..ความรู้สึกคิดถึงบ้านเกิด ยามเมื่อมาบุกเบิกชีวิตในเมืองหลวงแบบนี้..ใหม่ ๆ บางที น้ำตาซึมเลย ย้อนไปเมื่อ หิ้วกระเป๋า มากับเพื่อน ..ครั้งแรกที่เข้ากรุง ความตื่นตาตื่นใจ ในสถาพบ้านเมือง ที่มีความแตกต่างไปจากทุ่งนา ขุนเขา ..ตึกสูงๆ รถเมล์ รถแท็กซี่ วุ่นวาย ผู้คน ดูจะมีแต่ความรีบร้อน..ไม่ค่อยทักทายกัน ที่ทัก ก็เรียกให้ซื้อของ ขายของ หรือ เรียกขึ้นรถแท็กซี่ ..วันแรกที่ไปอาศัย..วัด จำได้ว่า..อยู่ลึกจากถนนใหญ่มาก..ไปอาศัย พระ ที่เป็นคนบ้าน เดียวกัน เบียดๆ กับ ลูกศิษย์ คนอื่น ... ...ช่วงเช้าที่ต้องไปเดิน ตามพระไปบิณฑบาต เช้ามืด สายๆ ไปหาสมัครงาน ..เดิน..หา งาน.. บางขณะ อาจจะหลายขณะ..คิดถึงบ้านเกิดมาก.. ..จนกระทั่งได้งานทำ..ไปเช่าห้องพัก..ในห้วงเวลาค่ำๆ ..จะหยิบสมุด มาบึนทึก เหตุการณ์ต่างๆ.. ท้ายของบันทึก ทุกครั้ง..จะ ฝาก ความในใจ ว่าคิดถึง บ้าน คิดถึงแม่ คิดถึงพี่ๆ น้อง ๆ ..รสชาติ ของคน จากบ้านมา ..เป็นแบบนี้เอง.. เลยเสนอ...บทเพลงนี้ ..ไกลบ้าน ขับร้องโดย คุณชรินทร์ นันทนากร.. พลัดที่พึ่งที่พิง ทิ้งที่พำนัก........โฮย...เศร้ามาก.. ที่มา...ลองอ่านดูนะครับ.. เพลงนี้ ชรินทร์ นันทนาคร บันทึกแผ่นเสียง ไว้ เมื่อ พ.ศ.2501 ก่อนที่จะเดินทางไปเรียนต่อที่ อเมริกา ชาลี อินทรวิจิตร เขียนเล่าเอาไว้ ใน หนังสือ คอนเสิร์ต วันดวลเพลง ชาลี อินทรวิจิตร สุรพล โทณะวณิก ครั้งที่ 1 ว่า ...กาลเวลา คือโซ่ตรวนของชีวิต จะผูกมัดยึดยื้อให้คนหลงเงาตัวเอง จมปลักอยู่กับที่นานเท่านาน แต่คนที่มีพรสวรรค์อยู่แล้ว อย่างชรินทร์ ยังต้องการพรแสวง เพื่อความก้าวหน้าของชีวิต ชรินทร์ จะไปเรียนต่อที่อเมริกา เขาเอ่ยปากบอกผมว่า อยากมีเพลงไปร้องให้คนไทยที่อเมริการ้องไห้คิดถึงบ้าน คิดถึงวงศ์วานว่านเครือ วงศาคณาญาติ คิดถึงคนที่เคยรัก ผมตอบตกลงทันที โอกาสดีๆอย่างนี้ หาได้ที่ไหน ไกลบ้าน คือเพลงที่ผมแต่งร่วมกันกับ คุณสมาน กาญจนะผลิน ให้ ชรินทร์ ไปร้อง ถ้าเอ็งร้องแล้ว เขาไม่สนใจ ไม่ร้องไห้ เพราะเขาถือว่า เขาเป็นคนอเมริกันไปแล้ว เอ็งก็เอาเพลงเชยฉ่ำนี้ กลับมาก็แล้วกัน นั่นคือที่มาย่อๆ ครับ.. ลองมาฟังกันนะครับ เริ่มที่เนื้อเพลงก่อนเลย ไกลบ้าน แต่งโดย ชาลี อินทรวิจิตร/ สมาน กาญจนผลิน ขับร้องโดย ชรินทร์ นันทนากร วิปโยคโศกใจ เหมือนเมื่อไกลบ้าน ไกลสถานพักพิง ยิ่งใจเหงา ห่างไกล