24 กรกฎาคม 2551 21:07 น.
กิ่งโศก
โอ้อนาถ วาสนา เนงบาเอ๋ย
บ่สมคิด ชิดเชย แม่มิ่งขวัญ
อัปลักษณ์ ร่างร้าย ในรูปพรรณ
จำโศกัล พลันลี้ หนีซ่อนพง
ปฏิพัทธ์ พธู มานานนับ
กลับอาภัพ ลับลา สมประสงค์
กันทิมา แปรจิตร คิดผันองค์
ลืมเผ่าพงษ์ กระเหรี่ยงไพร ..ไกล..เนงบา
สูญสิ้นศักดิ์ รักล่ม จนสิ้นชาย
ใจสลาย พ่ายช้ำ น้ำตาพร่า
เอนกายนอน ขอนไม้ ในพนา
อกอุรา รานร้าว เศร้าระบม
ใจสะท้อน จิตสะท้าน ..สุดหวั่นไหว
เฝ้าร่ำไห้ ไหลริน น้ำตาล่ม
หวังเพียงดิน กลบหน้า ฆ่าความตรม
ฝังให้จม ถมเถือ .จนเจือจาง
อยากจะย้ำ ค่ำนี้ คืนสุดท้าย
รักมลาย หายลับ ไปกับร่าง
ดอกหญ้าบน หลุมศพ จบแด่นาง
ชาติหน้ามี กรรมสร้าง เราคู่กัน
อนาถนัก รักเรา คล้ายเนงบา
หนีสุดหล้า ฟ้าไกล ในไพรสันณ์
เหลือแต่ร่าง ไร้ใจ ..ไร้ชีวัน
ภพหน้าฉัน นั้นขอ เคียงคู่เธอ..
...แก้นิดนึง..กันทิมา ..ตอนแรกพิมพ์ เป็นจันทิมา ..
18 กรกฎาคม 2551 21:24 น.
กิ่งโศก
ทะเลเอ๋ยทะเลใจ...
ใยร่ำไห้ ไร้แรง จนอ่อนล้า
เพียงพบพิษ ปลิดปลิว รักโรยรา
โอปลายฟ้า..พิลาศ ร่ำรำพัน
ใครหนอใคร ร้ายจิต คิดเคืองเจ้า
เอาเพลิงเผา ร้าวรัก หักสบั้น
ร้องเถิดร้อง นองน้ำตา รดจาบัล
จับมือฉัน มั่นไว้ ไออาทร
เธอเคยจูง พยุงฉัน ยามฉันล้า
เธอเคยปลอบ เยียวยา.คราโหยอ่อน
มาเถิดมา ครานี้ จะนำจร
เอาอาภรณ์ รักห่ม รมแผลใจ
ยิ้มสิยิ้ม พิมพ์ใจ เช่นเคยยิ้ม
งามประพิมพ์ อิ่มเอม เปรมไสว
เป็นปลายฟ้า แต่หาเกิน จะเอื้อมไกว
โบกไหวไหว หัตถ์น้อง พี่มองเพลิน
แม้เจ้าหมด พลัง จะยั้งยืน
ฉันจักยื่น ดึงเจ้า ให้ลุกเหิร
จะคอยปลอบ ปัดเป่า ทุกข์เผชิญ
จะคอยเดิน เคียงข้าง ...ประคอง เอย.
........................................................
แด่ เอม เพื่อนผู้อารีย์ของกิ่งโศก..
อย่าเศร้าเลยนะ..เธอเคยปลอบฉันไม่ใช่รึ
อย่าท้อแท้ แก่ชตาชีวิตเช่นนี้สิ..
ชีวิตเราอยู่ได้ด้วยความหวัง...ความสุข
ความทุกข์ที่ผ่านมาเราก็เพียรจดจำมันไว้
ความสุขก้อเก็บใส่ความทรงจำที่ดีๆๆ..
ความทุกข์ก้อจดจำมันไว้เป็นบทเรียน..
