11 กุมภาพันธ์ 2553 13:01 น.

..ตาราง..

กิ่งโศก

1177226019.gif

ก่อนถึงวันแห่งความรัก..และวันตรุษจีน..กิ่งโศก อยากนำเสนอ อีกบทเพลงหนึ่ง..สำหรับคอเพลงเก่า..
ออกจะแนวสัจธรรมบ้างที่เกี่ยวกับความรัก หน่อยๆ ..รักที่ไม่สมหวัง..รักที่กัก กุมขัง  กำ ไว้ในซี่กรงรักชั่วชีวิต

......ตารางดวงใจ

หากใครต้องทัณฑ์ อาญาแห่งรักแล้ว...จักถูกกักกัน  ณ..ห้องนี้..กรงขังที่ขังทั้งวิญญาณ และร่างกาย  หากสุขสม ก็จะสุขยิ่งนัก..หากทุกข์ระทม แล้ว..ประหนึ่ง ชีพแหลกสลาย..เป็นป่นผงธุลี 
li40.gif

บทเพลงเพลงนี้..มีคนร้องมาแล้วหลายคน..คนแรก.เป็น .ชาญ  เย็นแข..หรือแม้แต่ หยิบสิบ ของ นิค นิรนาม ยังเอามาร้อง จนโด่งดัง อญุ่พักหนึ่ง.. ลองมาฟังเพลงนี้ดูกันนะครับ
49-1.gifDai-Big-0014.jpg
เพลง ตารางดวงใจ
แต่ง  ไพบูลย์  บุตรขัน
ขับร้อง  ชาญ   เย็นแข

ดวงใจ อาดูร    สูญความรักในฤทัย
โอ้ ชีวิตระบมตรมใน  นั้นใครไหนเล่า
ดังเราตรอมตรม   สาปแล้ว ความรักเอย
ชมเชยแต่ความระทม  ผ่านความช้ำข่ม
เหยียบจมใต้พระธรณี  

 อาวรณ์ ซมซาน  ร้าวรานฤดีคิดไป 
 โลกจึงเหมือน   ตะรางดวงใจ
แม้ใครพบผ่าน     มารแห่งชีวี
ต่อนี้ไปไกลกัน  ดั่งจันทร์และดวงสุรีย์
จากกันเหมือนพี่จากน้อง   ที่นอง น้ำตา

ที่ใดมีรัก ที่นั่น มีทุกข์    ไร้สุขเกิดกรรม
โอ้จริงเหมือนคำ   พระศาสดา
อธิษฐานวาจา   เกิดชาติใดหนา
อย่ารักใคร ตารางดวงใจ
อย่าได้มาพาน  

ดวงใจอาดูร  สูญความรักไปแล้วเอย
ผ่านไปเหมือน   ดังลมรำเพย
ชิดเชยแล้วจาก   ดังกรรมบันดาล
ฝากฝันลอยตามลม   ระทมอยู่ในดวงมาลย์
ชั่วชีวิตผ่าน  แต่ช้ำระกำดวงใจ


51-1.gif



..ไม่อยากจะเชื่อว่าหัวใจ  ก็ขังกันได้ อะ...บางคนอาจยอมให้กักขัง..กักขังฉันเถิด กักขังไป  ขังตัวย่าขังใจดีกว่า..55555

 53-1.gif				
10 กุมภาพันธ์ 2553 13:48 น.

.. ใจภักดิ์...ของนักโทษชาย...( บทเพลงจ้า หุหุ )

กิ่งโศก

8-1.gif

วัยเด็ก ตอนนั้น น่าจะยังไม่ใช่หนุ่มรุ่นกระทง แน่ๆ  ..น้าชายแกติดวิทยุทรานซิสเตอร์ มาก วันๆ แกเปิดฟังแต่เพลงลูกทุ่งเก่าๆ ..ต้องเก่าๆ เท่านั้น จะฟังเพลง เศร้าๆ เย็น ก้อ สมยศ , หวาน ๆ ทูล  ทองใจ...สนุกสนานหน่อย ก็ สุรพล..
       เพลงโปรดของคุณน้า คือ มนต์เมืองเหนือ ที่กิ่งโศกได้นำเสนอไปแล้ว..และหลายๆ เพลง..กิ่งโศก เลยโดนยัดเยียด ให้ฟังเพลงเหล่านี้มาแต่เด็ก..หุหุ  มีอยู่เพลงหนึ่ง ที่คุณน้าเล่าว่า ..น่าสงสารพระเอกมาก..หุหุ.เพราะพระเอก ยอมตาย..ยอมติดคุก..เพื่อ นางเอก..จะได้อยู่สุขสบาย...พระเอกทำได้ ทุกอย่างแม้แต่ชีวิตตัวเองก็ให้ได้....นักโทษแดนประหาร ที่ ยอมตายเพื่อ ยอดรัก..อา...
11-1.gif
ลองมาอ่านเนื้อหา บทเพลงกันดูนะครับ..ส่วนเพลงหาไม่มีในเนตเลย..

