11 มิถุนายน 2556 11:37 น.

๏ ..จรุงกลิ่น..มาลาสวรรค์..๏

กิ่งโศก

   ๏ ยอ-กลีบเหยียดก้านซับ .... หยาดชล
ยั้งรับอาบแสงยล   ....  ระยิบย้อม  
ขจรกลิ่นขจายจน  .... โชยกรุ่น ทั่วฮา
ละเมียดละไมล้อม .... ร่ำพื้นไพรสณฑ์
   ๏ ภู่คลึงผึ้งคลุกเคล้า .... เกสร
บินว่ายร่าย-วน-จร ....ตรลบฟุ้ง 
เสพมธุรสตอน .... แต่รุ่ง อรุณเนอ
ปีกกระพือพร่างรุ้ง .... ประดับหล้าโลมสนาน
   ๏ ผกาคู่ภู่ผึ้ง .... ปฏิพัทธ์
ดุจนุชสุดกำดัด....จริตจะก้าน
พราวเสน่ห์เล่มัด .... โลมสวาท หมายนอ
เริงล่อสัตว์ผู้ส้าน.... มุดซ้อนซุกชม
 
   ๏ ถ้วนกลีบเด่นดอกเกลี้ยง....   เกลาพิสุทธิ์ แท้เฮย
สะอาดหอมประดุจ ....  แต่งหล้า
ประทิ่นกลิ่นเริงรุจ.... จรุงโรจน์ แรงเนอ
จักดอกดินดอกฟ้า.... ประดับให้โลกสวย
   ๏ สุคันธชาติล้วน ....  แลหมาย
กำเนิดจวบวางวาย....เหี่ยวสิ้น
ย่อมยังอยู่ต้นปลาย....วงชีพ
ดับสลายตายดิ้น ....บ่ได้จีรัง
   ๏ ยังกลิ่นหอมย่อมแห้ง .... เหือดจาง ดอกนา
สิ่งแน่แส่นับวาง ..... สถิตย์ไว้
ก่อพฤติการกาง .....บันทึก กรรมนา
จึงบ่หายลบให้ ....  ช่วยชี้ผ่านผล ๚ะ๛
             
           + กิ่งโศก +
       ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๖
 ๐ ร่ำร่ำกลิ่นดอกไม้ระรื่นแล้ว กำหนดจมูกสูดดมจึ่งรับรู้แห่งกลิ่นหอม ...ข้าพฯเจ้า ชื่นชอบนัก ดอกการเวก
หลับตากลิ่นยังอวล คล้ายกำลังนอนหลับอยู่ใต้ดงไม้อันสงบ..อา สุขยิ่งยามยล กลิ่นการเวก....
6 มิถุนายน 2556 16:38 น.

๏.. โอ้เจ้าการเวก ปักษาสวรรค์..๏

กิ่งโศก

        ๏ สิ้นเสียงทิพย์สะท้อน      ไตรภพ
มนตร์กฤติยากลบ                  กรุ่นถ้วน
สามโลกแน่นิ่งซบ                 สถิตย์แน่น 
สะกดเกลื่อนเคลื่อนล้วน        สดับทิ้งอิริยา
      ๏ ปักษาชาติแห่งเชื้อ         สายสวรรค์
เจ้าขับเจ้าขานขัน                 พิเราะเพี้ยง
วาทกะเอกสุวรรณ                 ทิพยะ  สร้างเฮย
จึงกล่อมสรรพชาติเกลี้ยง       หยุดก้าวพร้อมกัน
     ๏ เทพปักษีว่ายฟ้า          จันทร์เริง เล่นแฮ
แลแค่เงาเถกิง                     ร่างรู้
เสพลมห่มเมฆเถิง                 เวหาส
เห็นแค่หางสู่ผู้                     ผ่านให้โดยบุญ
    ๏ ดุจตัวแทนเทวะท้าว      คีตศิลป์
เพียงลำดับจับยิน                ยุดยั้ง
ทารกผกชีวิน                       ยอหยุด คลอดนา
เพชฆาตรดาบค้างตั้ง           นิ่งเงื้อรอประหาร       
          
    ๏ กาลกล่าวเล่าย้อนเทพ     ปกีรณัม
อภินิหารสัม-                       ปยุตพร้อม-
ก่อยอชาติย้ำกำ-                  เนิดศักดิ์  ยศนา      
ภาระเทพย่อมล้อม               บรรญัติด้วยบทสวรรค์
    ๏ ศานติเถิดชาวโลกสิ้น      กำสรวล
ประดิษฐ์ทำนองชวน         รื่นซร้อง
ครื้นเครงบทเพลงอวล      เอิบอิ่ม  เร้าเนอ
ร่ำสุขสนุกร้อง                  เสกสร้อยมโหรี  ๚ะ๛
             
                   + กิ่งโศก+
             ๕ มิถุนายน ๒๕๕๖
๐ " นกฟ้ากำลังร้องเพลง เล่นแสงเดือน" 
"คนเห็นมันแต่เงา คนได้ยินมันแต่เสียง ไม่มีใครรู้แหล่งที่อยู่ ไม่มีใครได้สัมผัสแม้แต่โคนหาง 
แต่คงมีสักโอกาสหนึ่งที่วิหคฟ้าผละแดนสวรรค์ลงมาเกลือกเล่นธุลีดิน 
วันนั้นย่อมเป็นวันปีติโสมนัสของพสุธา"
 ข้าพฯเจ้า กำลังนึกบทสนทนา ระหว่างกระเหรี่ยงไพร (แงซาย) กับจอมพราน (ระพินทร์)...บนเทือกเขาสูงอันหนาวเหน็บ
..หากแม้นวิหกฟ้านั้นมีจริงชาวดินเยี่ยงเรา ฤาจักมีวาสนาได้เห็นไหมหนอ..
3 มิถุนายน 2556 16:42 น.

