16 สิงหาคม 2552 20:44 น.
กิ่งโศก
๏ อกอวลป่วนยิ่งแล้ว................แม่เอย
เหินห่างพี่คลั่งรำเพย.............พิษเพ้อ
นิราศนุชชิดเคียงเชย...........ใจจอด อยู่นา
ย่ำค่ำชะแง้เง้อ....................จิตแง้มวนหวนฯ
๏ ใจน้าวเหนี่ยวเกี่ยวก้อย.......ริมรัถยา
เนตรสบซึ้งตรึงตรา..............ยั่วเย้า
มือมั่นพี่กุมพา- ....................จรท่อง ทั่วเฮย
ซ่านชื่นรื่นเริงเคล้า.............หยอกล้อคำหวานฯ
๏ คำนึงถึงครั้งกราบไหว้....เจดีย์ องค์ปฐมเฮย
รวมจิตผ่องเฉกมณี.............จรัสรุ้ง
ม่านควันธูปวงรี ................ ผ่านร่าง
พันผูกมัดใจฟุ้ง ..................หนึ่งเนื้อเดียวหนอฯ
๏ รำลึกถึงรอยกราบครั้ง..........อยุธยาเยือน
ปฐมแรกแทรกบ่เลือน...........ติดแต้ม
เก้าวัดรอบเวียนเสมือน..........สมดั่ง จินต์นา
ผกายโชติลุกโชนแฉล้ม....แอร่มสล้างผลุดไสวฯ
๏ อกครวญจวนคลั่งค้าง.......... คราไกล แล้วนา
ฟืนมอดหมดเปลวไฟ............ส่องสิ้น
แต่เพลิงพิษผลาญใจ.............คุ-กรุ่น ควันเฮย
เพียงฤทธิ์รักเสี้ยวกระผีกริ้น..แทบม้วยหมดลม ๚ะ๛ ..
10 สิงหาคม 2552 22:10 น.
กิ่งโศก
บท อาเศียรวาท...มาตุเรศ แห่งสยาม (วันแม่ 12 สิงหาคม 2552)
๏ สิงหาทวาทศมสุรทิน
คู่บดินทร์ ปิ่นฟ้านคราสยาม
อ้าเอกองค์ทรงศักดิ์สิริงาม
เทิดพระนามทวยราษฎร์สดุดี
๏ น้อมเหนือเกล้าแด่องค์พระสิริกิติ์
ทรงทศทิศสถิตพราวมนัสรัศมี
พระหฤทัยเมตตาล้นฟ้าปราณี
ทั่วปฐพีเย็นศิระพระทรงเยือน
๏ ย่างพระบาทเหนือใต้ในออกตก
เหล่าพสกเปี่ยมสานงานเสมือน
หัตถาชีพศิลป์ไทยทรงได้เยือน
ธ ทรงเตือนต้องขยันหมั่นทำกิน
๏ พระจริยาวัตรปัดเป่าผองภัยทุกข์
บำรุงสุขสราญปานกระแสสินธุ์
เปรียบพิรุณจากสรวงโปรยล่วงดิน
มนัสปีติจินต์แด่เหล่าชาวประชา
๏ เนื่องวารอภิลักขิตศุภสมัย
ทศนัขหทัยประณตใส่ในเกศา
จตุรพรพิศุทธิ์ดุจทิพย์อาภา
ทรงชันษาเจริญยิ่งพระมิ่งเมือง ๚ะ๛
..........................................................
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า นายกิ่งโศก บ้านกลอนไทย
..........................................................
* ขอบคุณครูแก้วประเสริฐมากครับ
7 สิงหาคม 2552 15:45 น.
กิ่งโศก
๏ ระบมระทมแทบสิ้น.......วายชนม์
ขึงขื่อเชือกชักจน................สั่นเหย้า
โหยไห้หั่นดวงกมล..............แทบขาด ใจเอย
เจ็บอื่นใดเกินเกล้า.............เบ่งนี้เทียบหนอฯ
๏ พลันเสียงแว่วอุแว้.....ลั่นเรือน
ปลดปลิดพิษยอกเยือน........เกาะรั้ง
ปีติอิ่มแทนเสมือน.............มนต์ม่าน โลมนา
ชลเนตรไหลรินยั้ง.............แม่ยิ้มกอดตะกองฯ
๏ คืนวันผ่านล่วงรู้............ตามกาล
ป้อนปลูกถนอมปาน.............หล่อต้น
คราล้มลุกคลุกคลาน............พยุงถ่อ รั้งเฮย
ยามสุขจนล้นพ้น ................แม่เคล้าข้างเคียงฯ
๏ ลืมอกอุ่นโอบอุ้ม ...........ป้องอัง ภัยเอย
รอยลูบผะแผ่วหลัง ..............อกสะอื้น
ลบรอยคราบเกรอะกรัง.........แม่ซับ แห้งนอ
เพียรจดจ้องเต็มตื้น.............ผลักค้ำชูถือฯ
๏ ผู้บุตรเอยอย่าร้าง..........ลืมพระคุณ
หวนกลับอ้อมอกละมุน.........แม่บ้าง
เหลือบแลทุกข์สุขหนุน.........ครั้งเมื่อ ได้ดี
คือพระในใจสล้าง ..............แรกต้นสถิตย์มโน๚ะ๛
* ขอบคุณครูแก้วประเสริฐมากครับ และคุณเฌอฯด้วย ลืมตรวจก่อนส่งอะ
ใกล้ถึงวันแม่ เลยอยากเขียนบทโคลง(กำลังฝึก) สักบทนะครับ ที่จริง เขียนบทอาเศียรวาท เป็นกลอน ไว้ ..แต่จะลงวันที่ 12 สิงหานะครับ วันนี้ลงเทิดพระคุณแม่ก่อน..