หัวใจจำเศร้า เจ้าอยู่ดี เป็นไฉน พลัดที่พึ่ง ที่พิง ทิ้งถิ่นพำนัก ไกลที่รัก พักพาจะอาศัย เจ้ามีเพื่อนชม คนใหม่ แล้วทิ้งพี่ให้ ชอกช้ำฤดี อันรักกันอยู่ไกล ถึงสุดขอบฟ้า เหมือนชายคา เข้ามาเบียด ดูเสียดสี อันชังกัน แม้นใกล้สักองคุลี ก็เหมือนมีแนวป่า มาปิดบัง เพราะไกลบ้าน ซ่านมาโถนิจจาเจ้า จะเงียบเหงา แล้วลืม สิ้นความหลัง ฝากเพียง เสียงกระซิบสั่ง ขอน้องอย่าชัง คนร้างแรมไกล ...........ใครผู้ใด ยามร้างแรมไกลจากถิ่นเคยอยู่ อู่เคยนอน...ย่อมถวิล หา มาตุภูมิ อย่างยิ่งแล้วครับ ๏ ร่ำลาแล้วลับร้าง..........แรมรอน ไกลเฮย พรากถิ่นพลัดที่นอน.......เปลี่ยนน้ำ แลเบิกเบิ่งทอดถอน........เทวษ วายเนอ หวนคิดจิตข้องค้ำ...........คลั่งค้างความหลัง ๚ะ ๏ ร่ำลาแล้วลับร้างแรมรอนไกล น้ำตาไหลรินอาบหมายดาบหน้า วางจุดหมายปลายโพ้นทิพย์อาภา ณ.ฟากฟ้าริมฝั่งแลหวังพึง ห่วงหวงหลากแหนเรื่องไว้เบื้องหลัง ลุภวังค์ล่วงตามเติ่งความถึง ภาพสุดท้ายทาบติดสนิทตรึง ร่างกลมกลึงกอดแน่นน้ำตานอง ลาก่อนแม่ไม่ตายคงบ่ายหวน ลารัญจวนรอยบาศสวาทสอง ลาเรือนรักหักใจจำห่างครอง นิราศน้องจำพรากพร่ำฝากดิน ๚ะ ๏ เนตรเบิกกระพริบกว้าง.....กลัวหาย จารจรดจับตรึงฉาย................ภาพนี้ แตะดินฝากแม่หมาย.............บอกมั่น แม่แม่ ความบ่งบอกบทชี้...............เฉกย้ำย้อนคืน ๚ะ๛
๐ ความสุขในวันหยุด ประจำสัปดาห์ หากไม่ได้ไปไหนมาไหนแล้ว ..จะชอบเปิดวิทยุ ..ทั้ง FM หรือ AM หาฟังเพลงไทยสากลเก่าๆ ทั้งลูกกรุง ลูกทุ่ง วันนี้ ได้ ฟังหลาย เพลง บทเพลงเหล่านี้ ก็ สามารถลดอุณภูมิ ความร้อน เดือน กุมภาพันธ์ ได้ดีนัก.. ๐ วันนี้ นำเสนอ บทเพลง รักพี่ที่ใจ..เป็นเพลงลูกทุ่งเก่าๆ ไม่ต่ำกว่า 30 ปีแน่ๆ หากเป็นคอลูกทุ่ง คิดว่าคงพอติดหูบ้าง แต่คนร้องนี่ กิ่งโศก แทบจะไม่ค่อยรู้จักเลย ..คนร้อง ชื่อ นิตยา เปิดปัญญา ( หากเป็น นิตยา บุญสูงเนิน คงพอรู้จักบ้าง) ๐ แค่ท่อนแรกของเพลง ก็ แสนจะซาบซึ้งเหลือเกินแล้ว ..นับตั้งแต่นี้ จะขอรักพี่ ให้ชิดชม ขอรักพี่จนสิ้นลมหาย ใจน้องนี้ พี่จ๋า... ๐ คำรัก..ที่ดูทุ่มเท แบบถวายหมดแล้วหัวใจให้แก่ยอดเสน่หา ของนางแบบนี้..