19 พฤศจิกายน 2552 21:06 น.

~.. ลำแม่สาย..โอบร้อยดอยนางนอน ..~ (ฉบับกลอนห่อโคลง)

กิ่งโศก

chiangrai20.jpg

๏ ทอดองค์เอนดับแล้ว................ดวงฤดี    
ชโลมหลั่งเลือดสายนที...............ป่วนไห้
เฉกสายแม่สักขี......................ขานเล่า สืบนา
หวังฝากร่างพรหมไท้.................สถิตแคว้นขุนเขา บารนี ๚ะ๛
 

๏ ทอดองค์เอนดับแล้วดวงฤดี
เบื้องศิลามณีแทนไอศูรย์
โลหิตหลั่งชโลมข่มอาดูร
รักเกื้อกูลกลับสบั้นผลาญชีพชนม์ ๚
 
๏ โอ้ยอดรักพรากข้าสู่ฟ้าแล้ว
เหลือดวงแก้วใกล้ดับกลับเวหน
จำจุติละร่างฤทธิรณ
นฤมลกอดข้าให้แน่นนาน ๚ 
 
๏ เส้นสายเลือดเหือดหายสลายน้ำ
ทอดโค้งค้ำขุนเขาให้เล่าขาน
เนินนางนอนนิ่งนับนิรันดร์กาล
รินสายธารผ่านถ้อยร้อยเรียงแทน ๚
 
๏ แม่สายซึ้งพึงพรอดแม่ยอดหญิง
นางสูญสิ่งบัดพลีพญาแถน
ฟ้าคำรณฝนร่ำฉ่ำทั่วแดน
อาลัยแสนโศกศัลย์กัลยา ๚
 
๏ เวิ้งฟ้ากว้างเมฆก่ำอำไพสี
อัสดงส่งสุรีย์สู่นิศา
สกุณีโผผินสิ้นทิวา
เสียงคีตมาดีดย้อมกล่อมนางนอน ๚
 
๏ หลับเถิดแม่ผู้ป้องครรลองรัก
เจิดประจักษ์ฝากรู้อนุสรณ์
ลำแม่สายบ่ายข้างดอยนางนอน
หวนอาวรณ์โหยหาร่ำอาลัย ๚
 
๏ ครั้นยามยลชนใดพึงตระหนัก
คงมั่นนักรักอนันต์เหนือสิ่งไหน
ใช่สวาทรสหวามดื่มดำใด
คือรักแน่นห้วงใจพิสุทธิ์จริง ๚ะ๛
         + กิ่งโศก+
๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๒

ภาพ..จากกูเกิ้ล
ตำนาน...ดอยนางนอน
nangnon1.jpg

เรื่องตำนานดอยนางนอนนี้ เล่ากันว่านานมาแล้ว ณ เมืองเชียงรุ้ง
 สิบสองปันนา มีเจ้าหญิงองค์หนึ่งมีพระรูปงดงามเป็นที่ยิ่ง 
ได้แอบรักกับชายเลี้ยงม้าในวัง จึงหนีตามกันมาถึงที่ราบใกล้แม่น้ำโขง 
เมื่อเดินทางไปถึงที่นั่น เจ้าหญิงก็ทรงครรภ์ได้หลายเดือนแล้ว 
จึงเสด็จต่อไปไม่ไหว บอกพระสวามีว่าจะประทับรออยู่ที่นั่น
 สวามีก็บอกว่าจะไปหาอาหารมาให้ อย่าไปไหนนะ 
ชายหนุ่มก็ไปแล้วไปลับไม่กลับมาเสียที มาได้ข่าวอีกที
 ปรากฏว่าถูกฆ่าโดยทหารของพระราชบิดาเจ้าหญิงที่
สะกดรอยตามมานั่นเอง ด้วยความเสียใจนางจึงใช้ปิ่นปักผม 
แทงพระเศียรของพระองค์จนเลือดไหลออกมาเป็นสาย
 กลายเป็นแม่น้ำแม่สายในทุกวันนี้และพระวรกายของ
พระองค์ที่นอนเหยียดยาวจากทิศใต้จรดทิศเหนือ 
ก็กลายเป็นดอยนางนอนจนทุกวันนี้ โดยส่วนของพระอุทร(ท้อง)ก็เป็นดอยตุง				
14 พฤศจิกายน 2552 11:55 น.

