15 ตุลาคม 2552 10:15 น.
กิตติเวทย์
แขกตี้ขี้แตกแปลกจิต
ทุกทิศทั่วไทยสัยสง
หลายคนไม่พ้นบางงง
แทนที่จะตรงอ้อบาง
แขกตี้ขี้แตกอย่าแปลกจิต
ทุกทิศอินเดียเคลียข้าง
ไม่เคยโดดเดี่ยวอ้างว้าง
หวังสร้างเสริมต่อครรลอง
เช้ามาก้าวขาไปขี้
ทั้งที่บ้านมีหลายห้อง
ชั้นบนชั้นล่างไม่มอง
แต่ปองไปนั่งกินลม
ข้างถนนบนฝั่งทะเล
ริมตลาดมาดเท่เด่ผสม
หันหลังให้กันผายลม
คุยขรมด้วยเรื่องปรัชญา
บางคนเพื่อนคอยอยู่ใกล้
เพื่อไปซื้อของต้องหา
แต่ดันปวดขี้ขึ้นมา
บอกว่าเฮ้ยรอข้าที
บางคนขับเก๋งเบ่งศักดิ์
แบ่งพวกแบ่งพรรคศักดิ์ศรี
กลับไม่พูดพล่ามวาจี
นั่งขี้หน้าตาเฉยเมย
ที่ว่ามาทั้งหมดนี้
หาใช่สตรีพ่อเอ๋ย
เป็นชายแทบทั้งนั้นเลย
ทรามเชยไม่ค่อยได้ชม
ว่าไปสิบปีที่ผ่าน
ข้างบ้านหลังน้อยของผม
สาวใหญ่สาวน้อยหน้าคม
มานั่งกินลมเหมือนกัน
แต่อย่าหวังจะได้เห็น
เพราะเกินจะเป็นดั่งฝัน
เธอสวมกระโปรงคุ้มกัน
ยาวพันถึงตาตุ่มเชียว
ยามนั่งกระโปรงโค้งครอบ
ล้อมรอบหมดลุ้นครุ่นเสียว
หมดสิทธิ์ชมขางามเพรียว
แป๊ปเดียวเธอยืนขึ้นตรง
แปลกใจไฉนจึงเร็วแท้
โอแม่หุ่นงามดังหงส์
ที่สุดก็ผ่านบางงง
ที่โค้งมีคนผ่านมา
พอคนเดินผ่านเลยไป
ทรามวัยเหลียวซ้ายแลขวา
นั่งลงกอปร์กิจค้างคา
สุขาสุขีปรีดิ์เปรม
14 ตุลาคม 2552 09:58 น.
กิตติเวทย์
ไม่มีรถฤาจะมีล้อของรถ
ไม่มีคดจะมีตรงคงอยู่หรือ
ไม่มีแขนฤาจะมีที่ว่ามือ
ไม่มีชื่อคำไร้ชื่อคงไม่มี
ไม่มีเธอฉันคงมีไม่ได้
ไม่มีใกล้ไกลไม่มีนี่วิถี
ไม่มีชั่วฤาจะมีคำว่าดี
ไม่มีพี่น้องจะมีได้อย่างไร
สรรพสิ่งล้วนพึ่งพิงอิงกันเกิด
หามีสิ่งดีเลิศเกิดเองได้
ไม่มีมีดด้ามมีดคงหายไป
ไม่มีใสขุ่นก็สิ้นมิดิ้นรน
นี้นี่หนอพ่อเรียกว่า สุญญตา
ปวงสรรพาต่างอาศัยจึงให้ผล
มีสิ่งหนึ่งอีกสิ่งหนึ่งจึงเล่นกล
เช่นมีเมฆจึงมีฝนหล่นโปรยปราย
วิทยาศาสตร์อาจเรียกว่า สัมพัทธ์
คงไม่ขัดชัดทุกสิ่งอิงอาศัย
ไม่มีเธอไม่มีฉันไม่มีใคร
ไม่มีตาก็ไร้ยายย่างย้ายตาม
เพราะมีเธอจึงมีฉันผู้ฝันหา
มีลูกยามีแม่พ่อรอไถ่ถาม
เพราะมีฉันคอยชื่นชมเธอจึงงาม
นี่แหละหนอคือนิยาม สุญญตา
13 ตุลาคม 2552 21:49 น.
