทเพลงนี้ ..คิดถึงพี่ไหม ..ที่มีการกล่าวถึง ดาวพระศุกร์ ว่าเป็นตัวแทนของกันและกันของหนุ่มสาว ในยุค ที่ไม่มีมือถือ ไม่มีโทรศัพท์ หากสมัยนี้เมื่อคิดถึงกัน ก็เพียงแค่กดโทรศัพท์ มือถือ ส่ง SMS หรือ ออนไลน์ ที่เรียกว่า ออนเอ็ม คุยกันสื่อสารกันได้ง่าย แสนง่าย แต่ยุคก่อน นั้นเขาไม่มี มีเพียง พระจันทร์ หรือไม่ก็ ดวงดาว เป็นตัวแทน คือมองพระจันทร์ ก็ เฉกเช่น มองเจ้า หรือ มีข้อตกลง MOU กับ ยอดรักว่า หากคิดถึงกันเมื่อใด ให้มอง ดาว นะ โน่น ดาวประจำเมือง เป็นเสมือนนกับได้เจอะเจอกับยอดรักแล้ว..บนเบื้องฟ้า มาร่วมรับฟัง บทเพลงที่ถ่ายทอดความคิดถึงกัน โดยฝากไว้ ที่ ท้องฟ้า...ดาวประจำเมือง เพลง คิดถึงพี่ไหม แต่งโดยครูไพบูลย์ บุตรขัน และ ศรคิรี ศรีประจวบ รับขับขานเพลงหวานเพลงนี้ แต่ กิ่งโศก นำเสนอ เวอร์ชั่น ของอ๊อด โอภาส ก็ไพเราะไม่แพ้กันครับ เชิญ รับฟังได้ ณ บัดนี้ คิดถึงพี่ไหม อ๊อด โอภาส ทศพร ..คิดถึง พี่หน่อย นะกลอยใจพี่ ห่างกัน อย่างนี้ น้องคิดถึงพี่ บ้างไหม ...อย่าลืม อย่าลืม อย่าลืมสัจจา สัญญาที่ให้ ว่าตัวห่างไกลหัวใจชิดกัน ...คิดถึง พี่ก่อนน้องนอนก็ได้ เมื่อยาม หลับไหล น้องเจ้าจะได้ นอนฝัน ...ข้างขึ้นเมื่อใดแก้วใจโปรดมอง แสงของนวลจันทร์ เราสบตากัน ในแสงเรื่อเรือง ...คืนไหน ข้างแรม ฟ้าแซมดารา น้องจงมองหา ดาวประจำเมือง ...ทุกคืนเราจ้องดูเดือนดาว ทุกคราวเราฝันเห็นกันเนืองเนืองถึง สุดมุมเมือง ไม่ไกล ...คิดถึง พี่หน่อย นะกลอยใจเจ้า พี่ตรม พี่เหงา เพราะคิดถึงเจ้า เชื่อไหม ...ฝากใจกับจันทร์ ฝากฝันกับดาว ทุกคราวก็ได้ เราต่างสุขใจเมื่อคิดถึงกัน คืนไหนข้างแรม ฟ้าแซมดารา น้องจงมองหาดาวประจำเมือง ...ท่อนนี้แหละครับ บ่งบอกถึง ความคิดถึง บ่งบอกถึงความหวาน ในรัก ที่มีต่อกันและกัน ยิ่งแล้ว.. เดือนลา ดาวลับ ๏ เรียวเดือนเลื่อนเดี่ยวด้าว...........เรี่ยดง แรมจัดรัตแจร่มหลง.......................จุ่งร้อย พร่างดาวพร่าวด่างพง.....................พฤกษ์ดื่น ดาษเฮย จันทร์ลับจับจรัลคล้อย.....................หรี่ครั้นพลันฉาย ๚ะ ๏ รูปเรียวเดือนเลื่อนเดี่ยวด้าวเรี่ยดง แจ่มประจงเจิมห้วงลานสรวงหาว พอเคลื่อนลับขับลาอาภาพราว จำรัสสอดสกาวพร่างดาวพรึก ๏ ก้อนน้ำค้างกลิ้งใบพลิ้วไหวพริบ เริงระยิบยอดื่นแย้งคืนดึก ผกายดาวแผ่กรองเรี่ยผ่องลึก พราวน้ำเนื้อใสนึกชวนตรึกนาน ๏ โอ้ดาวรุ่งจำแลงไขแสงร้อย รัดสอดสร้อยโลมเชื้อเถาเครือสาน ประหนึ่งเชือกเส้นหน่วงรั้งดวงมาน ยุดมิผ่านเคลื่อนร้างยามสางเรือง ๏ แสงดาวพริบยิ่งพร้อยใจคล้อยยิ่ง ระยับสิงสองใยผูกสายเยื่อง- คู่มิแคล้วหมายคลาดปลาตเคือง ทอประเทืองทาบร่องโชนสองเรา ๏ โอ้ ดาวรุ่ง จำแลงหรี่แสงแล้ว ลมใจแผ่วผ่านข้ามล่วงยามเหงา จูงปล่อยเจื่อนเปื้อนธารเป็นม่านเทา รักมาเร้าสิร้าง..