ดูเอ่ยถ้อยหวาน อ้อน ชวนถวิล ยิ่งนัก ๐ เรามาลอง ฟังและ ร้องคลอไปพร้อมๆ กัน.. เพลง รักพี่ที่ใจ คำร้อง นิยม มารยาท ขับร้อง นิตยา เปิดปัญญา นับตั้งแต่นี้ จะขอรักพี่ให้ชิดชม ขอรักพี่จนสิ้นลม หายใจน้องนี้พี่จ๋า อย่าให้ครวญคร่ำ ดังทะเลน้ำตา อย่าให้เหมือนคำเขาว่า รักมาขอผ่านไปที หัวใจห้องน้อย จะร้าวเป็นรอยหม่นเหลือทน แต่แล้วก็ต้องถูกมนต์ ของคนที่รักเช่นนี้ ดั่งภัยทุกข์สุขราว สักคราวสวยดี มิ่งขวัญดวงใจน้องนี่ รักพี่รักพี่ที่ใจ ให้เห็นประจักษ์ว่ารักพี่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่มี นี้ให้พี่แม้ตัวจะตาย ดั่งมีมนต์ขลัง ฝากฝังในดวงใจ ความรักที่พี่มอบให้ ว่ามีรักหนึ่งใจเดียว เห็นหน้าพี่ยิ้ม อิ่มล้นในใจโอ้รักเรา เอ่อรักไม่เคยสร่างเซา สองเราไม่จางแน่เทียว มั่นว่ารัก หากใจอยู่ในรักเดียว อย่าทิ้งให้น้องต้องเปลี่ยว เหลียวแลร้องร่ำหทัย ให้เห็นประจักษ์ว่ารักพี่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่มี นี้ให้พี่แม้ตัวจะตาย ดั่งมีมนต์ขลัง ฝากฝังในดวงใจ ความรักที่พี่มอบให้ ว่ามีรักหนึ่งใจเดียว เห็นหน้าพี่ยิ้ม อิ่มล้นในใจโอ้รักเรา เอ่อรักไม่เคยสร่างเซา สองเราไม่จางแน่เทียว มั่นว่ารัก หากใจอยู่ในรักเดียว อย่าทิ้งให้น้องต้องเปลี่ยว เหลียวแลร้องร่ำหทัย ๏ เรียมเรียงคำรักร้อย...........เรียงคำ ใจซ่านซึ้งตรึงจำ .............ซ่านซึ้ง เริงผันเอ่ยเผยรำ-..............พันเอ่ย เปรยนา ทุ่มหมดถ้วนไม่ทึ้ง........หมดถ้วนม้วนฐาน ๚ะ ๏ เรียมเรียงคำรักร้อยเรียงถ้อยคำ เสียงขานร่ำจำนรรจ์คำหวานไหว ซึ้งสนิทเสนาะกำซาบใน สำเนียงใสกำจายกำจรจินตน์ ๏ พี่จ๋าพี่จำเพรียกคำเรียกหา ประหนึ่งว่าเสียงสวรรค์หวามถวิล ทิพยสาคร,ราด,รด,จรด,ริน สดับกลิ่นดอกรักประโหมโคม ๏ ประพนธ์พจน์ประเทียบถ้อยยอสลัก เมลืองปลั่งต่างตระหนักกว่าพักตร์โสม ใหญ่ยิ่งห้วงมหรรณพจบพโยม อยากน้าวโน้มคำมั่นกว่าบรรพรต ๏ แจ่มประจักรักพี่พึงนี้หนอ ใช่คำพ้อขอมั่นหมายกำหนด- เอื้อนจากจิตคิดเกี่ยวใช่เลี้ยวลด มือประณตจรดน้อมค้อมสาบาน ๚ะ
จำอวด หน้าม่าน วันนี้วันเสาร์ ราวบ่ายสี่โมง ทีวีชิ่ง 9 ( อย่ามาเก็บค่าโคดสะนาเน้อ 55)..เป็นรายการที่ต้องคอยดู ทุกครั้งที่มีโอกาส รายการคุณพระช่วย...