30-1.gif

.. อย่ามาสนใจพี่เลย....

คำร้อง  ไพบูลย์  บุตรขัน
ขับร้อง  สมยศ ทัศนพันธ์


พี่จะชั่วช้าสามาลย์ปานใด
ขออย่าสนใจในทางชีวิตพี่เลย
สุขกายสบายเถิดหนอทรามเชย
พี่เพียงเสวย ทุกข์ทรมาน

ทั่วโลกจะเย้ยหยามหน้าตราชื่อ
ว่าพี่นี้คือ ชายโฉด ชั่วช้าสาธารณ์
พี่ยอมทนรับโดยชื่นบาน
ขอเพียงนงคราญ ผ่านพ้นมนทินสิ้นเลย

ชาติหน้าถ้ามี เหมือนที่เขาว่า
พระโปรดเมตตา ได้มาสู่สมชมเชย
ชาตินี้ สิ้นแล้วรักเอย
ชวดเชยสูญเสียเชิงชาย

อย่ามากังวล สนใจในพี่
สิ้นสุดเสียที ไม่มีเหลือเพียงร่างกาย
สิ้นเงินชื่อเสียงสิ้นแล้วความอาย
แม้นจนวันตายสิ้นใจ รักไม่สิ้นเลย
49-1.gif
 คุณน้าเล่าว่า..แกไปอ่านเจอในหนังสือพิมพ์ ฉบับหนึ่ง ..ว่ามีคนเขียน เกี่ยวกับเพลงนี้ .ขอเล่าตามที่ได้ยินมานะครับ..
...ผม ( ผู้เล่าในหนังสือพิมพ์) ขณะ นั่งทานข้าวอยู่ที่ ริมร้านฟุตบาต มองไปในซอย..มีวณิพก.ต้องบอกว่า วณิพกจริง..คือพิการ แขนขาดสองข้าง..กำลังร้องเพลง...เพลง อย่าสนใจพี่เลย..ทึ่งในนำเสียงมาก เพราะเลียนแบบ สมยศ ทัศนพันธ์ หากไม่มอง หรือหลับตาฟัง..จะคล้ายมาก
   คนพิการแขนด้วน ..ร้องเพลงนี้ ..ยิ่งมาถึงท่อนที่ว่า..

อย่ามากังวล สนใจในพี่
สิ้นสุดเสียที ไม่มีเหลือเพียงร่างกาย
สิ้นเงินชื่อเสียงสิ้นแล้วความอาย
แม้นจนวันตายสิ้นใจ รักไม่สิ้นเลย 

51-1.gif
..... ผมจินตนาการตาม เนื้อเพลง..โอ้ มันเหมือนคนร้อง ถอดมาจากชีวิตเขาเลย..ผมเห็นหลายโต๊ะที่ทานข้าวอยู่ในร้านนั่งนิ่ง...หลังจากเพลงจบ..ผมจ่ายค่าอาหาร แล้วจึงหย่อนเหรียญสตางค์ ลงไปใน กระลา มะพร้าวที่วางอยู่ข้างตัว.."
    นั่นคือคำบอกเล่า ความเกี่ยวข้องเหตุการณ์ ที่สัมพันธ์กับบทเพลง..ส่วนที่มาของเพลงนี้ ..ยังหาไม่ได้ขอรับ..อิอิ
53-1.gif				
9 กุมภาพันธ์ 2553 13:16 น.

ชั่ว ดี อยู่ที่ กรรม...แต่สุดท้าย..ต้องเจอกับ คนๆ นี้..

กิ่งโศก

nn23.gif


..ด้วยเสาร์ อาทิตย์ บวก วันจันทร์ อีกวันที่ผ่านมา..กิ่งโศก ได้ไปร่วมงานศพ ญาติ ที่ต่างจังหวัด ..ที่จริงว่าจะลองเขียนลงในเรื่องสั้น เพราะไปเจอ ข้อมูลที่กิ่งโศกได้รับจากงานศพ น่าจนใจชิ้นหนึ่ง ..แต่ระหว่างจะลงมือเขียนลำดับเหตุการณ์ในเรื่องสั้น..สดุดกับเพลง ที่เขาเปิด ช่วงตั้งสวดศพ..ก่อนเผา..นอกจากเพลงธรณีกรรแสง  ..หากนั่งนิ่งฟังแล้วโศกกินใจนักละครับ..แล้วมีเอกเพลง..
 เพลงนี้ ครับ..สัปเหร่อ ...ต้นฉบับ...
  คำว่าต้นฉบับ คือ ต้นเสียงคนแรกที่ร้องเพลงนี้..
ผมว่าเสียงคนร้องแหบๆ ไม่เพราะสักเท่าใด อิอิ...แต่ฟังที่บทเพลง กับให้แง่คิด..ดีมาก
อ้อ ผู้ร้องเพลง ชื่อประจวบ จำปาทอง...วัยสะรุ่นสมัยนี้อาจไม่รู้จัก..แต่หากบอก ว่าเป็นเจ้าของ ครีม..กวนเอง..เอ๊ย..กวนอิม..อันโด่งดังสมัยรุ่นคุณแม่กิ่งโศกยังสาว..คงพอจะติดหูบ้างนะ ขอรับ 55
....หมดลมหายใจ แล้วไปนอนเรียงกัน
..ที่ป่าช้านั่น ไม่พ้นมือฉันพวกสัปเหร่อ...