โอ้ว้างดาย ๚ะ + กิ่งโศก + เครดริตภาพ และ เส้นคั่น : จาก google จ้า
..ต้องขอประนมมือกล่าว่า...ลืมผม หรือยังครับแฟน เมื่อก่อนเคยฟังกันแน่น ..แฟนจ๋าแฟน ลืมผม ..กิ่งโศก ..หรือยัง อิอิ หายหน้า เหลือแต่ตา คอยแวบมาดู หุหุ ..ก็พอหายใจหายคอจากงานได้บ้าง เลยต้องมาเป็นดีเจ อีกสักรอบ.. และใกล้เทศกาล วันแม่ วันนี้ทีแรกว่า จะลงเพลงแม่ แต่ ว่าเคยลงไปแย้ววว อะ เลยต้องหา มุกใหม่ เอ๊ย เพลงใหม่..ที่เกี่ยวกับแม่...นึกก่อน..น๊า.ระหว่างนึกคาดว่าเสียงเพลงคงเริ่มดังแล้วละครับ หุหุ แม่... แม่ คำคำนี้ ยิ่งใหญ่เสมอ ในความรู้สึกของคนที่เอ่ย เราลองมาดูความหมาย ตามพจนานุกรม นะครับ ... แม่ น. หญิงผู้ให้กําเนิดหรือเลี้ยงดูลูก, คําที่ลูกเรียกหญิงผู้ให้กําเนิดหรือเลี้ยงดูตน; คําที่ผู้ใหญ่เรียกผู้หญิงที่มีอายุน้อยกว่าด้วยความสนิทสนมหรือรักใคร่เป็นต้นว่า แม่นั่น แม่นี่; คําใช้นําหน้านามเพศหญิง แปลว่า ผู้เป็นหัวหน้า เช่น แม่บ้าน; ผู้หญิงที่กระทํากิจการหรืองานอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ค้าขาย เรียกว่า แม่ค้า ทําครัว เรียกว่า แม่ครัว; เรียกสัตว์ตัวเมียที่มีลูก เช่น แม่ม้า แม่วัว; เรียกคน ผู้เป็นหัวหน้าหรือเป็นนายโดยไม่จํากัดว่าเป็นชายหรือหญิง เช่น แม่ทัพ แม่กอง; คํายกย่องเทวดาผู้หญิงบางพวก เช่น แม่คงคา แม่ธรณี แม่โพสพ, บางทีก็ใช้ว่า เจ้าแม่ เช่น เจ้าแม่กาลี; เรียกสิ่งที่เป็นประธานของสิ่งต่าง ๆ ในพวกเดียวกัน เช่น แม่กระได แม่แคร่ แม่แบบ; เรียกชิ้นใหญ่กว่าในจําพวกสิ่งที่สําหรับกัน เช่น แม่กุญแจ คู่กับ ลูกกุญแจ; แม่นํ้า เช่น แม่ปิง แม่วัง ฯลฯ จะพบว่า คำว่าแม่ นั้น ใช้เปรียบเทียบถึงความยิ่งใหญ่เป็นหลัก แลใกล้วันแม่มาทุกขณะ เราคงได้อ่าน ได้สัมผัส บทกวี ต่างๆ ในบ้านไทยโพเอม นี้กันหลากหลายที่เดียว ที่จะกล่าวถึงพระคุณ ของ แม่ หรือ มารดา.. กิ่งโศก อยาก ลำนำ บทเพลง ที่เกี่ยวข้อง อันที่กล่าวถึงแม่ ประกอบ ด้วย แต่จักขอกล่าวถึง แม่น้ำ ครับ วันนี้อยากขับขาน บทเพลงแห่งเบื้องลุ่มลำน้ำ ฝั่งฝากตะวันตก จรดตะวันตกเฉียงใต้ หรือ ทิศหรดี กัน นั่นคือ ลำน้ำ แม่กลอง..