กิตติเวทย์
อะไรหาย ก็หายไป ใจอย่าหาย
ป่วยจนตาย หายใจ ไม่ทั่วทิ้ง
ใจของตัว แท้แท้ แต่ไม่ติง
กลับปล่อยวิ่ง ไปไกล ให้เขาครอง
ใจของเรา ก็ของเรา วันยันค่ำ
บางคนร่ำ น้ำตาท่วม ร่วมสนอง
เอาหัวใจ ให้คนอื่น ยื่นจับจอง
สุดท้ายกลับ มัวหมอง นองน้ำตา
หากคิดว่า ตัวเอง ไม่เต็มตื้น
คงจะอยู่ แบบฝืน ยืนผวา
ต้องการให้ ใครสักคน ฝ่าฝนมา
ร่วมชะตา ฝ่าฟัน บุกบั่นไป
ชีวิตคง ยืนได้ ไม่มั่นมาด
เพราะคิดว่า ตัวขาด จึงหวาดไหว
ใจต้องการ คนอื่น อยู่ร่ำไป
แล้วเมื่อใด จะยืนได้ ใจมั่นคง
แต่นั่นแหละ ใจมนุษย์ สุดหยั่งได้
มีมากมาย หลายประเภท เขตประสงค์
บางคนมี บางคนไม่ ใฝ่จำนง
บางคนยึด บางคนปลง อย่างงงวย
1 ตุลาคม 2552 11:00 น.
กิตติเวทย์
วันเดือนปีวนหมุนคุณบอกฉัน
ว่าแม่นมั่นดวงจินต์ถวิลเสมอ
จะเพียงภักดิ์รักเดียวเกี่ยวเพียงเธอ
จะเสนอสนองครองคู่กัน
อาทิตย์ผ่านพระจันทร์เคลื่อนมิเหมือนแน่
เพราะรักแท้แค่เธอจิตเพ้อฝัน
รักรักรักและรักรักทุกวัน
ถ้อยคำนั้นจำได้ไหมใครรำพรรณ
นี่คำคนคำใครใยลืมเล่า
นี่คำเธอใช่ไหมไม่ลืมฉัน
นี่คำเธอวอนเว้าใต้เงาจันทร์
นี่คำเธอที่หลอกฉันฝันลมลม
หากไม่จริงใยกลิ้งกลอกหลอกให้ช้ำ
หรือว่าทำหลายคราจนชาสม
ใจด้านดำทำไปแค่ใฝ่ชม
แล้วก็ปล่อยให้ขื่นขมตรมตรอมตาย
30 กันยายน 2552 11:25 น.
กิตติเวทย์
ที่จริงนั้น ฉันปลื้มเธอ เสมอมั่น
เพราะเธอนั้น ต้องจิต คิดเพ้อฝัน
ห้ามไม่ได้ ชอบใคร เรื่องจิตมัน
แต่ความจริง ขบขัน ฝันลมลม
อ่านข่าวว่า เธอเข้าวัด ขัดเกลาจิต
สร้างแนวทาง ชีวิต คิดเหมาะสม
ยิ่งชอบใจ วิถีพลอย คอยชื่นชม
ดูเหมาะสม เป็นแบบอย่าง เยาวชน
พลอย-ประหนึ่ง เพชรงาม ในยามเห็น
เฌอ-ต้นไม้ ให้ร่มเย็น เว้นแดดฝน
มาลย์-ดอกไม้ กลิ่นระรื่น ชื่นกมล
ทุกแห่งหน ให้ชนชื่น หายขื่นใจ
ชื่อก็งาม นามไพเราะ เสนาะนัก
ขอให้แฟน ล้อมรัก พักตร์ผ่องใส
ขอให้เป็น เด่นดาว ของชาวไทย
อีกขอให้ สุขอบอุ่น บุญนำพา
ก็แค่ชื่น แค่ชม นิยมชอบ
จึงแต่งตอบ มอบให้ ไร้กังขา
น้ำตาลไหม้ ผู้ใหญ่ลี กับนางมา
ยังตามดู ท่วงท่า ทุกคราไป