เฉพาะ จำอวดหน้า ม่าน กิ่งโศก ต้องปรบมือให้ เลย คือการ ร้องเพลงฉ่อย ของ ตลก ที่กิ่งโศก มองว่าเป็นศิลปินตลก ที่ควรชื่นชม การร้อง แม้นว่า จะซ้อมกันมาก่อน ก็ดี ด้นสด ก็ดี ผม ว่า ผู้ร้องทั้งสาม คนที่เป็นชาย นั้น ส่ง รับ กันได้แบบไหลลื่นจริงๆ มองถึงในเชิงอนุรักษ์แล้ว ถือว่าอนุรักษ์ เพลงไทย เพลงฉ่อย ภาพที่เห็นคือ ความสนุกสนาน ของคนดู คนร้องที่ถือว่า เป็นผู้ดำเนินเรื่องราว ได้ ด้วยความมีไหวพริบจริงๆ และต้องเชี่ยวชาญ แม้แต่คนที่ให้จังหวะดนตรี ( หัวร่องอหาย) แม้นเนื้อหา การร้อง จะเพื่อสนุกสนาน แล้ว ยังปลุกให้เพลงฉ่อย..ตื่นขึ้นมาอีกรอบ..ซึ่งเคยตื่นผิดๆ ไปหลายครัง ที่กระบวนการเพลงแรฟ นำเพลงฉ่อย ไปดัดแปลงร้อง จนคนลืม. ความเป็นเพลงฉ่อยไปเลย กิ่งโศก ก็ไม่ได้ฟังบ่อยนักเพลงฉ่อย ลำตัด หรือเพลงไทยเดิม.. รายการนี้ ถือว่า คงความสาระ ในรูป ความรื่นเริง น้าโย่ง เชิญยิ้ม ตลก แนวโบราณ ผู้มี ลูกเล่น ในการพูด การเล่นคำอยู่แล้ว..ถือว่าเป็นตัวชูโรง และลูกคู่ น้าพวง น้านง ที่สอดรับมุข กันในเชิงเพลงฉ่อยได้อย่างกลมกลืน ดูแล้วไม่ผิดหวังครับ..ดีกว่าไปดูจำอวดแบบอื่น อิอิอิ ๏ เอชาเอ้ชัดช้า .......หนอยแม่ เสียงถกโต้ความแปล...ปลาบปลื้ม รักรุกสนุกแด.....ดื่มด่ำ เสียงย่ำกรับรับรื้น...ร่วนกลั้วบันเทิง ๚ะ ๏ โอ้อวดเชิงอวดโอ้......เชิงชาญ ยลย่อมยินยกขาน... จริตไร้ หอมเห่อห่อนจางนาน....ฝากชื่อ เสริมส่งจรรโลงไว้.....รีตตั้งดั้งเดิม ๚ะ ๏ ฟังสิฟังนั่นเน้น.......จำนรรจ์ รื่นรื่นชื่นชื่นขัน......ปากค้าง ส่งส่งรับรับสันต์.....ร่ำสร่าง สุขสุขมากมายสร้าง.....ฝากไว้รังสรรค์ ๚ะ ๏ โอ้อวดเชิงอวดโอ้.....ภูมิตน ขานข่มเหนือใครคน....เหยียดข้อ วลีฝากเชิงกล......เกลาแอบ แฝงนอ ใดเล่าเขาคงล้อ.....สากซ้อนถือศีล ๚ะ + กิ่งโศก+
..วันนี้ ขอนำเสนอ บทเพลง ที่ฟังดูน่ารัก น่าชัง ในการอ้อน..ของสาวน้อยวัยกำดัด..ดู คล้าย ไม่มีจริต จะกร้าน อะไร .. ..เป็นบทเพลง ที่ โด่งดัง ยุคหนึ่ง..ของนักร้องสาวในยุคนั้น ที่ชื่อ เรณู เบญจวรรณ ชื่อดูจะไม่คุ้นหู สักเท่าใดนัก...แต่เพลงนี้เล่นเอา บรรดา สาวๆ ในยุคคุณแม่กิ่งโศก...ฮือฮา กันเลย.. เพราะน้อยนัก..ที่จะมีเพลงของนักร้องหญิง...มาอ้อน จีบหนุ่มๆ อิอิ ฟังเสียงคนร้อง...ที่อ้อน ออเซาะ แฝง เศร้าๆ ..คงไม่เฉพาะ คุณหมอหนุ่ม ๆ เป็นแน่ บรรดา ชายชาตรี คงอยาก..