นั่นเอง ในความรู้สึกของคนทั่วไป เมื่อกล่าวถึง แม่กลอง มักนึกถึง สมุทรสงคราม อัมพวา หลวงพ่อวัดบ้านแหลม อุทยาน ร.๒ บางคนที ฯลฯ ด้วยเหตุว่ามีการสรรสร้าง ศิลป บทความ บทเพลงเกี่ยว กับ แม่กลองเฉพาะย่านนี้กันเป็นส่วนมาก ลาสาวแม่กลอง หรือ มนต์รักแม่กลอง ก็กำเนิด คีตทำนองเพลง แนวพื้นบ้าน ระบัดขึ้นเขตคามย่านนี้ ย่านอัมพวา .. แต่หากดูกันจริงๆ แล้ว สายน้ำ แม่กลอง ที่ ทอดโค้ง ไหลหลั่ง ร่วม 130 กว่ากิโลเมตร นี้ ต้นสายกลับ อยู่แถบตะวันตกโน่น คือ แถวจังหวัดกาญจนบุรี แล้วไหลผ่าน จังหวัดราชบุรี ลงสู่อ่าวไทย ที่สมุทรสงคราม.. โดยเริ่มที่ลำน้ำแควน้อย ที่ผสานรวมกับ ลำแควใหญ่ อันกำเนิดมาจาก ดินแดน หุบเขา และที่สูงในเทือกเขาถนนธงชัย ตะนาวศรีที่กั้นเขตแดนประเทศไทย มาบรรจบกัน ที่เมืองกาญจนบุรี จึงก่อให้กำเนิด ลำน้ำสายนี้ แม่น้ำแม่กลอง แม่กลอง เป็นแหล่งกำเนิดอารยะธรรม ขนบธรรมเนียมมากหลาย ที่ลำน้ำสายนี้ได้ ทอดผ่านไป สร้างความเจริญ ก่อเกิด วัฒนามาอย่างยาวนานเกือบ 3000 ปี แล้ว จะพบวัตถุ ซากสิ่งแต่ก่อน เมืองโบราณมากมาย เช่นชุมชุนบ้านเก่า ปราสาทเมืองสิงห์ เมืองครุฑ เมืองคูบัว อารยธรรมงอกงามขึ้นริมฝั่งแม่น้ำแม่กลอง สายนี้. น่าแปลก ที่ความมีชื่อเสียงของลำน้ำแม่กลอง กลับสะพรั่ง ณ..ปลายสายของแม่น้ำ ฤาเพราะ ถิ่นลุ่มปากน้ำแม่กลอง ในส่วนปลายมัก อุดมไปด้วย นักดนตรี นักประพันธ์ นักร้อง ซึ่งแสดงให้เห็นมากมาย ครูเอื้อ สุนทรสนาน ทูล ทองใจ และหลากหลาย วงการศิลป ที่มีคนดังๆ กำเนิดที่นี่ แล้ว ต้นสายน้ำ กลางสายน้ำเล่า ? แม่กลองสายนี้ ได้ก่อเกิดอะไรบ้างหนอ ในการหล่อเลี้ยง ผู้คน และพืชพรรณ ที่การเดินทางของลำน้ำ กิ่งโศก เมื่อหลายปี เดินทางไปแถวกาญจนบุรี บ่อย และแวะไปชม เขื่อนแม่กลอง เดิมชื่อเขื่อนวชิรลงกรณ์ (ถ้าจำไม่ผิด) ตอนนั้นก็เพียงแปลกใจว่า แม่น้ำแม่กลอง ไหลมาแต่นี่เลยหรือ ? บทเพลงที่อยากนำเสนอ ณ ห้วงนี้ เป็นเพลงเก่า ประพันธ์โดย ครูไพบูลย์ บุตรขัน ต้นฉบับ ขับร้องโดย ศรคิรี ศรีประจวบ แต่วันนี้ นำฉบับหวาน ของ อ๊อด โอภาส มาขับขานกัน ความไพเราะนอกจากที่เนื้อหา และ น้ำเสียงผู้ร้องแล้ว คือ ท่วงทำนองดนตรี เป็นดนตรีไทย ฟังแล้ว ชวนเคลิ้มนักละครับ เชิญ รับชมและรับฟังได้ ขอรับ. มนต์รักแม่กลอง อ๊อด โอภาส ทศพร เจื้อยแจ้วแว่วเสียงสำเนียงขับร้อง ดังเพลงมนต์รักแม่กลอง ล่องลอยพริ้วหวานซ่านมา