..มาดูที่บทเพลงกันนะครับ..ไม่ทราบว่าเสียงเพลงจะดังหรือเปล่านะครับ..
m27100.jpg




          ..สัปเหร่อ
คำร้อง/ทำนอง :  ไพบูลย์ บุตรขัน
ขับร้อง :  ประจวบ จำปาทอง

คนเรามีกรรม เหมือนคำพุทธภาษิต 
ว่าเกิดมาใช้หนี้ชีวิต ลิขิตไปตามบาปกรรมสร้างมา 
เกิดมาเป็นคน บ้างมีบ้างจนเป็นธรรมดา 
เหมือนเป็นสัญญา โลกเรานี้หนาเปรียบโรงละคร 
เกิดมาทุกคน ไม่พ้นที่เชิงตะกอน 
เหลือตัวล่อนจ้อน ที่หลับที่นอนเหมือนกันคือโลง

คนเรามีกรรม ต้องทำกุศลไว้บ้าง 
เพื่อแบ่งเบาหนี้บาปตามล้าง คิดสร้างแต่บุญเป็นทุนเชื่อมโยง 
อย่าหยิบอย่าฉวย หาทางร่ำรวยด้วยการกินโกง 
แม้นตายเข้าโรง บาปกรรมเพราะโกงติดตามเรื่อยไป 
ถึงเป็นเศรษฐี มั่งมีเงินทองเพียงใด 
หมดลมแล้วไม่อาจนำ เงินไปได้เลยสักคน 

เวรกรรมตามทัน เห็นกันด้วยตาก็บ่อย 
เข้าอยู่ในคุกไม่ใช่น้อย ไม่ค่อยจดจำในความทุกข์ทน 
สวรรค์ในอก และมีนรกในดวงกมล 
ขอเตือนทุกคน ว่ามีหรือจนไม่เห็นสำคัญ 
หมดลมหายใจ แล้วไปนอนเรียงเคียงกัน 
ที่ป่าช้านั่น ไม่พ้นมือฉันพวกสัปเหร่อ

13-1.gif


...สุดท้ายก็ตายเป็นผี ..ที่คงเหลือ คงแค่คุณความดี และไม่ดี ให้คนรุ่นหลังได้จดจำเท่านั้น..
42-1.gif

๐ ลมหล่อชีพอยู่ยั้ง.......ดำรง
ใยเล่าโลภยอบหลง.....กิเลสเคล้า
อำนาจใช่อยู่ยง.......ค้ำยก
ท้ายสุดคืนสู่เหย้า....กลบด้วยดินถม ฯ

                 กิ่งโศก
				
5 กุมภาพันธ์ 2553 11:50 น.

กองทัพคีต..ขอร่ำบรรเลง..ด้วยบทเพลงที่คนไม่เคยเยือนเลยแต่.สร้างไว้วิจตรยิ่ง

กิ่งโศก

13-1.gif
..ตั้งแต่เด็กๆ เคยแว่วเพลงนี้ตามวิทยุทรานซิสเตอร์ ที่คุณพ่อเปิด
..ป่าเหนือ เมื่อหน้าดอกไม้บาน  ......ในจินตนาการของกิ่งโศก มองเห็น ทุ่งดอกไม้ขจีเขียว เบื้อหลังเป็นป่าเขียวที่มีทิวเขา เป็นฉาก ..ความสดชื่น..ถูกบ่มแล้ว ถิ่นเหนือ..
35-1.gif
   ..วันนี้ขอนำ บทเพลงนี้มาให้ คอเพลงเก่า ได้สดับกัน..
เพลง มนต์เมืองเหนือ..ที่มีคนมาร้องตามมากมายหลายคน..ที่ดังๆ ติดหู คนแรก สมยศ ทัศนพันธ์ ผู้มีเสียงต่ำ ทุ้มเป็นเอกลักษณ์  เวลาร้อง..ชอบจะทิ้งคำ..อิอิ
..อีกคนที่ ต่อมามาร้องจนดัง..คือ ทูล   ทองใจ ที่เอกลักษณ์ ในน้ำเสียงคือหวานแว่ว ดุจแก้วที่ผ่านการเจียรไนย..
ส่วนคนอื่น..ผมว่าก็งั้น ๆ  แฮะๆๆๆ
...บทเพลงนี้ มีหัวข้อที่ ควรพูดถึง...สัก สองประเด็น..คือ
ประเด็นแรก..ครูไพบูลย์ บุตรขันผู้แต่ง..ไม่เคยไปทางเหนือ แถวเชียงใหม่ เชียงรายเลย...มากสุดแค่ลำปาง
ดังนั้นเพลงนี้ จึงมาจากจินตนาการล้วน ๆ  ..ครูไพบูลย์ เล่าให้ มีบทสัมภาษณ์ท่านดังนี้ครับ
nn28.gif
....กุลชาติ : อ๋อ ฉะนั้นเพลงมนต์เมืองเหนือ เจ้าของเพลงไม่เคยเหยียบเมืองเหนือ 

