26 ตุลาคม 2552 12:34 น.
กิตติเวทย์
ชายคนหนึ่งแต่งภูมิฐานยศพันเอก
ทำตัวเฉกเช่นตำรวจตรวจเข้มแข็ง
เคาะประตูบ้านตายายฉายแสดง
บอกยืนยันมีคนแจ้งแหล่งโจรปล้น
ขอค้นหน่อยครับตายายกฎหมายให้
ดูนี่ไซร้หนังสือถือมาค้น
ไม่ว่ายายไม่ว่าใครใจอับจน
ไม่เคยเห็นหมายค้นเป็นอย่างไร
ทั้งตายายปรึกษาผวาสั่น
ช่วยแบ่งปันข้อคิดจิตหวั่นไหว
เป็นตำรวจจริงแท้ไม่แน่ใจ
แต่สุดท้ายยายให้ตาเปิดประตู
ยายเคยดูทีวีมีข่าวเห็น
ฝึกคิดเป็นเชิงบวกเป็นพวกหรู
คิดเชิงลบคับแคบใจไม่น่าชู
ตายายจึงเปิดประตูให้เข้าไป
ณ ทันใดโดยที่ยายมิคิดคาด
มันตวาดบอกมาเงินอยู่ไหน
หากไม่บอกกูยิงหัวกระจาย
กูผู้ร้ายหาเป็นเช่นยศปลอม
อะโห วะตะ โอหนอ พ่อหนุ่มเอ๋ย
ยายไม่เคยมีเงินเก็บ Save ถนอม
แค่มีกินมีใช้ไม่ตายตรอม
ไม่ตายผอมก็บุญหนอพ่อขุนโจร
มันจับผมยายกระชากหน้าผากหงาย
มันตบพั๊วหน้ายายไถกระโถน
บอกกูมาเงินอยู่ไหนมันตะโกน
หน้าผากยายปูดโปนโจรไม่แคร์
..........จบดีกว่า..
ยิ่งแต่งยิ่งดูอำมะหิต..สงสารยาย
23 ตุลาคม 2552 15:42 น.
กิตติเวทย์
คงเหมือนเดิมอีกแล้วไม่แคล้วคลาด
แม้จะคาดไว้ก่อนยังอ่อนไหว
รู้ทั้งรู้ว่าทุกปีไม่มีใคร
ยังแอบใฝ่แอบหวังช่างไม่จำ
เดือนสิบสองผ่องเพ็ญอยากเร้นหลบ
ปล่อยผู้คนเล่นจบครบอิ่มหนำ
หากไม่หลบคงปวดร้าวเศร้าระกำ
ในคืนค่ำที่ไร้คู่อยู่เดียวดาย
มองเห็นเขาเคล้าคลอท้อใจนัก
มองเห็นเขามีคนรักพักตร์แจ่มใส
มองเห็นเขาประคองป้องกันไฟ
มองเห็นเขารวมใจใส่กระทง
มองดูเขาเรากลั้นมันไม่ได้
ปล่อยน้ำตารินใหลใจประสงค์
สิ้นเรี่ยวแรงอ่อนล้าถลาลง
ลอยกระทงทุกปีไม่มีใคร
23 ตุลาคม 2552 12:50 น.