แสงสว่างข้างหน้า ย่อมมีเสมอ ตราบใดที่
สุริยา ยังวนเวียนขึ้นลงเช่นนี้.
สู้ๆๆ ณ.ปลายฟ้า.....ยังมีเรา มีเพื่อนๆๆ ในบ้านนี้
ให้กำลังใจมากมาย..
28 มิถุนายน 2551 19:10 น.
กิ่งโศก
บาทวิถี เส้นนี้ เรา ก้าวย่าง
สองมือต่าง เกาะกุม ต่างชวนชี้
หัวเราะรื่น ชื่นซาบ อาบฤดี
บุษปะมวล มาลี ผ่องกมล
เนตรคม สบมอง แลห้วงใน
วาวหวามหวาน ปานใด อิ่มล้น
ปัจจุสมัย คือโลก เราสองคน
สิเน่ห์ท้น ท่วมทด รดใจเรา
ผ่านศิลา กระด้าง ยังโอนอ่อน
สลักรัก อักษร คลอเคลียเคล้า
ผ่านนภา ฟ้ากว้าง หมู่เมฆเงา
ถักรอยเว้า เป็นรูป รัก เรืองรอง
มาบัดนี้ สายฟ้า ใยพิโรธ
จึงลงโทษ ผ่าแบ่ง ทางเป็นสอง
เป็นสองเส้น สองขนาน ..สองครรลอง
ให้เราสอง ต่างเดิน คนละทาง
ทางของฉัน นั้นแสนมืด มิดมัวหม่น
เดิน เดินเดิน ดั้นด้น จนใจร้าง
ใจเหือดแห้ง โหยออ่น จนเลือนราง
เพราะปลายทาง ของเรา ขนานกัน
21 มิถุนายน 2551 10:57 น.
กิ่งโศก
คำลวง ควงหลอน คลอนล้า
เจ็บพร่า จ้าพอง จ้องเผา
อกตัน อั้นติง อิงเตา
แหลกเศร้า ร้าวฉาน รานชน
ถ้อยจริง ทิ้งใจ ท้ายจอด
ทนรับ ทับลอด ทอดร่น
รอยยิ้ม ริมแย้ม แหร่มยล
คือทน คนท้อ คอธาร
อ้าเอ๋ย เอ่ยอำ อ้ำอึ้ง
คำถ้อย คอยทึ้ง ขึ้งถ่าน
ลวงล้อ ล่อหลอน รอนราน
ซาตาน ซ่านต้อน ซ่อนตาย
มีดบั่น มั่นแบะ แม่บ่า
หล่อนฆ่า ล่าแค้น แล่นขาย
หวีดหวิว วิ้วว้าง วางวาย
คำร้าย คล้ายร่ำ คำลวง
.................................................
ฝากคุณโอเลี้ยงแนะนำด้วย ..เปงกลบทกบเต้นสามตอน ที่มั่วมาก อิอิอิ....
21 มิถุนายน 2551 09:15 น.
กิ่งโศก
หรือกำหนด โดยฟ้า ให้มาพบ
แค่ประสบ เกิดรัก แล้วลาร้าง
ให้เกิดจาก พรากสิ้น จนวายวาง
หรือเป็นทาง กรรมเก่า มาเอาคืน
ได้รัก ได้เจ็บ ได้จาก ได้พราก
ได้ยาก ได้เข็ญ ได้ขม ได้ขื่น
ได้สุข ได้เสพ ได้คาย ได้กลืน
ได้โศก ได้ชื่น ได้รื่น ได้ระทม
ลิขิตฟ้า กำหนด แล้วหรือไร
กำหนดให้ เป็นเช่น ลิขิตขม
ใยไม่ขีด ลิขิตหวาน อันภิรมณ์
ปล่อยให้จม ฝังใต้ พระ ธรณี
ฉันทำบาป หยาบช้า แต่ชาติไหน
จึงชดใช้ ไม่หมด ในชาตินี้
จะเจ็บช้ำ ระกำทุกข์ ท้นทวี
ถูกย่ำยี เยาะหยัน สมใจเธอ