....ไพบูลย์ : ไม่เคยไปเลยครับ หลังจากแสดงดนตรีที่จังหวัดลำปางเสร็จแล้วก็ไปเที่ยวเกาะคา มองเห็นทิวทัศน์ทางเหนือ ผมเป็นคนภาคกลาง การเห็นภูเขาเมฆหมอกห้วยละหารธารน้ำ ตอนเช้าหมอกลงแลดูสลัวไปหมด มันเร่งความรู้สึก เป็นความตื่นตาตื่นใจ ประทับอยู่ในใจแต่ยังไม่ได้นึกจะแต่งเพลงทันที เพียงแต่เก็บภาพไว้ในอารมณ์ ความรู้สึก สาม-สี่วันที่ผมอยู่ลำปาง ความประทับใจมากเหลือเกิน เพราะผมมีความใฝ่ฝันจะได้เห็นเมืองเหนือ จุดสำคัญที่สุดคืออยากเห็นเชียงใหม่แล้วไม่ได้ไป ผมยืนอยู่ที่สถานีรถไฟลำปาง มองไปตามทางรถไฟ คิดว่าเชียงใหม่จะมีรูปร่างเป็นอย่างไร คิดอยู่ตลอดเวลา พอกลับมาถึงกรุงเทพฯ ผมลงมือเขียนเลย

ประเด็นที่สอง มาจากประเด็นแรก..กล่าวคือ ครูไพบูลย์ บุตรขัน แต่งถ้อยคำผิด..( ครูสมยศ อัดเสียง ไปแล้ว และดังไปแล้ว)  ...มีคนทักครูไพบูลย์ ว่า ...ท่าน แอ่วเว้า เจ้าวอน.. ทางเหนือ คำว่า เว้า..นั้นไม่ใช้กัน เว้า ที่แปลว่าพูด จะใช้ทางภาคอิสาน..ทางเหนือ ใช้ ว่า อู้..
     ดังนั้นท่านจึงแก้ไขใหม่เป็น....แอ่วสาว เจ้าวอน  แล้วให้ทูล ทองใจ ขับร้อง  และดังเป็นพลุแตกอีกคน..
38-2.gif01_31.jpg
..มาดู บทเพลง กันนะครับ..
มนเมืองเหนือ

แต่งโดยไพบูลย์ บุตรขัน
ทำนอง  สง่า อารัมภีร
ขับร้อง  สมยศ ทัศนพันธ์

............................................
ป่าเหนือเมื่อหน้า ดอกไม้บาน
ลมฝนบนฟ้าผ่าน ฟ้ามองดั่งม่าน น้ำ ตา
น้ำ ฝน หล่นจาก ฟากฟ้า
ขังแก่งเหมือนแอ่งน้ำตาไหลตกจากผาแว่วฟัง
...ป่าเหนือเมื่อไปได้พบมา
เมืองเหนือเมื่อน้ำบ่า เลาะธารซ่านซ่า
เคล้าดัง น้ำไหลไปหลากมากครั้ง
หมุนวนสายชลเหมือนดังไหลหลั่งเป็นวังน้ำวน
...ริมฝั่งวังน้ำค่ำลงคงมี แสงจันทร์
คืนหนึ่ง คืนนั้นพบกันน้องเอย สองคน
เมืองเหนืออนงค์นั้นคงมีมนต์
เป่าหัวใจเสียจน ก่นให้ ใฝ่ฝัน
...แอ่ว(เว้า) สาวเจ้าวอน อ้อนน้ำคำ
จนสูรย์ลอยคล้อยต่ำสายัณห์เย็นย่ำ ทุก วัน
แล้วไฉน จะให้ลืมนั้น แม้นใครได้ไปเที่ยวพลัน
หลงมั่นในเมืองเหนือเอย

42-1.gif

ลองมาอ่าน การย้อนความหลังของการร้องเพลงสมัยก่อน..ของครูสมยศ ทัศนพันธ์ จาก..ครูแจ๋ว .สง่า อารัมภีร์ 
เล่าตำนานเบื้องเพลงการบันทึกเสียงเพลง มนต์เมืองเหนือ เมื่อปี 2492 ว่า มีเรื่องขำๆ กัน ว่าเบื้องหลังของเพลงนี้กัน
                   เวลา สมยศ ทัศนพันธ์ คนร้องเพลง มนต์เมืองเหนือ นั้นติดยานัตถุ์ ก่อนอัดเสียงหรือก่อนขึ้นร้องสดหน้าเวที จะต้องเป่ายานัตถุ์จนแน่ใจว่าจมูกโล่ง ร้องเพลงได้ไม่สะดุด สมัยก่อนโน้น เวลาอัดเสียงทั้งนักร้อง นักดนตรี ผู้ควบคุมวง มีกี่คนกี่คนก็จะต้องอัดเข้าไปอยู่ในห้องเดียวกัน 

