25 ธันวาคม 2551 22:07 น.
กิตติเวทย์
มีเรื่องเล่าถึงตะเกียงวิเศษ
มีเจ้ายักษ์มากเดชถูกเขตขัง
อยู่ในขวดด้วยมนต์พ้นพลัง
ดังถูกฝังทั้งเป็นสุดเข็ญใจ
ชายคนหนึ่งพบขวดจึงเปิดฝา
เจ้ายักษาออกมาหน้าสดใส
กล่าวขอบคุณชายหนุ่มยกเป็นนาย
เอาอะไรก็บอกมาจะเสกให้
ชายหนุ่มนั้นจึงโชคดีมีพรช่วย
เร่งอำนวยช่วยพบดีราศีใส
หลายคนอยากพบบ้างสร้างอำไพ
จักขอให้ยักษ์นั้นพลันช่วยตน
มีชายหนึ่งยามเช้าเขาเดินเล่น
รับความเย็นหาดทรายใกล้ถนน
เวลานั้นห่างหายไร้ผู้คน
อาจเพราะคล้ายว่าฝนจะหลั่งริน
เขารอใครอย่างไรก็ไม่ทราบ
หรือหวังอาบน้ำเย็นเล่นโขดหิน
หรือว่ารอพุ่มพวงในดวงจินต์
คอยยุพินเล่นน้ำใสในทะเล
ในทันใดสายตาก็เหลือบเห็น
ขวดสวยเด่นลวดลายไม่ส่ายเฉ
มีฝาปิดชิดไว้ไม่รวนเร
ลอยเล่นน้ำทะเลผลุบโผล่จม
เขามองเห็นขวดงามวับวามสี
ข้างในมีควันขาวพราวผสม
ดูสัณฐานสวยงามเล็กสั้นกลม
จึงหยิบขึ้นมาชมเพราะแปลกตา
จับพลิกขวามาซ้ายส่ายหมุนรอบ
ดูรอบคอบชอบใจใฝ่ศึกษา
จึงจับจุกรุกเปิดหมุนไปมา
จนจุกฝาหลุดพรากจากขวดกลม
ทันใดนั้นปรากฏควันลอยฟุ้ง
ดังสายรุ้งหลากสีมีผสม
เขาได้ยินสำเนียงเสียงแหลมคม
“ขอบคุณท่านที่ไขปมคำสาปมนต์”
เขามองหาที่มาของถ้อยคำ
จึงได้เห็นปีศาจดำทำสับสน
มันจึงบอกอย่ากลัวมัวลุกลน
ท่านคือผู้ให้พ้นกลกรรมเกลียว
บอกมาเถิดอยากได้อะไรบ้าง
เราจะสร้างเสกมนตราพาเก็บเกี่ยว
แต่ข้อแม้ขอได้เพียงครั้งเดียว
ณ บัดเดี๋ยวนี้ท่านวานขอมา
เขานิ่งไปชั่วครู่ดูตรองตรึก
ใจคิดนึกอยากได้สิ่งใดหนา
จึงคิดว่าอยากจะให้เจ้าโลกา
ยาวกว่าใครในหล้าพาสุขใจ
“จงทำให้องคชาติของข้านี้
จรดพื้นปฐพีไม่มีไหน
หาคนเทียบไม่มีที่ใกล้ไกล
จงให้ข้าสมใฝ่ดังใจปอง”
เจ้าปีศาจวาดยิ้มริมฝีปาก
หากท่านอยากสมใจไม่เป็นสอง
ข้าจักทำให้ท่านได้ครอบครอง
ท่านอย่ามองจงหลับตาถ้าต้องการ
ทันใดนั้นมันชักดาบคมวาบวับ
แล้วฟันฉับอย่างแรงเลือดแดงฉาน
สองขาขาดองคชาติที่ต้องการ
จรดฐานปฐพีทันทีเอยฯ
25 ธันวาคม 2551 16:56 น.