จะกอดนางนี้ ในอ้อมอก สักครากันแล้ว 555 ลองมารับฟังรับชมเพลงนี้กันก่อนนะครับ คุณหมอ คะ คำร้อง ทำนอง วิเชียร คำเจริญ ขับร้อง เรณู เบญจวรรณ หนูนอนไม่ค่อยจะหลับ กระส่ายกระสับ นอนไม่หลับ มาหลายคืน ตีสองตีสาม ลุกขึ้นงุ่มง่าม หัวใจเต็มตื่น เดี๋ยวลุกเดี๋ยวนั่งเดี๋ยวยืน สุดจะฝืนข่มตาหลับใหล คุณหมอ คะ หนูมาให้หมอช่วยตรวจ จะบีบจะนวด เชิญหมอตรวจให้ถึงใจ ตั้งแต่เจอหมอ เมื่อตอนหนูมารักษาพิษไข้ โรคนั้นมันหายขาดไป มีโรคอะไร ไม่รู้มาแทน ล้มตัวลงหลับ ก็กลับเห็นหน้าคุณหมอ ปวดหัวปวดฟันเป็นต่อ เหมือนโรครอจะคอยฆ่าแกง กินข้าวเพียงนิด โถยังพาลผิดสำแดง กินน้ำชาก็พาแสลง กินน้ำแกงก็แสนจะกร่อย คุณหมอ คะ หนูนอนไม่ค่อยจะหลับ โรคใหม่มันทับ เชิญหมอกลับมาหาหน่อย ยาฉีดยากิน และวิตามินหรือยาช่วยย่อย รักษาโรคคงไม่ถอย เพราะโรคมันคอยแต่คิดถึงหมอ คุณหมอ คะ หนูนอนไม่ค่อยจะหลับ โรคใหม่มันทับ เชิญหมอกลับมาหาหน่อย ยาฉีดยากิน และวิตามินหรือยาช่วยย่อย รักษาโรคคงไม่ถอย เพราะโรคมันคอยแต่คิดถึงหมอ .....ว่า กันด้วย บทเพลง อ้อน คุณหมอ ( ชาย) ..กิ่งโศก ได้ดูรายการทีวี ช่องหนึ่ง..เกี่ยว หมอ...แต่เป็นหมอชาวบ้าน..หมอที่ไม่ได้ไปจบวิชาการแพทย์ที่ต้องร่ำเรียนใช้เวลาบ่มเพราะสรรพวิชาการในการรักษาโรค มากกว่าสาขาอื่น ๆ ของระดับปริญญาตรี.. คือเป็นหมอ..โดยจิตวิญญาน..คือหมอตอนควาย.. ในละครที่จำลองชีวิตจริง..น่าจะแถวเมืองเพชร (หากผิดขออภัย) มีครอบครัวหนึ่ง หัวหน้าครอบครัว เป็นชายสูงวัยแล้ว ไม่น้อยกว่า หกสิบปี..รับหน้าที่เป็นหมอ ตอนวัว-ควาย..เพราะย่านถิ่นนั้น นิยม กีฬา การชนวัว ควาย..ดังนั้น วัว หรือควายตัวผู้ ที่จะเป็นนักกีฬา ต้อง กำยำ แข็งแรง..และเพื่อไม่ให้มีการสืบพันธ์ เพราะจะทำให้ ความแข็งแรง ของร่างกายลดลง..จึงทำการ ตอน .. วิธีการตอน..คือ การทุบ อัณฑะ ของตัวผู้ ให้แตกละเอียด...ในภาพ ได้ถ่ายภาพของจริงให้ชม.. เห็นแล้ว..บอกได้ว่า ..สลดหดหู่..วัว.ควาย ร้องไม่ออก เพราะจะถูก ตรึง ขา ทั้งสี่ นอนราบกับพื้น กดหัว มัดปาก..ทรมานน่าดู กิ่งโศกนึก..กรรมของสัตว์พวกนี้จริง ๆ ...บรรดา ลูกเมีย หลาย ไม่อยากให้แกทำหน้าที่หมอ..หลานตัวเล็ก ๆ เคย แอบ นำ สากที่ใช้ ทุบ ลูกอัณฑะ วัว ควายไปซ่อน..พอคุณตาไปเจอ ดุ ..เธอ บอกอยากให้คุณตาเลิก..จากการเป็นหมอ.. ....หมอตอนวัวตอนควาย ท่านนี้ แม้น ไม่ได้ร่ำเรียน มาอย่างโลกศิวิไล..กล่าวไว้ได้เป็นสัจจะธรรมว่า.. .....มันเป็นหน้าที่..หน้าที่ที่เราต้องทำ คำเหล่านี้ มันบ่งบอกนัย ได้หลายๆอย่าง ทุกคนย่อมมีหน้าที่..และควรทำหน้าที่ของตน..ส่วนจะดีที่สุดหรือไม่ อยู่ที่ตัวเราเท่านั้น ...สุดท้าย..