เครดิตภาพ บน มาจาก Google
ภาพล่าง แม่ถือไม้เรียว...มาจากบล็อคคุณอัยย์ นักล่าน้ำตกครับ อิอิ แอบจิ๊กมา
29 กรกฎาคม 2552 20:35 น.
กิ่งโศก
ลานสางเสกซ่อนเชื้อ เลียโลม จินต์นา
ลานรัดรึงเร้าตะโบม แมกไม้
ลานแสงเรื่อเรืองโคม คลุมทาบ ห้วงแฮ
ลานดิ่งดื่มด่ำใต้ อดีตซึ้งตรึงหวน
@ลานสางเสกซ่อนเชื้อเลียโลม
ประหนึ่งโสมนำสู่อดีตหวาน
ผลุนหวนชวนซ่านอันตระการ
ณ.พิมานแมนสรวงห้วงหอไพร
@เริงวารีว่ายเล่นเช่นมัจฉา
ชะม้ายตาคราสบแล้วหลบไหว
พี่เด็ดเอื้องกลีบโรยโปรยวิไล
ละล่องไปเจ้าคว้าประดับแซม
@ร่ำสำเนียงเสียงโหมเห่กล่อมป่า
มวลปักษาขานร้องทำนองแฉล้ม
ระบำปีกฟ้อนฟ้าผีเสื้อแซม
ตะโพนแต้มกลองน้ำทำนองคลอ
@ขนิษฐาออดอ้อนในอกพี่
มนต์วลีเอ่ยย้ำไม่หยุดศอ
มธุรสพจน์ร้อยถ้อยพนอ
ค่อนคำพ้อพี่พ่ายเพ้อบนลาน
@หวนครานี้พี่เยือนยังลานสาง
สุดอ้างว้างนางหายไร้คำหวาน
เหลือเอื้องช่อกลีบช้ำคล้ำคาคาน
ลำสายธารรองรับดับกลีบลง
@ขอลาแล้วลานสางลานแสลง
ดุจถูกแทงหนามทิ่มลิ่มประสงค์
ลาสายน้ำทอดยาวจากพฤกษ์พง
ลานวลอนงค์หายลับไปกับลาน.
**แก้ไข.เมื่อ 30 ก.ค.2552 ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ชี้แนะและแวะมาอ่านครับ
"กิ่งโศก คนยาก.
..
น้ำตกลานสาง ..ตั้งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติลานสาง จังหวัดตาก อยู่ตอนบนของห้วยลานสาง ถัดขึ้นไปจากน้ำตกลานเลี้ยงม้าประมาณ 2 กิโลเมตร อยู่ไม่ไกลจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เพียง 150 เมตร เดินเลียบไปตามไหล่เขาแต่ต้องเดินด้วยความระมัดระวังเพราะทางเดินเท้าค่อนข้างแคบ สองข้างทางเดินในช่วงฤดูฝนจะพบกับพืชพื้นล่างเล็กๆ จำพวกเปราะ กระเจียวขาว และกล้าไม้ของต้นเสลาดำขึ้นอยู่ สักพักก็จะถึงน้ำตกลานสางโดยต้องเดินลงไปเบื้องล่าง น้ำตกลานสางมีความสูงประมาณ 40 เมตร สายน้ำจะไหลพุ่งออกจากซอกเขา แล้วหักเหลี่ยมลดหลั่นลงมา 3 ชั้น รวมตัวลงสู่แอ่งน้ำตกลานเลี้ยงม้า
เครดิตภาพ..จากบล็อคนักล่าน้ำตก
13 กรกฎาคม 2552 16:52 น.
กิ่งโศก
เด็ดมาลา มาร้อย สร้อยจับจีบ
กรุก้านกลีบ บีบเรียว เป็นเสี้ยวแหลม
สองมือสั่น หวั่นไหว ใต้จันทร์แรม
เด็ดดอกแซม แกมสอด รอดรัดรวง
โอ้มาลัย ไม้ฟ้า ปักษา.....สวรรค์
บรรจงกลั่น มงกุฎ ค่าสุดหวง
มงกุฏไพร ไร้ค่า ราคากลวง
หากล้ำค่า เกินห้วง ....คุณาใด
แลรอบกาย หมายสวม สร้อยบนเศียร
หมุนวนเวียน เจียนคลั่ง คล้ายบ้าใบ้
มงกุฏนี้ มีค่า กว่าเพชรใด
สร้างด้วยใจ....ใส่สาน บนลานดิน
ภาพสำแดง แสงเงา เสาศิลา
วงพักตรา เจ้าซ้อน บนก้อนหิน
แย้มสยาย พรายพร่าง กระจ่างจินต์
พอถวิล กลับหาย มลายคืน
มือที่ไหว ไร้แรง พยุงร่าง
จึ่งค่อยวาง มงกุฏ ด้วยสุดฝืน
สวมศิลา แทนเจ้า เฝ้ากล้ำกลืน
อกสะอื้น เอนทรุด ....มงกุฎไพร....
เครดิตภาพ : Google.
...................................................................
เรื่องราวบรุษหนึ่ง จำหนีนางมาอยู่กลางไพร....ความรักโหยหา
จึงนำดอก ปักษาสววรค์ มาทำเป็นมงกุฏ....เขาเรียกว่า มงกุฏไพร..
มงกุฎนี้..ทำขึ้นเพื่อเธอ ยอดรักของเขา...แต่ตอนนี้..ยอดรักของเขาไม่ได้อยู่ที่นี่..
...มาจากนวนิยายเรื่องหนึ่ง....
ดอกปักษาสวรรค์