10 พฤษภาคม 2552 20:51 น.
กิ่งโศก
เปลือกนอกหุ้ม คลุมห่อ จึงบ่เห็น
เนื้อในเร้น เช่นไร ใยคาดถึง
อาจสกาว ขาวเด่น ดั่งบัวบึง
ฤา..สะพึง พิษร้าย อสุรา
บ้างถูกเปรย เผยปลิ้น สิ้นอร่าม
ลอกเปลือกงาม เหลือแก่น แกนไร้ค่า
อวดผยอง เยี่ยงหงส์ เหิรเมฆา
พอเป็นกา แก่นแท้ แลระทม
เปลือกขี้เหร่ ดูเล่ห์ร้าย ข้างในล้ำ
เนื้อในคำ ค่าวิไล ไร้รสขม
ประจักพิศ ผลกระทำ กว่าคำชม
ลิ้มภิรมย์ เหนือพจน์ รสอื่นใด
หากจะพิศ พินิจคน พินิจเถิด
นอกในเปิด หยั่งเห็น เส้นขุ่นใส
ทะลุแล ลอดเปลือก เลือกแลใน
ผ่องไสว ขุ่นข้น คนที่แล
ก่อนจะลิ้ม ชิมรส ผลาผล
ม-น-ดล สดับ รับรสแท้
ว่าหวานขม อมเปรี้ยว หรือปร่าแปร
ผ่านการแล พินิจจาร ขานให้จำ
เครดิตภาพ....จาก กูเกิ้ลครับ
4 พฤษภาคม 2552 13:26 น.
กิ่งโศก
จวบคืนค่อน จรคล้อย ค่อนคืนจวบ
หายใจรวบ ดาวลา รวบใจหาย
คลายบ่คง คิดท้อ คงบ่คลาย
รอเพียงหมาย ได้เคียง หมายเพียงรอ
อยู่เพื่อเป็น เพ็งเพ็ญ เป็นเพื่ออยู่
ขอเช่นคู่ ข้างเคียง คู่เช่นขอ
กอ-กกไหว ใจหวาด ไหวกก-กอ
ลมรำเพย ผ่านระย่อ รำเพยลม
โดดเดี่ยวแสน ค่ำคืน แสนเดี่ยวโดด
ถมถาโกรธ ยอกจิต โกรธถาถม
คมกรีดต้อง ห้องใจ ต้องกรีดคม
ใจระบม ขมขอด ระบมใจ
สวัสดิ์ราตรี พี่ลา ราตรีสวัสดิ์
ไขขืนขัด ปัดปลง ขัดขืนไข
ไปจากแล้ว ลับลา แล้วจากไป
ดาวลาร่ำ คนไกล ร่ำลาดาว
หลับเถอะนะ คนดี เถอะนะหลับ
หาวห้วงนับ ทีละดวง นับห้วงหาว
พราวพร่างลับ อับแสง ลับพร่างพราว
ลางรุจี เจ้าดาว รุจีลาง
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
กลบท "ฉัตรสามชั้น" มีลักษณะเป็นการนำคำในต้นวรรคมาสลับที่ในสุดวรรคของแต่ละวรรคนั้น ๆ คือ จะใช้คำสามคำของต้นวรรค มาสลับคำในท้ายวรรค
เครดิตภาพ....จาก กูเกิ้ลครับ
22 เมษายน 2552 13:46 น.
กิ่งโศก
>
ดุจร่มฉัตร ชั้นช่อ บนหอทิพย์
ใบกระพริบ แผ่ห่ม ร่มไสว
ผลิ-ดอกขาว หอมล้อ ภมรไพร
ขจรไอ ขจีกลิ่น รัถยา
ผลสุกเปล่ง เร่งเร้า เหล่าส่ำสัตว์
บินฉวัด พัดโฉบ เช่นปักษา
บ้างปีนป่าย ไต่กิ่ง สัตว์นานา
จวบทิวา ซาเสียง สำเนียงลง
ตะขบงาม นามไม้ ดูไร้ค่า
เพียงเหล่ากา อาศัย ไร้หมู่หงส์
บนคาคบ คราคล่ำ ต่ำศักดิ์พงศ์
สิเน่ห์คง เคียงแค่ ..สกุลกา
ตะขบเอย...เคยขบ ใจใครบ้าง
เคยบ้างไหม ที่มล้าง ริษยา
เคยบ้างไหม ไร้ซึ่ง กรุณา
เคยบ้างไหม ผลาญฆ่า (เช่น)...ฆาตรกร
ตะขบงาม นามนี้ สิคล้ายฉัน
ถูกบีบคั้น ด่าวดิ้น สิ้นไม้ขอน
มลายแหลก แตกซ่าน เชิงตะกอน
สุดจะถอน ย้อนฟื้น คืนเช่นเดิม
ก่อนกลับบ้าน..มีใครคนหนึ่งพูดถึงต้นตะขบ..ว่ามีคนอยากปลูก...และบังเอิญ
ว่า มีนกได้มาถ่ายมูล ลงที่กระถาง จึงมีต้นไม้..ชื่อตะขบ...
ตะขบ มี สองชนิด เป็นตะขบบ้าน ที่เราเห็นกันทั่วไป ตามริมทาง สวน ท้อง นา
อีกชนิดเป็นตะขบป่า..
...กิ่งโศก กลับบ้านต่างจังหวัดช่วงสงกรานต์ พบเห็นตะขบบ้าน มากมาย ตามริมถนน ลูกแดง...ทำให้นึกถึงรสชาติที่เคยเก็บกินตอนเยาว์วัย รสหวาน หอม..