ทีนี้เวลาสมยศ ทัศนพันธ์ อัดยานัตถุ์ก็เป็นเรื่องสิครับ คือสมยศจะต้องเทสต์เสียงตัวเองในเพลงมนต์เมืองเหนือ ว่า "ป่า-ป่า-ป่า" ถ้ายังรู้สึกไม่ได้ที่ก็เป่ายานัตถุ์พรวด แล้วก็ "ป่า-ป่า-ป่า" พอได้ที่เมื่อไรจึงค่อยร้องว่า "ป่าเหนือเมื่อหน้าดอกไม้บาน" กว่าป่าเหนือของสมยศ ดอกไม้จะบานได้ ปรากฏว่า นักดนตรีทั้งห้องอัดก็สำลักยานัตถุ์กันเป็นแถว จามฮัดเช้ยกันไปมา  
 
nn28.gif

                เพลงมนต์เมืองเหนือ กับ สมยศ ทัศนพันธ์ นั้นเหมาะเจาะกันอย่างที่สุด เพราะเพลงมีท่วงทำนองโลดโผน ต่ำมากสูงมาก ฟังเพลินๆ เหมือนร้องง่าย แต่พอร้องจริงแบบเก็บละเอียด จะรู้ว่าร้องยาก อย่างตอน "ขังแก่งเหมือนแอ่งน้ำตา ไหลตก..." โอ้.. โน้ตลงต่ำอย่างไม่ปรานีคนร้อง แล้วจะต้องวกขึ้นสูงต่อมาเลยว่า "จากผา..แว่วฟัง"

ลงต่ำสุดลิ่มทิ่มลำคอแบบนี้ สมยศ ทัศนพันธ์ เอาอยู่ในแบบ พยัคฆ์ร้ายไม้เอก คือเนื้อเพลงพอมีไม้เอก มีเสียงต่ำมานั้น สมยศ จะร้องได้ดีเป็นพิเศษ ไม่รู้เหมือนกันว่า ใครเป็นคนเลือกให้สมยศร้องเพลงมนต์เมืองเหนือ ระหว่างผู้แต่ง คือ ไพบูลย์ บุตรขัน กับคนทำดนตรี คือ สง่า อารัมภีร
nn23.gif
สดับด่ำบรรเลง               	ถ้อยบทเพลงละเลงเรียง
ต่ำสูงคลอสำเนียง                  กล่อมสนิทโน้มนิทรา

.......+ กิ่งโศก +
nn72.gif				
4 กุมภาพันธ์ 2553 21:07 น.

ไม่ว่าชนชั้นใด..ย่อมมีทุกข์แลมีสุข..ที่มาของอมตะเพลงนี้

กิ่งโศก

16-1.gif

บทเพลง เพลงนี้   ลาวดวงเดือน 

...อนุสรณ์ ความรัก ....ความโหยหาอันนิรันดร์..ความหลังอันตราตรึงแลเจ็บปวดครั้งพระองค์ท่านเสด็จเยือง นครเชียงใหม่..ของ พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหมื่นพิชัยมหินทโรดมหรือพระองค์เจ้าชายเพ็ญพัฒนพงศ์ พระโอรสใน
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ และเจ้าจอมมารดามงกุฎ..
พระองค์เจ้าชายเพ็ญกับเจ้าหญิงชมชื่นผู้เลอโฉม แห่งเชียงใหม่นคร...

เชิญมาชมเนื้อหา ..เพลงแรกเพลงเดียว ของพระองค์ท่านที่ทรงนิพนธิ์ไว้กันเถิด..

โอ้ละหนอ ดวงเดือนเอย 
ข้อยมาเว้า รักเจ้าสาวคำดวง
โอ้ดึกแล้วหนอ 
ข้อยขอลาล่วง
 อกพี่เป็นห่วง รักเจ้าดวงเดือนเอย
ขอลาแล้ว เจ้าแก้วโกสุมภ์
 ข้อยนี้รักเจ้าหนอขวัญตาเรียม
จะหาไหนมาเทียม   เจ้าดวงเดือนเอย
หอมกลิ่นเกสร เกสรดอกไม้ 
หอมกลิ่นคล้ายคล้ายเจ้าสูของเรียมเอย
หอมกลิ่นกรุ่นครัน 
หอมนั้นยังบ่เลย เนื้อหอมทรามเชย.เอ๋ย..เราละหนอ
โอ้ละหนอ นวลตาเอย ข้อยนี้รัก แสนรักดังดวงใจ
โอ้เป็นกรรมต้องจำจากไป อกอาลัยเจ้าดวงเดือนเอย  
13-1.gif


..บทชมนาง...อาลัยหานาง  ผู้เป็นยอดดวงใจถ่ายทอดอกมาได้ลึกล้ำยิ่งครับ.
กิ่งโศกขอ นำเสนอ..ที่มาของ เพลง ลาวดวงเดือน   ครับ..

