๏ พลบค่ำย่ำโพล้เพล้เสียงเห่หายอ่อนแสงแรงระรายเลือนวายดับ-ลาพร้อมย้อมจันทรจรประทับ-ประดาฟ้าระยับรับจันทร์แรม ๚ะ๛๏ พลบย่ำโพล้เพล้บ่าย .... บรรพรต ลับแลสิ้นสุริย์ฉายยศ .... ย่อแล้วงันแลเงียบเรียบลด .... ลาวุ่น วายอาสัตว์โลกต่างมิแคล้ว .... ล่วงเข้านิทรา๏ จันทร์เสี้ยวเลี้ยวผ่านซุ้ม .... เมฆแฝงปิ่นศิวะสำแดง .... เดชไซร้รัศมีหรี่ยิ่งแรง .... ทีฆรัตคล้ายโอบประโลมไล้ .... พระแม่เจ้าเทวี๏ ดื่นจวนดึกนึกเย้า .... ยลตัวใยเบิ่งซุ่มมุมสลัว .... แอบซ้อนมัวชื่นตื่นชมกลัว .... ใครแอบ รู้เอยโผล่สบประจบอ้อน .... ศศิเจ้าเห็นใจ๏ ประทานหว่านรสล้ำ .... เลอสุขปลาตหายคลายทุกข์ .... พรากล้วนปรุงเสน่ห์เห่สนุก .... สนานนับ นานเนอเปล่งปลั่งประดังถ้วน .... ทรัพย์ถ้วมหัวหู๏ จันทร์แรมแอร่มเจ้า .... อย่าจร จากเฮยอยู่คู่ข้าอย่าถอน .... พรากข้าโดดเดี่ยวยิ่งรอนรอน .... จิตร่ำ เจรียงแลเคียงแนบแอบเถิดอ้า.... อกผู้ระทม ๚ะ๛+ กิ่งโศก +๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖ขึ้น ๔ ค่ำ เดือนแปด ปีมะเส็ง(พระจันทร์ข้างขึ้น แต่ใยคิดถึงข้างแรม)
๏ เห็นเถรท่านส่องบาตรจริยวัตร-บทใครไหนนำกำหนดสะกดก่อ-การเพ่งพิศพินิจละเอียดลออหรือเพียงบาตรสะอาดล้อ-ยอตะวัน ๚ะ๛๏ เถรท่านส่องบาตรชี้ ..... ปุจฉาพระใหม่พบสบครา .... ล่วงเช้ามิตรึกนึกเหตุหา ..... โดยเหตุ แท้เฮยมองส่องตามพระเจ้า .... เช่นคล้ายได้เห็น๏ เถรท่านมิใช่ชั้น ..... ตาเถนสื่อพระวินัยเกณฑ์ ..... ปฏิบัติไว้บาตรแตกแยกโหว่เบน....อาบัติเพียงแค่นิ้วสอดได้.... รั่วด้วยประดัง๏ ฟังรู้หูรับพร้อง .... พึงสดับจริยาวัตรรับ .... จึ่งรู้คลี่กระจ่างความจับ ....ถามเถิด ท่านฮาถึงแก่นแกนหลักผู้.... สำเร็จแล้วถึงสถาน๏ อย่าเลียนเยี่ยงอย่างผู้ .... เลียนนำ ตามนาเลียนอย่างมิรู้สำ- .... เร็จแท้จงคิดก่อนเถิดทำ .... ประพฤติ ตามนอเลียนเช่นริเรียนแล้.... จักรู้ความคราว๏ เราโง่หรือไม่รู้ .... ริถามอย่าอวดโอ่โง่หาม .... แห่ห้อมเช่นเถรส่องบาตรยาม....