๏.. ลานมรณะ..๏

กิ่งโศก

     ๏ สำเนียงเสียงเสนาะก้อง      กังวาน  พฤกษ์เฮย
สำทับถี่นี้เนื่องนาน         "นกหว้า"
เพรียกเรียกคู่กู่ขาน         คอโก่ง 
ฤอัตคัดคู่ค้า                 ชิดเคล้าแนบเขนย
      ๏ จักเผยเปรยเล่าร้อย        เรียงหลัง
เช้าเกลี่ยลานเกลี้ยงรัง      สะอาดแล้ว
ใบไม้เศษหล่นบัง            ปากคาบ ทิ้งนา
ลานจึ่งพึงผ่องแผ้ว         พิศล้วนเรือนหวง
     ๏ ลานผูกปลูกสเน่ห์ล้อม          คู่เรียง
นางนกตกปลงเคียง        แนบเคล้า
ลานรักประจักเพียง         รังสวาท
สมสู่ชู้เอินเย้า               หยอกเพี้ยงสิเน่หา
    ๏ ลานสลดกำสรดด้วย      หวงลาน
อิริยารู้พราน               ทุกผู้
หลาวปักที่โปรดปราณ    แปรชีพ
คมไผ่บางเบารู้           ประพฤติเจ้าของเรือน                 
    ๏ เบื้องนั้นพลันนกผู้      เล็งเห็น
หลาวเกะกะกลางเป็น      ปักชี้      
โทสะจิกกระเซ็น           กระชาก
ปีกตะปบขบขยี้           บาดเข้าโทรมแผล
    ๏ แลหลาวปักแน่นด้วย      ทักษะชน
สิ้นท่าพามืดมน             หมดสิ้น
ศอม้วนมัดรัดวน            แรงตวัด ดึงนา
ฆาตปลิดชีวิตดิ้น            ดับด้วยลานตน ๚ะ๛
             + กิ่งโศก+
        ๓ มิถุนายน ๒๕๕๖
๐ เรื่องราวอันหวาดเสียวนี้ ข้าพเจ้า พบในหนังสือนวนิยาย เรื่องเพชรพระอุมา โดยกล่าวถึงพฤติกรรมของ"นกหว้า"
"คล้ายนกยูงแต่ขนมีน้ำตาลไม่เขียวเหมือนนกยูง รำแพนได้สวยกว่านกยูง ป่าไหนมีนกหว้าแปลว่าเป็นป่าลึก เวลาร้องจะร้องโหยหวล
 นกหว้าตัวผู้มักจะทำลานไว้สำหรับรำแพนเรียกตัวเมีย เรียกลานนกหว้า มันจะใช้ปีกกวาดจนลานสะอาดไม่ยอมให้แม้ใบไม้สักใบตกลงมา
 พรานป่าทุกคน เมื่อพบลานรำแพนของนกหว้า ถ้าเขาต้องการจะได้ตัวมัน เขามีวิธีจะเอาตัวมันได้โดยไม่จำเป็นจะทำบ่วงแร้วดัก หรือเสียลูกปืน 
โดยอาศัยสัญชาติญาณรักษาความสะอาดลานของมันนี่แหละเป็นเครื่องฆ่าตัวมันเอง 
ตอนนี้หวาดเสียวมาก..(คนยังจะกินนกอีกนิ)
"คือเขาจะเอาไม้ไผ่ยาวสักสองสามคืบมาหลาว วิธีหลาวก็หลาวเฉพาะครึ่งหนึ่งของไม้ไผ่นั้น ให้บางและคมราวกับใบมีดทั้งสองคมขนาดกว้างประมาณหนึ่งเซนติเมตร 
ส่วนอีกครึ่งไม่ต้องหลาว เอาด้านที่ไม่ได้หลาวย่องไปปักแน่นไว้กลางลาน ในเวลาที่มันออกไปหากินห่างจากลานโดยให้ใบอันหลาวไว้อย่างคมกริบนั้นโผล่พื้นดินขึ้นมาราวคืบกว่าๆ
 พอมันกลับมาถึงลาน เห็นไม้ไผ่ระเกะระกะลูกตาอยู่กลางลานอันแสนหวงแหนของมันเช่นนั้น มันก็หาวิธีเขี่ยออกมาให้พ้น แต่ไม้ไผ่อันนั้นปักแน่นเกินกว่าที่มันจะจิก
หรือคุ้ยให้ออกไปได้ ในที่สุดมันก็จะใช้ลำคอยาวของมันพันเข้ากับไม้ไผ่อันคมกริบนั้น เอาเท้ายันพื้นแล้วกระชากถอนขึ้นโดยแรงเพื่อจะให้หลุดตามประสาของมัน" 
......ฮือๆๆๆ โหดร้ายจังมนุษย์...
ปล.ทำไมเม้นไม่ได้ละครับนี่....ใส่พาสเวิด อีเมล ก้อแล้ว เม้นมิได้ขอรับ
Calendar
Calendar
Lovers  2 คน เลิฟกิ่งโศก
Lovings  กิ่งโศก เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกิ่งโศก
Lovings  กิ่งโศก เลิฟ 2 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกิ่งโศก