กิตติเวทย์
ฉันปล่อยจิตคิดไปในวันหน้า
อนาคตที่ก้าวขามาไม่ถึง
จะไม่คิดจิตกลับวาบคำนึง
หากวันหนึ่งมันรุกล้ำทำอย่างไร
ทุกคนรู้ดาวเทียมมันเยี่ยมยอด
ส่องส่ายสอดทั่วหล้าอาณาไหน
มันมองเห็นชัดเจนอย่าเล่นไป
มองภาพใสเห็นได้ในพริบตา
ฉันคิดไปนัยว่ามาวันหนึ่ง
กำลังซึ้งกับคนรักพักเคหา
ปิดห้องหับหลายชั้นกันคนมา
สุขอุราว่าปลอดภัยไร้ผู้มอง
แต่ทันใดภาพฉันพลันปรากฎ
เป็นหนังสดฉายไปในฟ้าผอง
ใครอยากดูจ่ายเงินเพลินสมปอง
ดาวเทียมส่องโชว์ให้ได้ดูกัน
ถ้ามันเป็นเช่นฉันนั้นคาดคิด
ผองมวลมิตรคิดอื้อฮื้อหรือขำขัน
อาจจะมีหนังของท่านเข้าประชัน
ถึงวันนั้นเราจะเร้นที่เช่นใด
ถึงวันนั้นพวกเศรษฐีมีเงินมาก
คงเติมอยาก Log in ถวิลใคร่
หนังญี่ปุ่นลาวแขกเกาหลีไทย
แค่จ่ายเงิน Log in ไปก็ได้ดู
ตัวของท่านอาจเป็นหนึ่งที่ถูกคัด
มันแค่จัดดาวเทียมเตรียมความหรู
มันเลือกตรงบ้านท่านปานมีรู
โดยที่ท่านไม่รู้ผู้รุกราน
หนังของท่านฉายผ่านไปทั่วหล้า
ใครจ่ายมาเข้าดูได้เขาให้ผ่าน
ฉันแค่คิดออกไปก็เท่านั้น
ถ้าหากมันไม่เกิดประเสริฐเอย
22 ตุลาคม 2552 09:57 น.
กิตติเวทย์
การแต่งงานคืออะไรฉันไม่รู้
เพราะไม่อยู่ในฐานะจะพูดได้
ที่ว่านี้สัมภาษณ์มาแล้วบอกไป
คิดอย่างไรแล้วแต่แง่คิดคุณ
หลายคนว่าหากชักช้าจะลำบาก
อายุมากเลี้ยงลูกน้อยคอยอุดหนุน
ไม่ทันใช้กตัญญูรู้แทนคุณ
จะขาดทุนนะคุณเอ๋ย..เฮ้ย! รีบเข้า
อีกคนหนึ่งตอบมาหน้าซื่อเซ่อ
บอกว่าเธอ (เขา) คือของตายไม่ต้องเช่า
ไม่ต้องจ่ายสองสามพันเพื่อบรรเทา
แต่งงานเข้าจะสบายของตายรอ
อีกหลายคนบอกว่าหากไร้คู่
ใครจะอยู่ดูแลยามแก่หนอ
เจ็บป่วยไข้คร่ำครวญดิ้นหงิกงอ
ใครจะพาไปพบหมอหากเดียวดาย
อาจจะจริงหลายคู่อยู่ด้วยรัก
แต่สายใยที่คอยชักรักอยู่ได้
มีสามอย่างดังว่าอยู่ภายใน
ด้วยหรือไม่ฉันไม่ตอบมอบให้คุณ
หนึ่งคืออยากมีลูกคอยรับใช้
สองมีเขา (เธอ) เป็นของตายในเมถุน
สามมีเธอ (เขา) ดูแลแผ่เจือจุน
สามเหตุผลคือแรงหนุนให้แต่งงาน
21 ตุลาคม 2552 22:47 น.