พินิจ บาตรแฮเถิดเถอะถ้วนสิ่งพร้อม .... บอกด้วยเหตุผล ๚ะ๛+ กิ่งโศก +๙ กรกฎาคม ๒๕๕๖สดุดคำ เถรส่องพระ เลยอยากรู้...แล้วก็รู้..เรื่องเถรส่องบาตรนี่ มีนิทานในพระพุทธศาสนาจะเล่าให้ฟังสักนิด ตามธรรมดา เถร มีอยู่ ๒ เถรเถร แปลว่า ท่านผู้ใหญ่เถน แปลว่า หัวขโมยตามภาษาบาลีแปลไม่เหมือนกันสำหรับเรื่องเถรส่องบาตร เป็นเถรผู้ใหญ่ เพราะบาตรท่านแตกอยู่นิดหนึ่ง ตามธรรมดาในพระวินัย ถ้าบาตรแตกพอนิ้วลอดได้ต้องเปลี่ยนบาตรใหม่ บาตรอันนั้นจะใช้ไม่ได้พระพุทธเจ้าปรับเป็นอาบัติเพราะข้าวรั่วทีนี้ เถรผู้ใหญ่บาตรท่านแตก เวลาท่านเช็ดบาตรเรียบร้อยแล้ว ท่านก็ส่องดู ส่องดูรอยร้าวว่า มันจะแตกมากไปหรือไม่มาก ถ้ามันยังไม่มากก็ใช้ต่อไปทีนี้ ลูกน้องของท่านสิ ไม่รู้ว่าท่านส่องทำไม เห็นท่านส่องก็ส่องบ้าง ส่องส่งเดช บาตรของตัวน่ะไม่แตก เห็นอาจารย์ส่องก็ส่องตาม แล้วก็ไม่ถามด้วยว่า ท่านส่องทำไมก็ส่องตามท่าน เรียกว่า ส่องแบบโง่ๆ”“ หลวงพ่อพระราชพรหมยาน”...................................................................
๏ จะสาวสายว่ายข้าม .... สาครหวังผุดโผล่บนดอน .... เดิ่นด้าวกักกันจิตริดรอน .... กิเลส ล้อมแลเกลาขัดกรองย่างก้าว .... กำหนดรู้จังหวะเดิน ๚ะ๛๏ อยากจะว่ายข้ามเวิ้งทอดเบิ่งว้างไกลแสนเหลือแลทางเลือนห่างถึงสุดแหวกหนุนข้ามน้ำครุ่นคำนึงคงผลอยหล่นก้นบึ้งกึ่งบาดาล๏ ด้วยคลื่นลมโถมซัดระบัดซ้ำหรือเคราะห์คราวกระทำระกำฐาน-แต่ปางก่อนคงร้ายคล้ายยักษ์มารชาตินี้จึงขึ้งผลาญตามราญรอน๏ จักพึ่งใครไร้ที่เป็นที่พึ่งสัมพันธ์ตึงสหายเส้นใยหย่อนเห็นกรวดน้ำคว่ำขันโขกบั่นคลอนตัดตัวบท-กดกร้อน-ทุกตอนตรา๏ เหลือเส้นทางท้ายสุดจึงยุดไว้เส้นเชือกใฝ้เกลียวฟางอนาถาจำใจจับปรับตัวตามชะตาให้หมดสิ้นทุกท่าในครานี้๏ หัวงกำหนดกำเนิดไปเกิดใหม่สรรสร้างทางไสวพรายฉวีก่อตะบะสะสมบ่มบารมีในภพภูมิสุขาวดีที่หมายปอง๏ รอมินาน-ดอกกรรม-อันย้ำใกล้จะชดใช้ใหม่สร้างสวมสนองลบรอยกระปะปุโปพุพองทาบรังษีเรืองรองผุดผ่องโลม ๚ะ๛+ กิ่งโศก +๓ กรกฎาคม ๒๕๕๖สงสัยงานชุก..จึงเขียนไปเรื่อย.......เปื่อย..