กล่อม สาวงามบ้านอัมพวา มนต์รักแม่กลองแว่วมา เหมือนสายธาราแม่กลองรำพัน พี่ต้องจากลาขวัญตานิ่มน้อง ไม่ลืมลาสาวแม่กลอง ต้องครวญหวนมาสักวัน กลิ่น เนื้อนางไม่จางสัมพันธ์ เราสองล่องเรือร่วมกัน.. ร้องเพลงชมจันทร์ลุ่มน้ำแม่กลอง ไม่ลืม น้ำใจไมตรี สาวงามบ้านบางคณฑี เอื้ออารีเรียกร้อง ให้ดื่มน้ำตาลพร้อมกับยิ้มหวาน ของนวลละออง ก่อนลาจากสาวแม่กลอง เรา ร่วมปิดทองงานวัดบ้านแหลม เจื้อยแจ้วแว่วเสียงสำเนียงขับร้อง คร่ำครวญลาสาวแม่กลอง ล่องลอยเมื่อคืนข้างแรม กรุ่น หอมไอทะเลเคล้าแซม มนต์รักแม่กลองแทรกแซม คิดถึงพวงแก้มนวลสาวแม่กลอง ยิ่งฟังยิ่งน้าวใจให้คิดถึง มนต์แม่กลองนัก แม้ว่า คำรบหนึ่งดูฉ่ำหวาน แต่อีกคำรบหนึ่ง กับปวดร้าวนัก แต่อย่างน้อย เราเองยังได้สัมผัส เบื้องลุ่มน้ำแห้งนี้ ภาพที่ผ่านไป ยังคงตรึงตรามิรู้ลืม..แม่กลอง.. ๏ แม่กลองแม่เกี่ยวเส้น...... สายธาร เถื่อนเฮย ล่วงสืบหลืบสรวงสาน ....... ประสิทธิ์ร้อย ไหลเอื่อยเรื่อยไอลาน ...... โอบร่ำ พลบค่ำพร่ำครบคล้อย ....... เรื่อเคล้าเร้าเครือ ๚ะ ๏ แม่กลองแม่เกี่ยวม่านเส้นธารเถื่อน อุทกเคลื่อนโค้งอิงโอบสิงขร สีเงินยวงแย้มจรดเบื้องบทจร แลชะง่อนชะโงกง้ำบ่งำเงา ล่วงบุรีเลยบ้านเบื้องลานล่าง โชติสว่างพร่างศิลป์ยั้งถิ่นเหย้า กำเนิดปูมเปรยขานตำนานเนา ริมฝั่งเก่ากกแก่ลำแม่กลอง ตำนานรักสลักโฉลกวิโยคย้อย ปีกหิ่งห้อยพริบพรูลำพูผ่อง เกิดคู่กรรมสะเทือนลั่นสนั่นคลอง สงครามโลกครั้งสองแม่กลองซม จักกี่ล่วงกี่ลับกี่เลือนหาย ช่วงน้ำสายชุ่มชื่นยังตื่นสม ผ่ายล้างผ่าวร้าวพร่อยมิลอยพรม ชอุ่มชุ่มแลสมโน้มฤดี บทเพลงขานร่ายขับลำดับคร่าว หนุ่มครวญสาวหน่ายถิ่นถวิลหนี ลาสายน้ำเบื้องทิศหรดี แม้นบุญมีคงบ่ายแลหมายคืน ๚ะ ๏ เพลงร่ำพร่ำเร่งร้อย ........ แผ่วโลม โหยร่วงห่วงโรยโหม ......... เรี่ยห้อม บ่ารุกบุกละโบม .............. ระบัดบ่ง รานหักรักหั่นล้อม ........... ฤทธิ์ห้วงหฤหรรษ์ ๚ะ + กิ่งโศก+
ด้วย ทราบว่าหลายคนหลายท่านอาจจะยัง งง กับการ ใส่เพลง ในบทกลอน หรืองานเขียน ในไทยโพเอม นี้ เพราะมีการถาม มาหลายครั้ง นะครับ ซึ่งผู้รู้หลายท่านได้อธิบาย ไว้หลายคนแล้ว บางครั้งกระทู้ก็หาไม่เจอแล้ว อีกอย่างการอธิบายเขียนลงไปใน นี้ .ส่วนที่เป็นโค๊ด มักไม่แสดงภาพให้เห็น..ผมเลยขอพิมพ์ เซฟไว้ในไฟล์รูปภาพ แล้วนำมาแปะอีกทีครับ ขั้นต้อนการใส่เพลง มีดังนี้ครับ ติดวิธีการแปลงเพลงไว้ก่อนนะครับ