~.. เนื้อนอกสดใส..เนื้อในกำสรวล..~

กิ่งโศก

51nKoU694760-02.jpg
๏ ประโลมพรมลูบโอ้....... อุรา ดวงพ่อ
อิงแอบแนบพฤกษา....... ซ่อนช้ำ
ผิว์นอกรื่นดื่นดา-....... ระดาษ เนตรนอ
บัดแต่เนื้อในคล้ำ....... ยากแค้นรักครอง๚ะ๛ 


๏ โอ้ประโลมพรมลูบดวงอุระ
ลบขรุขระครอบคลุมหลุดสลาย
ชลทิพย์ชุ่มเย็นมิเว้นวาย
ล้างรูปกายคลายร้อนผ่อนแรงลง ๚

๏ สุมามาลย์ขานขับมธุรส
ขจรจรดจวบหล้าฟ้าประสงค์
แทรกนาสาทรวงฉ่ำด่ำดื่นดง
รัญจวนจิตหวามองค์เอนอิงไพร ๚

๏ อุษาแสงแทงย้อนหยาดน้ำค้าง
แจ่มกระจ่างแจ้งจับระยับไหว
ดุจเพชรรุ่งเฝ้ารอเจียระไน
สาดอำไพรัศมีสีเรืองรอง ๚

๏ มฤคีคลอเคล้าพะนอคู่
ปักษีพรูคูพรอดสอดเคียงสอง
ภูมรินบินเคล้าผกากรอง
รวงโค้งทองทอทาบรับสุรีย์ ๚

๏ พิงพฤกษ์พร่ำเพ้อหวนครวญสวาท
วิปลาสแลคล้ายเดียรถีย์
อกเทวษอ้างว้างเปลี่ยวฤดี
แสงมณีไสวดับกลับมืดมน ๚

๏ อรุณสางพร่างไสวปลุกไพรพฤกษ์
สรรพคึกเคลื่อนคลาโกลาหล
อรุณรางกลางใจแผ่วอำพน
ประวาลรักหักป่นภัสมธุลี ๚ะ๛

+ กิ่งโศก+
๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๒

************************************************************************************

อยากขับคีตกล่อมใจข้ายามเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย บัดเบื้องนอกนั้นมีแต่ความหฤหรรษ์..พอว่างงานใจยิ่งอ้างว้าง
ขอขอบคุณภาพ จากภาพจาก: som24.spaces.live.com/
				
28 ตุลาคม 2552 12:24 น.

~..หนาวนี้ พี่ตายแน่.~

กิ่งโศก

3154-5.jpg
๏ ลมเหนือล่วงไล่เน้น......... โลมหนาว 
เสียงร่ำสอดรัวราว................สั่นร้าง
เย็นซ้อนเยือกแทรกยาว-......ยืดซ่อน  
พี่โอดเพียงเอกอ้าง..............พจน์เอื้อนพากษ์โอย ๚

๏ ลมเหนือล่วงไล่เน้นเนื้อหนาวโลม
ลมไล้ลูบตะโบมบดแสยง
ลมเย็นเยียบเทียบทาบปลายดาบแทง
ลมพัดแฝงฝากป่วนใจรวนรอน 

๏ หนาวคราวนี้พี่นั้นคงตายแน่
หนาวคางสั่นโศกแท้แม่สมร
หนาวจวนเหน็บเจ็บเนื้อแทบหน่ายนอน
หนาวสะท้อนซ่อนห้วงทรวงระทม