กิตติเวทย์
เอ้า!นั่งลงใครอยากฟังนิทานก้อม (เรื่องสั้น)
ขยับล้อมเข้ามาเป็นวงสาน
มาใกล้ใกล้จะได้ชัดในนิทาน
เรียกเรื่องสั้น "นิทานก้อม" ล้อมเข้ามา
มีชายหนึ่งหนุ่มแน่นแสนหล่อเท่
แต่งตัวดีโก้เก๋จากเคหา
ไปทำงานรีบเร่งเคร่งเวลา
ทั้งเดินวิ่งสลับขาฝ่าฝูงชน
ทันใดนั้นได้มีชายคนหนึ่ง
เข้ามายืนหน้าบึ้งริมถนน
ตะโกนด่าหนุ่มงามท่ามกลางคน
ด่าเสียจนหมดดีราศีตัว
เอ็งมันโง่บัดซบเรียนจบสูง
แล้วยังมุ่งโกงกินผิดศีลชั่ว
แอบเป็นชู้เมียเขาไม่หวาดกลัว
เอ็งมันวัวลืมตีนไร้ศีลธรรม
ประชาชนมุงมองปองสงสัย
ใครกันหนอด่าใครใจนึกขำ
บ้างเชื่อตามคำด่าบ้าระยำ
บ้างก็ทำเป็นไม่รู้ไม่อยู่ชม
เขาจึงมีโทสะโกธะมาก
อยากกระชากมาทำร้ายให้สาสม
มึงเป็นใคร มาด่ากูผู้หล่อคม
แต่ต้องข่มเพราะรีบไปทำงาน
ทำงานไปใจเดือดไม่เหือดหาย
คิดถึงชายแปลกหน้าช่างกล้าหาญ
มันเป็นใครกันวะมาระราน
กูอยากฆ่าประจานให้โลกดู
สามอาทิตย์จิตหม่นจนฟุ้งซ่าน
แม้เดินผ่านที่เก่าเศร้าอดสู
อยากถามมัน ทำไมมึงด่ากู
แต่ไม่รู้มันอยู่ไหนหาไม่มี
เมื่อโกรธเข้าเขาเห็นเป็นคนโง่
เมื่อโมโหเขาว่าบ้าพาเสียศรี
เขาก็รู้ความโกรธสิ่งไม่ดี
แต่เจ็บนี้ดั่งไฟที่ไหม้ฟืน
มันร้อนรนเดือดดาลปานไฟไหม้
มันกระสับกระส่ายไม่อาจฝืน
นอนไม่หลับมันทิ่มตำทุกค่ำคืน
ต้องขมขื่นฝืนไม่ได้ใจมันจำ
เมื่อใจหม่นใบหน้าก็หมองเศร้า
ใจร้อนเร่าโทสะพาถลำ
คิดถึงแต่ มันเป็นใคร ใจระยำ
ใช้ถ้อยคำหยาบร้ายไม่เคยเจอ
หนึ่งเดือนผ่านเขาเล่าให้เพื่อนฟัง
อยากสอนสั่งคนที่ด่าทีเผลอ
หากฆ่าได้ก็จะฆ่าถ้ากูเจอ
เพราะทำกูเขินเก้อกลางประชา
เพื่อนรับฟังนั่งคิดจิตสงสาร
จึงบอกว่า ไอ้คนนั้นมันคนบ้า
หลายเดือนก่อนกูก็ถูกมันด่ามา
ก็อยากล่าฆ่ามันหั่นเป็นตอน
แต่ต่อมารู้ว่ามันเป็นบ้า
จิตอยากฆ่าหายไปใจถ่ายถอน
โกรธที่เคยปลุกเร้าเข้าไชชอน
ก็คลายผ่อนผันเป็นเยือกเย็นใจ
แปลกแต่จริงพอรู้เห็นมันเป็นบ้า
ในอุราเปลี่ยนโปร่งโล่งผ่องใส
อยากขู่ฆ่าทำร้ายสูญหายไป
เป็นไปได้อย่างไรใครตอบที
ก็เดือนก่อนฟุ้งซ่านรำคาญจิต
หลายอาทิตย์เศร้าหมองครองราศี
โกรธหายไปอยู่ไหนในตอนนี้
กลับกลายเป็นอารมณ์ดีราศีงาม
โกรธเคยมีหนีไปที่ไหนหรือ
หรือมันคือมายาน่าไถ่ถาม
มันมีได้อย่างไรใคร่ติดตาม
แล้วบางยามหายไปไร้ทิศทาง
พุทธทาสประกาศว่าอุปาทาน
ที่ยึดมั่นว่า ตัวกู ชูหัวหาง
นี่คือกูนั่นของกูไม่ปล่อยวาง
พอถูกขวางตัวกูก็สำแดง
อุปาทานนี่นี้ จริงแล
หากปล่อยมันไหลแผ่ ทั่วถ้วน
ยึดถือว่าฉันแก มัวมืด มนนา
มีแต่พบทุกข์ล้วน หมดข้ามสงสาร