กิตติเวทย์
เหงาใจนักอยากให้ใครรู้บ้าง
มีใครว่างบ้างไหมใคร่อยากถาม
หากว่ามีโปรดสื่อนัยให้รู้ความ
แม่คนงามทรามวัยมีไหมเธอ
หากว่ามีขอปองจองได้ไหม
เอาหัวใจมาคู่กันมั่นเสมอ
เอาใจใส่ค่ำเช้าเฝ้าปรนเปรอ
ไม่พลั้งเผลอปล่อยใจให้เดียวดาย
จึงถามมาชัดแจ้งแถลงไข
อย่าร่ำไรหากมีดังที่หมาย
บอกมาเถิดสาวเอยอย่าเอียงอาย
ตัวพี่ชายจะได้ใฝ่ผูกพัน
หากมีจริงคงดีสุขีแน่
ชีวิตแย่คงกลายดีเพราะมีฝัน
มีคนรักเคียงข้างทางชีวัน
มีไหมหนอแจ่มจันทร์ฉันเหงาใจ
25 ธันวาคม 2551 12:10 น.
กิตติเวทย์
เรารักกันฝันสร้างทางชีวิต
เรามอบจิตให้กันมั่นเสมอ
เรามีกันและกันแค่ฉันเธอ
ในละเมอมีแค่เราเคล้าคลอกัน
กาลเวลาล่วงเลยมิเคยเปลี่ยน
เราวนเวียนโทรหานำพาฝัน
ในยามว่างเราร่วมสานสัมพันธ์
ทานข้าวกันฉันป้อนเธออ้อนเชิญ
แต่วันนี้เธอทำฉันช้ำหนัก
จู่จู่มาบอกเลิกรักจักห่างเหิน
ด้วยเหตุผลฟังไม่ขึ้น "เธอดีเกิน"
ให้ใจฉันยับเยินจนเกินทน
เธอบอกลาว่า "พี่ดีเกินไป"
รักคนใหม่เถิดพี่จ๋าอย่าสับสน
น้องไม่ดีไม่งามไม่น่ายล
"ไร้เหตุผลสิ้นดี" ที่พูดมา
พบคนใหม่สดใสกว่าก็ว่าเถิด
ดูเลอเลิศแจ่มใสไม่กังขา
อย่ามาอ้างดีเกินไปใส่มายา
ถ้อยวาจา "ฟังไม่ขึ้น" อย่าฝืนลวง
25 ธันวาคม 2551 11:18 น.
กิตติเวทย์
กลอนกวีบทนี้คือที่ "ร้อย"
จึงเก็บถ้อยร้อยอักษรป้อนความหมาย
จะได้รู้เมื่อกาลเลยผ่านไป
มิได้หมายความหลากจากว่ามา
ยี่สิบห้ากันยาคือคราแรก
ที่ฉันแทรกมาเยี่ยมเปี่ยมศึกษา
บ้านกลอนไทยฝักใฝ่เจรจา
ถึงวันนี้ยี่สิบห้าธันวาคม
จึงสามเดือนพอดีมิมีเศษ
งามสมเจตน์บ้านกลอนป้อนสุขสม
คงมีบ้างบางกลอนอ้อนอารมณ์
บางขื่นขมบางรื่นรมย์ผสมไป
ขอขอบคุณทุกท่านที่สานตอบ
ขอขอบคุณที่มอบตอบสดใส
ขอขอบคุณที่ให้อยู่บ้านกลอนไทย
ขอขอบคุณจากใจให้ทุกคน
24 ธันวาคม 2551 21:23 น.
กิตติเวทย์
หากวันนี้พบเจอเธอตรงหน้า
ฉันยังอยากรู้ว่าเธออยู่ไหน
อาจทักทายเหมือนว่าเราห่างไกล
ให้บางคนเข้าใจว่าเย็นชา
ฉันไม่อาจทำตามความรู้สึก
ที่ว้าวุ่นอยู่ลึกลึกเพราะห่วงหา
แอบน้อยใจไปบ้างบางเวลา
จึงหลบหน้าหนีห่างอย่างฝืนใจ
เพื่อนคนหนึ่งแต่งให้มาแบบนี้
หากวันนี้พบเจอเธอตรงหน้า
ฉันจะบอกเธอว่าฉันอยู่ไหน
จะบอกว่าอยู่แคว้นหรือแดนใด
จะบอกด้วยว่าใจใฝ่ถึงเธอ
ไฉนเล่าเจ้าจึงฝืนความรู้สึก
ที่ว้าวุ่นอยู่ลึกลึกรู้สึกเสมอ
จะหลบหน้าไปไหนใจอยากเจอ
หรือจะให้เป็นเพียงเพ้อละเมอไปฯ
เราเลยตอบไปแบบนี้