เครดิตภาพ..Gogle จ้า
22 เมษายน 2552 13:44 น.
กิ่งโศก
ดุจร่มฉัตร ชั้นช่อ บนหอทิพย์
ใบกระพริบ แผ่ห่ม ร่มไสว
ผลิ-ดอกขาว หอมล้อ ภมรไพร
ขจรไอ ขจีกลิ่น รัถยา
ผลสุกเปล่ง เร่งเร้า เหล่าส่ำสัตว์
บินฉวัด พัดโฉบ เช่นปักษา
บ้างปีนป่าย ไต่กิ่ง สัตว์นานา
จวบทิวา ซาเสียง สำเนียงลง
ตะขบงาม นามไม้ ดูไร้ค่า
เพียงเหล่ากา อาศัย ไร้หมู่หงส์
บนคาคบ คราคล่ำ ต่ำศักดิ์พงศ์
สิเน่ห์คง เคียงแค่ ..สกุลกา
ตะขบเอย...เคยขบ ใจใครบ้าง
เคยบ้างไหม ที่มล้าง ริษยา
เคยบ้างไหม ไร้ซึ่ง กรุณา
เคยบ้างไหม ผลาญฆ่า (เช่น)...ฆาตรกร
ตะขบงาม นามนี้ สิคล้ายฉัน
ถูกบีบคั้น ด่าวดิ้น สิ้นไม้ขอน
มลายแหลก แตกซ่าน เชิงตะกอน
สุดจะถอน ย้อนฟื้น คืนเช่นเดิม
ก่อนกลับบ้าน..มีใครคนหนึ่งพูดถึงต้นตะขบ..ว่ามีคนอยากปลูก...และบังเอิญ
ว่า มีนกได้มาถ่ายมูล ลงที่กระถาง จึงมีต้นไม้..ชื่อตะขบ...
ตะขบ มี สองชนิด เป็นตะขบบ้าน ที่เราเห็นกันทั่วไป ตามริมทาง สวน ท้อง นา
อีกชนิดเป็นตะขบป่า..
...กิ่งโศก กลับบ้านต่างจังหวัดช่วงสงกรานต์ พบเห็นตะขบบ้าน มากมาย ตามริมถนน ลูกแดง...ทำให้นึกถึงรสชาติที่เคยเก็บกินตอนเยาว์วัย รสหวาน หอม..
เครดิตภาพ..Gogle จ้า
1 เมษายน 2552 22:16 น.
กิ่งโศก
>ฤทธิ์แรงรัก จักก่อ เกิดทุกที่
ปฐพี นาคปุระ ฤๅสวรรค์
เหล่าเทวะ อสูร ส่ำคนธรร
นรนั้น ยื้อหมาย ไขว่คว้าครอง
ณ.แดนดิน เทวาลัย อันไกลแสน
พิมานแมน องค์สุเทษณ์ เวทย์ผยอง
ปฏิพัทธ์ มัทนา ปิ่นฟ้ากรอง
ผุกจิตรพ้อง เทพี ผู้วิไล
มัทนา หามีใจ ใคร่สมัคร
พิโรธนัก จึ่งสาบ กุหลาบไม้
สถิตย์เพียง ป่าเขา ลำเนาไพร
เพ็งเพ็ญได้ กลายร่าง เป็นผู้คน
มนต์จะคลาย ได้เมื่อ เจ้ามีรัก
แต่โศกนัก รักจะพ่าย ละลายพ้น
จะไม่สม ภิรมร์ ใด ในกมล
จะร้อนรน ทนท้อ ทรมาน
พิษแห่งรัก ริดรอน กร่อนด้วยพิษ
หาญห้าวฤทธิ์ มะหิตแรง กำแหงหาญ
ราญแหลกยับ ขับข่ม จมรอนราญ
รมกำยาน ระย่อกลิ่น กามารมณ์
มัทนา มั่นรัก กลายไม้ต้น (กุหลาบ)
ยอดรักตน ป่นเถ้า ระร้าวขม
จอมเทวา ท่าสิ้น ดิ้นระทม
ทุกผู้ตรม แตกดับ ลับลาไป
มัทนะ..พาธา...ค่าผลลัพภ์
แม้อาภัพ พังพิณ สิ้นรักไซร์
ก็ขอตรา พารารู้ สามโลกไกล
กุหลาบไพร ได้ขาน ตำนานเนา.....
.....................................................................
มัทนา มาจากศัพท์ มทน แปลว่า ความลุ่มหลงหรือความรัก
มัทนะพาธา มีความหมาย ความเจ็บปวดและความเดือดร้อนเพราะความรัก
ตำนาน กุหลาบ ต้นนี้....กุหลาบที่เป็นพิษ ระหว่าง เทวบุตรสุเทษณ์ และ เทพธิดา มัทนา กับ ชัยเสนกษัตริย์หนุ่ม
.หาอ่านกันได้ครับ......
มัทนะพาธาเป็นพระราชนิพนธ์เรื่องเอกของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ได้รับการยกย่องจากวรรณคดีสโมสรให้เป็นหนังสือที่แต่งดี ประเภทฉันท์ เป็นบทละครพูดซึ่งแปลกและแต่งได้ยาก มีตัวละครและฉากสอดคล้องกับวัฒนธรรมภารตะโบราณและเข้ากับเนื้อเรื่องได้ดี
เครดิตภาพ..bobenz