35-1.gifOP0241.jpg


ผู้ประพันธ์เพลงนี้ คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหมื่นพิชัยมหินทโรดม
หรือพระองค์เจ้าชายเพ็ญพัฒนพงศ์ พระโอรสใน
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ และเจ้าจอมมารดามงกุฎ
ประสูติเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๔๒๕
พระองค์เจ้าชายเพ็ญ ได้เสด็จไปทรงศึกษาในประเทศอังกฤษ
เมื่อเสด็จกลับมาแล้วทรงเข้ารับราชการในตำแหน่ง
ผู้ช่วยปลัดทูลฉลองกระทรวงเกษตราธิการ
ใน พ.ศ. ๒๔๕๑ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นกรมหมื่นพิชัยมหินทโรดม
กรมหมื่นพิชัยมหินทโรดม ทรงสนพระทัยดนตรีไทยเป็นอย่างมาก
เมื่อเสด็จกลับจากอังกฤษแล้ว ทรงโปรดให้มีวงปี่พาทย์วงหนึ่ง
เรียกกันว่า วงพระองค์เพ็ญ
นอกจากนี้พระองค์ยังทรงเล่นดนตรีได้หลายเครื่อง
และยังทรงเป็นนักแต่งเพลงที่สามารถพระองค์หนึ่ง
โดยได้ทรงแต่งเพลง ลาวดวงเดือน
ซึ่งเป็นที่นิยมแพร่หลายทั้งในอดีตและปัจจุบัน