๏ สะดุ้งตื่นเลขชี้ ..... สำเร็จกรองกลั่นผ่านสะเด็ด ..... สุดท้ายบรรจงจับโดยเคล็ด ..... ครองศาสตร์ เชื่อเฮยนิมิตแปรแปลงร้าย ..... เปลี่ยนด้านเป็นดี ๚ะ๛๏ สะดุ้งตื่นลืมตาเมื่อเช้าตรู่ในนิมิตรครั้งครู่ใกล้สู่สางในฝันนั้นพบยักษ์ชลูดยางนัยนากระด้างเยื้องย่างเย้ย๏ มิอาจก้าวเท้ายุดดุจดั่งยึดติดตรึงขึงออ-อึดเฝือฝืดเอ่ยลมปราณขาดชะงักสำลักเงยตระโกนก้องร้องเพ้ยลืมตาโพง๏ โบราณกล่าวเล่าไว้ฝันร้ายว่าจะกลายดีปรีดานำพาโด่ง-ตำแหน่งรุ่งศักดิ์รั้งมิยั้งโยงการค้าขายให้โล่งประสงค์รับ๏ ทั้งโชคลาภจับเสกดว้ยเลขสวยจะมั่งมีดีด้วยหวยประดับประดาเดชบารมีทวีทรัพย์มีเรือนขายเททับหวังรับโชค๏ จึงบรรจงเจียดงบสมทบซื้อทุ่มทั่วตัวสองมือถือโฉลกนอนกระหยิ่มนั่งแย้มแซมเอนโยกหวังชะตาว่อนโบกไสวบาน๏ ครั้นเพลานาทีที่รอท่าเลขที่ออกบอกช้าเสียงพาขานใยยักษ์หนีลี้หายมลายพาลผลที่ผิดมโหฬาร..โอ้ฉันเงง ๚ะ๛+ กิ่งโศก+๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ซื้อ 84 กงๆๆ เลย
๏ ยอ-กลีบเหยียดก้านซับ .... หยาดชลยั้งรับอาบแสงยล .... ระยิบย้อมขจรกลิ่นขจายจน .... โชยกรุ่น ทั่วฮาละเมียดละไมล้อม .... ร่ำพื้นไพรสณฑ์๏ ภู่คลึงผึ้งคลุกเคล้า .... เกสรบินว่ายร่าย-วน-จร ....ตรลบฟุ้งเสพมธุรสตอน .... แต่รุ่ง อรุณเนอปีกกระพือพร่างรุ้ง .... ประดับหล้าโลมสนาน่๏ ผกาคู่ภู่ผึ้ง .... ปฏิพัทธ์ดุจนุชสุดกำดัด....จริตจะก้านพราวเสน่ห์เล่มัด .... โลมสวาท หมายนอเริงล่อสัตว์ผู้ส้าน.... มุดซ้อนซุกชม๏ ถ้วนกลีบเด่นดอกเกลี้ยง.... เกลาพิสุทธิ์ แท้เฮยสะอาดหอมประดุจ .... แต่งหล้าประทิ่นกลิ่นเริงรุจ.... จรุงโรจน์ แรงเนอจักดอกดินดอกฟ้า.... ประดับให้โลกสวย๏ สุคันธชาติล้วน .... แลหมายกำเนิดจวบวางวาย....เหี่ยวสิ้นย่อมยังอยู่ต้นปลาย....วงชีพดับสลายตายดิ้น ....บ่ได้จีรัง๏ ยังกลิ่นหอมย่อมแห้ง .... เหือดจาง ดอกนาสิ่งแน่แส่นับวาง ..... สถิตย์ไว้ก่อพฤติการกาง .....บันทึก กรรมนาจึงบ่หายลบให้ .... ช่วยชี้ผ่านผล ๚ะ๛+ กิ่งโศก +๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๖๐ ร่ำร่ำกลิ่นดอกไม้ระรื่นแล้ว กำหนดจมูกสูดดมจึ่งรับรู้แห่งกลิ่นหอม ...ข้าพฯเจ้า ชื่นชอบนัก ดอกการเวกหลับตากลิ่นยังอวล คล้ายกำลังนอนหลับอยู่ใต้ดงไม้อันสงบ..อา สุขยิ่งยามยล กลิ่นการเวก....