ปลายชีวิต แก มีอาการ..ปวดช่องท้องน้อยอย่างแรง.. เข้าโรงพยาบาล.. หมอสมัยใหม่ ต้องผ่าตัด หมอตอนควาย.. การผ่าตัดต้องผ่าหลายรอบ...แต่ละรอบ..สร้างความเจ็บปวด แกจะร้องปานจะขาดใจตายทุกครั้ง.. ..ลูกหลาน แกเข้าใจว่า กรรมตามสนอง แก จากการที่ไปตอนควาย..แกเลยได้รับรู้รสชาติความเจ็บปวด...อย่างแสนสาหัสเช่นนี้.. กงเกวียนล้อกรรม ๏ ตนก่อต่อก่อนตั้ง ........ แต่กาล ย้อนสู่ยังสังขาร ......... ทบข้อ- กงล้อแทรกบนลาน.....ลิขิต ฟ้าสบสั่งล้างฉ้อ.....บาปสร้างล้างกรรม ๚ะ ๏ มัตตัยใช่อยู่ยั้ง......ยืนยง หน้าที่ผูกค้ำศักดิ์คง.....คาบเส้น- ระโยงรัดยิ่งกรง.....กักยุด จึ่งย่ำย่างมิเว้น......สู่เวิ้งวุ่นวาย ๚ะ ๏ บรรจถรณ์สุดท้าย..........คงคอย กวักเรียกเพรียกจะงอย....งับง้าง นราจึ่งทะยอย..........ก้าวสู่ อยากหลีกหลบเลี่ยงอ้าง......ชดใช้จองจำ ๚ะ ๏ ดำด่างผืนแผ่นผ้า..........ทั่วตน ชุษณะไร้ปน..........มิได้ ดีเจ็ดเท่าชั่วหน.....คละห่อ วัฏจักรชีพตราไซร้....อยากพ้นบ่ายทาง ๚ะ๛ + กิ่งโศก+ เครดิตภาพ..จากกูเกิ้ล....ลายเส้นสวย...คุณญามี่
.....วันนี้ จริง ๆ จะหาเพลง มาลัยดอกรัก ที่ฉางน้อย เขาชอบ..เป็นเพลง จังหวะสนุก ๆ ของ ชายเมืองสิงห์ หรือ แมน ซิตี้ ไลอ้อน ..อิอิ .. ไปเจอเพลง มอดกัดไม้..อ่านดู เป็นเพลง ที่ร้องต่อว่า . .นักร้องอีกคนหนึ่ง..( อีกเสียง เขาว่าเป็นการโปรโมต เพลง สมัยก่อน ทำทีทะเลาะกัน )..เลยเข้าไปที่ อาจารย์ พร ภิรมย์ ที่ปัจจุบัน บวช ในบวรพระพุทธศาสนา แบบไม่สึก ..เลิกร้องเพลง มาตั้งแต่ปี 2524 ..ไป เจอ เพลง ที่ร้องโต้ตอบ เพลง มอดกัดไม้ นัย ว่า ตอบโต้ครูมงคล อมาตยกุล ผู้แต่งเพลง ให้ชายเมือง สิงห์ .. ข้อมูลข้างบน ถือว่า เป็นที่ มาของเพลง เพลงนี้ ละกันนะครับ.. เพลง ไม้หลักปักเลน ผมว่า ถ้อยคำที่ อาจารย์ พร ภิรมย์ ที่ประพันธ์ เล่นคำ ได้ ดีมาก ประกอบกับท่าน เชี่ยวชาญ เพลงสุภาษิต นิทานต่างๆ ..ถือว่า ยอดเยี่ยมนักครับ.. บทเพลง ที่ติดหู พวกเรา จนถึงยุคนี้ ...บัวตูมบัวบาน...ดาวลูกไก่ ..และอีกมากมาย ผมว่า ควรแก่การรับฟัง..