38-2.gif
ในปลายรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เป็นสมัยที่ดนตรีไทย โดยเฉพาะปี่พาทย์ได้รับความนิยมแพร่หลาย
ตามบ้านท่านผู้มีบรรดาศักดิ์ และวัดวาอาราม
ต่างก็มีวงปี่พาทย์เป็นประจำกันมากมาย
เจ้านายหลายพระองค์ก็มีวงปี่พาท์ประจำวัง มีครูบาอาจารย์ไว้ฝึกสอน
ปรับปรุงคิดประกวดประขันกันอย่างเอาจริงเอาจัง เช่น
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ก็มีวง วังบูรพา
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต ก็มีวง วังบางขุนพรหม
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งดำรงพระยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช
สยามมกุฎราชกุมารก็มีวงปี่พาทย์ชื่อว่า วงสมเด็จพระบรม
และพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหมื่นพิชัยมหินทโรดม
ก็มีวงปี่พาทย์วงหนึ่งของพระองค์เรียกว่า วงพระองค์เพ็ญ
ซึ่งแต่ลงวงล้วนแต่มีนักดนตรีที่มีฝีไม้ลายมือยอดเยี่ยมทัดเทียมกัน
35-1.gif
กรมหมื่นพิชัยมหินทโรดม นอกจากจะทรงสนพระทัยในวงปี่พาทย์ของพระองค์
เยี่ยงเจ้านายท่านอื่นๆแล้ว ยังทรงเป็นนักแต่งเพลงชั้นดีพระองค์หนึ่งด้วย
ทรงคิดประดิษฐ์ทำนองเพลงใหม่ๆ แปลกๆอยู่เสมอ
พระองค์ทรงโปรดท่วงทำนองลีลาของเพลง ลาวดำเนินทราย เป็นอันมาก
เพราะเพลงนี้เป็นเพลงสำเนียงลาวอันอ่อนช้อยนุ่มนวล
เห็นภาพพจน์บรรยายกาศของภูมิประเทศ และวัฒนธรรมไทยภาคเหนือ
35-1.gif
ใน พ.ศ. ๒๔๔๖ พระองค์เจ้าชายเพ็ญพัฒนพงศ์
เพิ่งสำเร็จการศึกษาจากประเทศอังกฤษมาใหม่ ได้ทรงเสด็จขึ้นไปเที่ยวนครเชียงใหม่
อันเป็นนครแห่งศูนย์กลางวัฒนธรรมล้านนาสมัยนั้น
สมัยนั้นพระยานริศราชกิจเป็นข้าหลวงใหญ่อยู่ประจำมลฑลพายัพ
ได้จัดการรับเสด็จต้อนรับพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าชายเพ็ญพัฒนพงค์
อย่างสมพระเกียรติ โดยเจ้าหลวงอินทวโรรสสุริยะวงศ์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่
ได้จัดการรับเสด้จอย่างประเพณีชาวเหนือโดยแท้
โดยให้ประทับในคุ้มหลวงและเสวยพระกระยาหารแบบขันโตก
มีการแสดงละครและดนตรีในคุ้มนี้ด้วย
35-1.gif
ในงานต้อนรับเสด็จครั้งนี้
เจ้าอินทวโรรสแลเเจ้าแม่ทิพยเนตรได้ชวนเชิญเจ้าพี่เจ้าน้อง
และพระญาติวงศ์มาร่วมรับเสด็จโดยพร้อมเพียงกัน
ในบรรดาพระญาติวงศ์เจ้านายเชียงใหม่
ปรากฎว่ามีเจ้าราชสัมพันธวงศ์และเจ้าหญิงคำย่น
พร้อมด้วยธิดาองค์โต นามว่า เจ้าหญิงชมชื่น อายุเพิ่งย่างเข้า ๑๖ ปี
มาร่วมในงานนี้ด้วย เล่ากันว่าเจ้าหญิงชมชื่นมีผิวพรรณผุดผ่องเป็นนวลใย
ใบหน้าอิ่มเอิบเปล่งปลั่งดุจพระจันทร์วันเพ็ญ มีเลือดฝาดขึ้นบนใบหน้า
จนแก้มเป็นสีชมพู เพราะผิวขาวประดุจงาช้างอยู่แล้ว
อีกทั้งเจ้าหญิงชมชื่นเป็นกุลสตรีที่เรียบร้อยอ่อนหวานน่ารัก
เจรจาด้วยกระแสเสียงอันไพเราะ
ด้วยความงามอันน่าพิศวงประกอบกับความน่ารัก
นุ่มนวลละมุนละไมจึงเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว
35-1.gif
พระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงศ์ เจ้าชายหนุ่มอายุ ๒๑ ปี
บังเกิดความสนพระทัยในดรุณีแน่งน้อย อายุ ๑๖ ปีนี้มาก
กล่าวกันว่า พระองค์เมื่อได้เห็นเจ้าหญิงชมชื่นก็ถึงกับทรงตะลึง
ในความงามอันน่าพิศวงจนเกิดความพิสมัยขึ้นในพระทัย
เหมือนกับชายหนุ่มพบคนรักครั้งแรก!!
ในวันต่อมา พระยานิรศราชกิจ ข้าหลวงมลฑลพายัพ
เป็นผู้นำพระองค์ไปเยี่ยมเจ้าราชสัมพันธวงศ์ถึงคุ้มหน้าวัดบ้านปิง
เจ้าหญิชมชื่นได้มีโอกาสต้อนรับพระเจ้าลูกยาเธอ
ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
นักเรียนนอกผู้สำเร็จการศึกษาจากอังกฤษพระองค์นี้หลายครั้งหลายหน
นานวันเข้าพระองค์เจ้าชายเพ็ญก็ยิ่งเกิดความปฏิพัทธ์
หลงใหลในเจ้าหญิงชมชื่นเป็ยนิ่งนัก
พระองค์จึงโปรดให้ข้าหลวงใหญ่มณฑลพายัพ
เป็นเฒ่าแก่เจรจาสู่ขอเจ้าหญิงชมชื่น ให้เป็นหม่อมของพระองค์
35-1.gif
แต่การเจรจาสู่ขอกลับได้รับการทัดทานจากเจ้าราชสัมพันธวงศ์