๏ ล่วงลุผ่านพาดใจเพียงสัมผัส
ล่วงรวบรัดบีบเร้นเร้ารสขม
ล่วงล่องแล้วแผ่วพรั่นหวั่นจิตตรม
ล่วงระบมบดบั่นหั่นหาญใจ

๏ พี่กำสรวลครวญคร่ำรำพันพ้อ
พี่ทดท้อแทบสิ้นชีพตักษัย
พี่โดดเดียวเปลี่ยวเหงาเถ้าสิ้นไฟ
พี่แร้นแค้นขาดใครเป็นคู่เคียง

๏ ตายตกดับลับลงเพราะไร้นุช
ตายไม่ผุดหยุดดิ้นสิ้นส่ำเสียง
ตายครานี้พี่ไร้คนร่วมเรียง
ตายคงเพียงซากไม้ไร้คนแล ๚

๏ เหมันต์โหมม่านห้วง..........ห่มมนต์
สายหมอกสอดแมกสน..........ซ่อนไม้
ครวญเร้าค่อนระคน...............คืนร่ำ  
ข่มเยือกขืนหยุดไขว้..............ขับย้อนโขยง ๚ะ๛


 + กิ่งโศก+
๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๒
ภาพมาจาก กูเกิ้ลจ้า...พอจะเพลามือจากงานแล้วครับพี่น้อง
				
15 ตุลาคม 2552 13:02 น.

~..หนุ่มบางนา ระทม..~

กิ่งโศก

39627.jpg
๏ อุทกท่วมทั่วทั้ง........  ฟ้าประดังด้วยเม็ดฝน
กระหน่ำซ้ำผองชน ........บางนาป่นเป็นสายธาร๚ะ๛


๏ อุทกท่วมทั่วทั้ง ........  ธานี  ฤาเฮย
ใยใช่จมนที  ........ทบเสี้ยว
บางนาระบมมี   ........มากหนึ่ง  เกินนา
นรทุกข์เข็ดเขี้ยว   ........ข่มร้าวแสนเข็ญ๚

๏ ฤา เทวโกรธขึ้ง   ........ขุ่นใด  ท่านนา
จึงเสกชลาลัย  ........   รดล้น
มารุตพัดกระพือไกล ........ โหมกราด  ราบเฮย
เหล่าพิรุณเม็ดต้น  ........แตะต้องหั่นตัว๚

๏ ฤา ชนชาวเหล่าฟ้า.........คร่ำครวญ
รวมร่ำโศกกำสรวล   ........สั่งฟ้า
ชลเนตรนองจวน  -........เจียนกลบ  มิดนอ
เป็นบัดพลีผืนหล้า  ........ ลบหนี้โทษทัณฑ์ ๚

๏ วิถียานหยุดยั้ง   ........นิ่งจร  ต่อเฮย
ทูรบทแรมรอน ........ เบิ่งร้าง
บางนาถิ่นเนานอน ........น้ำเจิ่ง   จมเฮย
คอยหัตถ์แม่คัดง้าง ........ ฉุดขึ้นจมโคลน ๚

๏ บางนาว่ายิ่งโอ้ ........ ระบม  อ่วมเอย
สิ้นแม่แลระทม  ........ ทดท้อ
สะอื้นอกอาบขม........   ขื่นยิ่ง
ว้าเหว่หว่านคำพ้อ  ........พี่น้องเห็นใจ ๚ะ๛


+ กิ่งโศก+
๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๒

ภาพมาจาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ   รามฯสองน้ำท่วม
เนื้อหา มาจาก รถข้าพเจ้าลุยน้ำ จนดับไปเลยอะ ลอยเท้งเต้ง เหมือนเรือ ตอนนี้อยู่โรงซ่อม..				
Calendar
Calendar
Lovers  2 คน เลิฟกิ่งโศก
Lovings  กิ่งโศก เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกิ่งโศก
Lovings  กิ่งโศก เลิฟ 2 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกิ่งโศก