เพราะมีสอน เตือน สติ .. ลองมาฟังเพลงนี้กันดู นะครับ ไม้หลักปักเลน แต่งโดย พร ภิรมย์ ขับร้อง พร ภิรมย์ จะขอสาธกยกลิขิต ถึงชีวิตอันไร้แก่นสาร เกิดแก่กาย ย่อมวายปราณ มัจจุมารเขาไม่ปราณี เมื่อมีชีวิตอย่าริษยา จงอุตส่าห์สร้างความดี เอื้อเมตตาและปราณี พรหมวิหารสี่พึงสังวรณ์ พกหินไว้ให้ใจหนักหนัก ตรงตามหลักพระธรรมสอน คนทุกคนไม่พ้นกองฟอน มีที่นอนแค่เพียงฝังกาย อย่าละโมบโลภแต่ลาภ ไม่อายบาปชั่วเหลือหลาย ยามปลดปลงต้องลงอบาย อย่าก้าวก่ายแย่งกันกิน อย่ายุอย่าแยงตะแคงแสะ ส่อเสียดเซาะแซะเดาะแดะดีดดิ้น ไก่เห็นตีนงูต่างรู้มลทิล ว่าใครผิดศีลเสียไม่สร่างเซา เหาบนหัวของตัวไม่เห็น คนอื่นไม่เป็นกลับเห็นตัวเหา ช่างไม่ส่องกระโหลกชะโงกมองเงา ว่าตัวเป็นเหาควรเกาตัวเอง เป็นผู้ใหญ่ต้องใจหนักหนัก ต้องเหมือนไม้หลักที่ปักตรงเผง อย่ากระดกชิวหาให้เด็กด่ากันเอง คนเราเกรงกันด้วยความดี อย่าเป็นไม้หลักที่ปักชายเลน ใครเหนี่ยวก็เอนผิดธรรมวิถี คนดีไม่ได้ก็เพราะไม่ทำดี ขาดพรหมวิหารสี่หมดดีในตัว คนซื่อจริงจริงทำนิ่งไม่เห็น ปากหวานไม่เป็นกลับเห็นเป็นชั่ว อย่านึกว่าเหมือนกันแล้วไม่สำคัญเท่าตัว ตราดีตราชั่วจะติดตัวจนตาย ............................. หากไม่ได้มองว่า เป็นการโปรโมต บทเพลงสมัยก่อน มองอีกในภาพเบื้องหน้าที่เห็นคือ การมีความเห็นต่าง...ที่ไม่ได้แตกต่างไปปัจจุบันนักหรอกครับ..เพียงแต่ปัจจุบัน ออกมาแนวเชิงที่รุนแรงเท่านั้น..นอกจากเพลงนี้ ก็มีการตอบโต้ไปมาอีกหลายเพลง...หามิลืม จะลองค้นหามานำเสนอขอรับ.. บทเพลง ผมว่า จะช่วยกำซาบ กำซับอารมณ์ ที่ปะทุ พุ่งให้ผ่อน อ่อน ลงได้ ดี..เพียงแค่มองเห็นแก่น ของความ แท้ เท่านั้น ๏ สำแดงแกนแก่นให้.......เห็นแกน ดูแกร่งกล้าสง่าแสน......ชื่อสร้าง หน้าเบื้องเด่นทั่วแดน....ดารดาษ ปลายเปลือกหุ้มก้าง.......ผุก้านเปื่อยผง ๚ะ ๏ ปักปลงเด่นเที่ยงแท้......กลางธาร นับนิ่งมิไหวคาน.....คบตั้ง น้ำเชี่ยวเปลี่ยวพร่าปราณ....โถมปลิด เบนเบี่ยงเอียงเอนรั้ง.......เลือกข้างฝั่งฝา ๚ะ ๏ ภาวะมิเที่ยงเพี้ยง.......อรหันต์ ฤาจักต้านทานกัน.......กักได้ ผจงผ่อนผ่ายผัน.......ความเถิด สำนึกเชิดชูให้.......ชั่วรู้ดีเห็น ๚ะ ๏ เช่นสถานถิ่นแคว้น.......คามใด ย่อมวุ่นปนแฝงนัย........ครึกร้อน ลางมุมเปี่ยมสุขใส......ฉ่ำชื่น บางแห่งทุกข์แทรกซ้อน......เศษเชื้อกุมสอย ๚ะ ๏ สงบถ้อยน้อยเถิดร้อง........ความคำ ยิ่งเปิดใช่เผยอำ................ซ่อนเร้น คุณค่าลดหมองดำ...............มัวด่าง ธรรมบ่มรำบายเค้น............ค่อนค้อนความหลัง ๚ะ๛ รูปภาพ..เครดิต จาก กูเกิ้ล ครับ ลายเส้นสวยๆ เครดิต..คุณมี่ ครับ