โดยขอผัดผ่อนให้ เจ้าหญิงชมชื่นอายุครบ ๑๘ ปี เสียก่อน
และตามขนบธรรมเนียมประเพณีของราชสกุลนั้น
พระเจ้าลูกเธอพระองค์ใดจะทำการอภิเษกสมรส
จะต้องได้รับพระบรมราชานุญาตจากพระมหากษัตริย์เสียก่อน
เพื่อได้รับเป็นสะใภ้หลวง ได้รับยศและตำแหน่งตามฐานะ
หากถวายเจ้าหญิงชมชื่นให้ในตอนนี้
เจ้าหญิงก็จะตกอยู่ในฐานะภรรยาน้อยหรือนางบำเรอเท่านั้น
เฒ่าแก่ข้าหลวงใหญ่ยอมจำนนต่อเหตุผลของเจ้าสัมพันธวงศ์
นำความผิดหวังกลับมาทูลให้พระองค์ชายทราบ
พระองค์ชายก็ได้รับความผิดหวังครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต
เพราะเมื่อจะมีรักครั้งแรกทั้งทีก็มีกรรมบันดาลขัดขวาง
ไม่ให้รักสมหวังไม่ได้เชยชมสมใจ
ความทุกข์โศกใดจะเทียมเทียบเปรียบปาน
35-1.gif
เมื่อผิดหวังก็ต้องเสด็จกลับกรุงเทพด้วยความร้าวรานพระทัย
คงปล่อยให้เชียงใหม่เป็นนครแห่งความรักและความหลังของพระองค์
ครั้นถึงกรุงเทพ เรื่องการสู่ขอเจ้าหญิงเมืองเหนือได้แพร่สะพัด
ไปในหมู่พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชบริพารผู้ใกล้ชิด
เจ้านายชั้นผู้ใหญ่หลายพระองค์ทรงทัดทานอย่างหนักหน่วง
โดยอ้างเหตุผลต่างๆ นานา
เป็นอันว่า ความรักของพระองค์ประสบความผิดหวังอย่างสิ้นเชิงทุกประการ
คราใดสายลมเหนือพัดมา พระองค์ชายของเราก็แสนเศร้ารันทดใจครานั้น
เศร้าขึ้นมาคราใด พระองค์เจ้าชายเพ็ญพัฒนพงศ์
ก็เสด็จไปฟังดนตรีตามวังเจ้านายต่างๆ ทั้ง วังสมเด็จ วังบูรพา และวังบางขุนพรหม
ทุกครั้งที่ทรงสดับดนตรีและทรงดนตรี
พระองค์จะโปรดเพลง ลาวเจริญศรี เป็นพิเศษ
เพราะเป็นเพลงที่นอกจากจะมีความไพเราะอ่อนหวานแล้วยังมีบทร้องที่ว่า
อายุเยาวเรศรุ่นเจริญศรี
พระเพื่อนพี่แพงน้องสองสมร
งามทรงงามองค์อ่อนซ้อน
ดังอัปสรยหาดฟ้าลงมาเอย
.บทร้องนี้ ทำให้พระองค์หวนรำลึกถึงโฉมอันงามพิลาส
ของเจ้าหญิงชมชื่นผู้เป็นที่รัก
พระองค์จึงทรงระบายความรักความอาลัยของพระองค์
ลงในพระนิพนธ์บทร้อง ลาวดวงเดือนเพื่อเป็นที่ระลึกถึงเจ้าหญิงผู้เป็นเจ้าหัวใจนี่เอง เป็นเครื่องผ่อนคลายอารมณ์เศร้าของพระองค์
เป็นอนุสรณ์ เตือนจิตให้สะท้อนรัญจวนหวนคำนึง
รำลึกถึงโฉมงามของเจ้าหญิง-ความรัก-ความหลัง
คราใดที่ทรงรำลึกถึงเจ้าหญิงชมชื่น
พระองค์ก็ทรงใช้ดนตรีเป็นเครื่องปลอบหฤทัยให้คลายเศร้า
ถ้าไม่ทรงดนตรีเองก็ให้มหาดเล็กข้าหลวงเล่นให้ฟังด้วย
ลาวเจริญศรี และลาวดวงเดือน ซึ่งขาดไม่ได้ตลอดชีวิตของพระองค์ท่าน.
35-1.gif
กรมหมื่นพิชัยมหินทโรดม ทรงมีพระชนมายุน้อยมาก
เนื่องจากทรงมีอารมณ์อ่อนไหวละเอียดอ่อน
และประกอบกับพระวรกายไม่ค่อยมบูรณ์แข็งแรงเท่าไรนัก
อีกทั้งทรงหมกมุ่นกับหน้าที่การงาน
เพื่อจะให้ลืมความหลังอันแสนเศร้าของพระองค์ที่ฝังใจอยู่ตลอดเวลา
อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พระชนมชีพของพระองค์สั้นจนเกินไป
พระองค์ด่วนสิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกาน พ.ศ. ๒๔๕๓
พระชันษา ๒๘ ปีเท่านั้น.
เพลงลาวดวงเดือน เพลงนี้ เป็นหลักฐานปรากฏผลงานการแต่งเพลง
ของพระองค์เพียงเพลงเดียวเท่านั้น เพราะไม่สามารถสืบทราบได้ว่า
พระองค์ทรงแต่งเพลงใดขึ้นมาอีกหรือไม่ แม้ว่าจะทรงแต่งเพียงเพลงเดียว
ลาวดวงเดือน ก็ดูเหมือนจะเป็นเพลงที่พระองค์ทรงประพันธ์ด้วยชีวิต
จิตใจ และวิญญาณ ความรัก-ความหลัง ของพระองค์ทั้งหมดลงในเพลงนี้
เพลงลาวดวงเดือน เป็นเพลงอันประดุจอนุสรณ์แห่งความรักอมตะระหว่าง
พระองค์เจ้าชายเพ็ญกับเจ้าหญิงชมชื่นผู้เลอโฉม
และจะเป็นเพลงรักหวานซาบซึ้งตรึงใจ
อยู่ในห้วงหัวใจคนไทยทั้งชาติต่อไปอีกนานเท่านาน
  
ประวัติเพลง ลาวดวงเดือน
เรียบเรียงโดย อาจารย์สันติเทพ ศิลปบรรเลง
42-1.gif				
Calendar
Calendar
Lovers  2 คน เลิฟกิ่งโศก
Lovings  กิ่งโศก เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกิ่งโศก
Lovings  กิ่งโศก เลิฟ 2 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกิ่งโศก